ประธาน กกต.ไปลงประชามติ ตัวแทนภูฏาน ติมอร์ฯ สังเกตการณ์ ขอชาวบ้านมีส่วนร่วม ยังหวังคนใช้สิทธิ 80% ไม่กังวลเหตุไฟใต้ “สมชัย” ใช้แอปดาวเหนือจากบ้านเป็นแผนที่นำทางมาคูหา พบเอกสารที่แจกในชัยภูมิผิดกฎหมาย 1 ชุด เผยมีคนแจ้งโกงแล้ว 140 เรื่อง ยันโปรแกรมรายงานผลใช้ได้แล้ว มั่นใจได้ผลไม่มีพลาด
วันนี้ (7 ส.ค.) ที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 08.00 น. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางมาออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง พร้อมด้วยนางแน่งน้อย สมเจริญ ภรรยา ณ หน่วยออกเสียงที่ 17 บริเวณสนามเปตอง ชุมชนสมปราถนา หมู่ 5 ซ.บางกรวย-ไทรน้อย 10 ต.บางกรวย เป็นคนแรกในหน่วยออกเสียงดังกล่าว โดยระหว่างนายศุภชัยใช้สิทธิออกเสียงซึ่งมีตัวแทนจากประเทศภูฏาน ติมอร์เลสเต และมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ร่วมสังเกตการณ์และศึกษารูปแบบการใช้สิทธิออกเสียงด้วย
นายศุภชัยให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญซึ่งตนอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเพื่อกำหนดอนาคตประเทศ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการให้ความเห็น เพราะการออกเสียงประชามติเป็นการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเจ้าของประเทศ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ เป็นดุลพินิจอิสระของแต่ละคน โดย กกต.ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 80 ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ส่วนกรณีเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ไม่ได้รู้สึกกังกล ไม่กังวล เพราะมีฝ่ายทหารและฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่ และอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการออกไปใช้สิทธิของประชาชน เพราะเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นปกติอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว
ทั้งนี้ หลังจากใช้สิทธิออกเสียงประชามติแล้ว นายศุภชัยพร้อมคณะตัวแทนจากต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศสังเกตการณ์ตามหน่วยออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัดนนทบุรี บริเวณศาลากลางจังหวัดนนทบุรี
ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ก็ได้เดินทางไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติที่หน่วยออกเสียงที่ 20 โรงเรียนกรุงเทพการบัญชี เขตราชเทวี กทม. โดยใช้แอปพลิเคชัน “ดาวเหนือ” ของสำนักงาน กกต.เพื่อเป็นแผนที่นำทางมายังหน่วยออกเสียงใช้สิทธิออกเสียงประชามติซึ่งรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 124
โดยนายสมชัยกล่าวภายหลังการใช้สิทธิออกเสียงว่า ได้รับงานว่าภาพรวมการใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเพียงใน จ.นราธิวาส ที่มีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการออกเสียงประชามติ ขอให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้มั่นใจว่าหน่วยออกเสียงประชามติมีความปลอดภัย อย่าตื่นตระหนก เพราะเราได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยเต็มที่ นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่ามีบางหน่วยบางพื้นที่มีการแจกใบปลิว เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องดูแล หากพบกว่าการกระทำดังกล่าวผิดก็ดำเนินตามกฎหมายต่อไป
สำหรับกรณีที่มีการแจกเอกสารรณรงค์เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่ จ.ชัยภูมิ นั้นได้รับรายงานว่ามีการแจกเอกสาร 3 ชิ้น มี 1 ใน 3 ชิ้นผิดกฎหมาย คือ เอกสาร 7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กกต.และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พิจารณาแล้วเห็นพ้องกันว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และตนก็พูดมาตลอดว่าเอกสารชิ้นนี้ขัดกฎหมาย ผิด พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง ส่วนเอกสารอีก 2 ชิ้น คือ เอกสารความเห็นแย้ง และแถลงการณ์ของกลุ่มคณะนิติราษฎร์นั้นไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับรายงานการกระทำผิดกฎหมายประชามติผ่านแอปพลิเคชัน “ตาสับปะรด” แล้วกว่า 140 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแจ้งความดำเนินคดีกว่า 35 เรื่อง
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ขณะนี้แอปพลิเคชัน “ราปิด รีพอร์ต” หรือโปรแกรมการรายงานผลคะแนนการออกเสียงประชามติ สามารถใช้การได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุแอปพลิเคชันล่มในระหว่างการซักซ้อมถือเป็นเรื่องที่ดีทำให้รู้จุดอ่อนของแอปพลิเคชันและสามารถแก้ไขได้ทันก่อนใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการใช้แอปพลิเคชันรายงานผลนั้นเป็นเพียงการรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการร้อยละ 95 เท่านั้น ไม่ใช่การรายงานผลอย่างเป็นทางการ เป็นคนละส่วนกัน การรายงานผลอย่างเป็นทางการจะมีระบบอื่นรองรับอยู่ เราทำคู่ขนานกันไป ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการรายงานผลอย่างเป็นทางการไม่มีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คืนนี้ไม่เกินเวลา 21.00 น. จะรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแน่นอน
“ผลคะแนนอย่างเป็นทางการ กกต.จะประชุมและลงนามกันในวันพุธที่ 10 ส.ค.นี้ ส่วนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการประชุมในวันอังคารที่ 9 ส.ค.เพื่อรับทราบผลการออกเสียงประชามตินั้น คงเป็นการเตรียมการเพื่อรอรับผลอย่างเป็นทางการเท่านั้น โดย ครม.อาจนำคะแนนอย่างไม่เป็นทางการร้อยละ 95 ไปพิจารณาในที่ประชุมเพื่อเป็นแนวทางก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องของ ครม. ไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. กกต.ไม่ได้ไปร่วมประชุมด้วย”