กกต.พาสื่อตรวจเยี่ยมโรงพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติ วาง 5 มาตรการป้องกันการปลอมแปลง พร้อมทยอยส่งแล้ว “สมชัย” ย้ำ กกต.ยังนับคะแนนหน้าหน่วยออกเสียง แสดงผลแบบเรียลไทม์ผ่านจอหน้าสำนักงาน กกต. ขณะเดียวกันรับลูกรัฐบาลจัดเวทีดีเบตร่าง รธน.ทุกจังหวัด ให้งบจังหวัดละ 1.5 แสนบาทดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมผู้บริหารของ สำนักงาน กกต. และสื่อมวลชน ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการพิมพ์และการจัดส่งบัตรออกเสียงประชามติ ณ โรงพิมพ์บริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
นายสมชัยกล่าวว่า การดำเนินการพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติได้เริ่มพิมพ์ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน - 28 กรกฎาคม 2559 รวม 34 วัน จำนวน 54,600,000 ฉบับ โดยมีคณะกรรมการกำกับและตรวจสอบการจัดพิมพ์บัตรออกเสียง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมการจัดพิมพ์บัตรตลอด 24 ชั่วโมง และแบ่งการตรวจรับและส่งมอบ โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจรับดำเนินการตรวจรับบัตรออกเสียงประชามติตามวันเวลาที่กำหนด แบ่งเป็น 3 งวด คือ งวดที่ 1 ภายใน 15 วัน นับแต่วันทำสัญญา โดยกำหนดภายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2559 ส่งมอบบัตรออกเสียง 10,000,000 ฉบับ ตรวจรับเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 โดยจัดส่งบัตรออกเสียง แบบพิมพ์และวัสดุอุปกรณ์ ให้จังหวัดทางภาคใต้ ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม 2559
งวดที่ 2 ภายใน 25 วัน นับแต่วันทำสัญญา โดยกำหนดภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2559 ส่งมอบบัตรออกเสียง รวม 25,000,000 ฉบับ ตรวจรับเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2559 โดยจัดส่งบัตรออกเสียง แบบพิมพ์และวัสดุอุปกรณ์ให้จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 18-22 กรกฎาคม 2559 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดส่ง
งวดที่ 3 ภายใน 34 วันนับแต่วันทำสัญญา โดยกำหนดส่งมอบบัตรออกเสียง รวม 19,600,00 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตรวจรับ 2 ครั้ง คือ วันที่ 25 กรกฎาคม 2559 และวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 โดยจัดส่งบัตรออกเสียง แบบพิมพ์และวัสดุอุปกรณ์ ให้จังหวัดทางภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2559 และจัดส่งให้จังหวัดภาคกลาง ระหว่างวันที่ 25-28 กรกฎาคม 2559 โดยนอกจากนี้บัตรออกเสียงประชามติแล้วยังมีการส่งบัตรตัวอย่างอีก 500,000 ฉบับด้วย
ทั้งนี้ การที่ กกต.เลือกโรงพิมพ์จันวาณิชย์ เพราะเป็นโรงพิมพ์ที่มีขีดความสามารถสูง ราคาประมูลประหยัดคุ้มค่า ทั้งนี้ในการพิมพ์บัตรได้พิมพ์บัตรเกินร้อยละ 8 เพราะเนื่องจากบางหน่วยออกเสียง ใช้บัตรไม่เต็มจำนวนเล่ม ซึ่งเล่มหนึ่งจะมีจำนวน 20 ใบ จึงต้องส่งไปให้เต็มทั้งเล่มซึ่งเป็นเกณฑ์ที่พิมพ์เกินมาเหมือนเช่นทุกครั้งที่จะอยู่ร้อยละ 8-10
“การพาสื่อฯ มาชมการพิมพ์บัตรและจัดส่งในวันนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าบัตรไม่สามารถปลอมแปลงได้ และมีการรักษาความปลอดภัยในระดับสูงยิ่ง มีการตรวจการเข้าออก ตรวจนับจำนวนบัตรที่พิมพ์ รวมทั้งในกรณีที่พิมพ์เสีย”
