เอเจนซีส์ – ผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งหลายคนประกาศตัวสนับสนุนการต่อสู้ของ "จิล สไตน์" เรื่องการตรวจสอบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสนามสำคัญที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยหวุดหวิด ความคืบหน้าล่าสุดคือการยื่นฟ้องเพื่อให้รัฐวิสคอนซินยอมนับบัตรลงคะแนน 3 ล้านใบอีกครั้งด้วยมือ
เมื่อวันจันทร์ (28) นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายคนส่งบันทึกคำให้การเพื่อสนับสนุนการฟ้องร้องของสไตน์ต่อรัฐวิสคอนซิน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ในรัฐนี้นับคะแนนใหม่ด้วยเครื่องนับคะแนนอัตโนมัติ
สไตน์ระบุในคำฟ้องต่อศาลเคลื่อนที่ของเทศมณฑลเดนว่า อุปกรณ์สแกนอิเล็กทรอนิสก์เสี่ยงที่จะทำให้กระบวนการนับคะแนนใหม่ด่างพร้อยและไม่ถูกต้อง รวมทั้งอาจถูกแฮ็กเกอร์ต่างชาติโจมตีได้ ขณะที่การนับคะแนนด้วยมือจะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องมากกว่าและอาจเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง
สไตน์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคกรีน กำลังเดินเรื่องเพื่อให้มีการนับคะแนนใหม่ทั้งหมดในรัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ที่ทรัมป์ทำให้สำนักสำรวจความคิดเห็นประหลาดใจไปตามๆ กันด้วยการเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน อย่างฉิวเฉียดและพาตัวเองเข้าสู่ทำเนียบขาวจากคะแนนเสียงชี้ขาดของคณะผู้เลือกตั้ง
รัฐวิสคอนซินยอมรับการร้องเรียนจากสไตน์เพื่อให้มีการนับบัตรลงคะแนนทั้งหมด 3 ล้านใบอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (25) ทว่าในวันจันทร์ ความพยายามในการผลักดันการนับคะแนนใหม่ในรัฐเพนซิลเวเนียประสบปัญหาร้ายแรง หลังจากเธอได้รับแจ้งว่า ต้องมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 3 คนในแต่ละเขตเลือกตั้งจากทั้งหมด 9,163 เขตของรัฐ เรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในนามของเธอ แต่ในหลายเขตเลยกำหนดเส้นตายไปแล้ว
วันเดียวกัน รัฐวิสคอนซินแจ้งแก่สไตน์ว่า การนับคะแนนที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่า จะมีค่าใช้จ่าย 1 ล้านดอลลาร์นั้น กลับมีค่าใช้จ่ายจริงเพิ่มเป็น 3.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเธอจะต้องจ่ายให้ครบภายในวันอังคาร (29)
ทั้งนี้ สไตน์ระดมเงินสนับสนุนออนไลน์ได้กว่า 6 ล้านดอลลาร์สำหรับความพยายามให้มีการนับคะแนนใหม่ใน 3 รัฐ
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมาเกิดขึ้นท่ามกลางคำเตือนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีการตรวจพบแฮ็กเกอร์รัสเซียในระบบการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงของบางรัฐ และแฮกเกอร์เหล่านี้มีส่วนในการขโมยอีเมลจากคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต และจอห์น โพเดสตา ประธานทีมหาเสียงของคลินตัน
ความพยายามในการเรียกร้องการนับคะแนนใหม่ของสไตน์ที่ดำเนินการในนามเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและนักเคลื่อนไหวที่รวมตัวกันหลวมๆ ถูกวิจารณ์รุนแรงจากทรัมป์และพันธมิตร รวมถึงประชาชนจากกลุ่มการเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อค่ำวันจันทร์ นักวิชาการกลุ่มใหม่ได้ออกมาสนับสนุนสไตน์
ศาสตราจารย์ พอร์วี วอรา จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ระบุในบันทึกคำให้การว่า แฮ็กเกอร์อาจส่งมัลแวร์เข้าเครื่องสแกนการลงคะแนนเพื่อบิดเบือนผลการนับคะแนนใหม่ เช่นเดียวกับที่ทำกับผลการนับคะแนนครั้งแรก ดังนั้นวิธีเดียวที่จะมั่นใจในความถูกต้องคือการนับคะแนนใหม่ด้วยมือ
ทว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสคอนซินระบุว่า การนับคะแนนใหม่ต้องเสร็จสิ้นภายในเวลา 20.00 น. วันที่ 12 ธันวาคมเพื่อรับการรับรองขั้นสุดท้ายตามเส้นตายของรัฐบาลกลางในวันรุ่งขึ้น ดังนั้น แต่ละเทศมณฑลสามารถตัดสินใจเองว่า จะนับคะแนนใหม่ด้วยวิธีใดเพื่อให้ทันเส้นตายดังกล่าว
ศาสตราจารย์ แดน วอลแลค จากมหาวิทยาลัยไรซ์ ขานรับว่า มีเหตุผลครบถ้วนที่จะสงสัยว่า ปฏิปักษ์ต่างชาติสามารถโจมตีกระบวนการเลือกตั้งของอเมริกาอย่างตรงเป้าหมายและซับซ้อนได้ โดยอ้างอิงการแฮกโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยอเมริกาและอิสราเอล เพื่อให้พวกที่ยืนกรานว่า เครื่องลงคะแนนไม่สามารถแฮกได้เนื่องจากไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตาสว่าง
วอลแลคขยายความว่า มัลแวร์สตักซ์เน็ตถูกออกแบบมาเพื่อทำลายเครื่องหมุนเหวี่ยงนิวเคลียร์ในอิหร่านโดยเฉพาะ แม้ว่าเครื่องดังกล่าวไม่เคยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลยก็ตาม
ศาสตราจารย์ฟิลิป สตาร์ค ผู้อำนวยการโครงการคำนวณเชิงสถิติของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ ชี้ว่า คะแนนนำแค่ 22,000 คะแนนที่ทำให้ทรัมป์ชนะในวิสคอนซินนั้น อาจน้อยกว่าข้อผิดพลาดที่บ่อยครั้งเกิดขึ้นจากระบบการลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่เทศมณฑลส่วนใหญ่ใช้
ทั้งนี้ สตาร์คเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งก่อนที่สไตน์จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้