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ในการพิมพ์บัตรนี้ได้มีการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยไว้ 5 ขั้น สามารถเปิดเผยกับสื่อฯ ได้ 3 ขั้น อีก 2 ขั้นเป็นความลับที่ กกต.จะใช้ในกรณีการตรวจสอบเมื่อเกิดเหตุบัตรปลอม สำหรับ 3 ขั้นที่เปิดเผยได้คือ ในบัตรออกเสียงประชามติจะมี 2 สีที่แตกต่างกันในส่วนที่ 1 และ 2 ซึ่งก่อนถึงวันออกเสียงประชามติจะมีเจ้าหน้าที่ กกต.รู้ว่าสีอะไรไม่เกิน 10 คน ทั้งนี้ยืนยันว่า กกต.บางคนก็ไม่ทราบ และประชาชนจะรู้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยมาตรวจรับบัตรออกเสียงประชามติ
ขั้นที่ 2 มีการซ่อนตัวอักษรขนาดเล็กจิ๋วไว้ในบัตรฯ ซึ่งต้องใช้แว่นขยายพิเศษในการอ่าน ขั้นที่ 3 มีการพิมพ์ลายน้ำที่ใช้หมึกพิเศษที่จะต้องใช้แสงสีม่วงในการสแกน จึงจะเห็นลายน้ำดังกล่าว นอกจากนี้ในขั้นที่ 4 และ 5 ใช้เทคโนโลยีระดับสูงซึ่งไม่ขอเปิดเผย
นายสมชัยยืนยันว่า ขณะนี้การออกเสียงประชามติที่ กกต.ดำเนินการมีความพร้อมแล้วร้อยละ 95 เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและแผนที่กำหนดไว้ และในวันนี้เหลือแค่เพียงการส่งบัตรฯ ซึ่งก่อนวันออกเสียงประชามติ 2 วัน กรรมการประจำหน่วยก็จะมารับบัตรฯ ในวันนั้นประชาชนก็จะรู้ว่าบัตรออกเสียงประชามติสีอะไร นอกจากนี้ยืนยันว่าประเทศอื่นไม่ใช้การพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติพิเศษขนาดนี้ แต่การที่ กกต.ไทยได้พิมพ์บัตรที่มีลักษณะพิเศษเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
นายสมชัยยังชี้แจงหลังมีข่าวเรื่องการนับคะแนนที่ผิดพลาด โดยย้ำว่าการนับคะแนนยังนับที่หน่วยออกเสียงประชามติ และเปิดเผยผลคะแนนในแต่ละหน่วย ส่วนการรายงานผล มี 2 อย่าง คือ การรายงานอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ การรายงานอย่างเป็นทางการคือเจ้าหน้าที่จะนำเอกสารที่มีลายเซ็นกำกับของกรรมการประจำหน่วยตามขั้นตอนและระเบียบมาส่งให้ กกต.ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน
ส่วนการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ กกต.ได้จัดทำแอปพลิเคชันที่จะรายงานมายังส่วนกลาง เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งเข้ามาจะมีการรวมผลแบบเรียลไทม์ว่าคะแนนจริงเท่าไหร่ และจะมีการนำโชว์บนหน้าจอที่สำนักงาน กกต. แต่จะไม่มีการส่งคะแนนแบบเรียวไทม์ให้กับสื่อมวลชน หลังมีสื่อบางส่วนนำไปเสนอบิดเบือนว่าไม่มีการแสดงผลตัวเลขจริง และไปกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส ดังนั้น กกต.จึงตัดสินใจจะไม่ให้ส่งคะแนนดังกล่าวแบบเรียลไทม์ให้สื่อ แต่ให้ไปรอผลคะแนนจากจอที่ กกต.เหมือนดังเช่นประชาชนทั่วไป พร้อมกันนี้ยังย้ำว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำประชามติ และยืนยันว่าจะมีการออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้อย่างแน่นอน
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ในการประชุม กกต.วาระพิเศษเช้าวันนี้ (25 ก.ค.) ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่รัฐบาลได้ติดต่อขอให้ กกต.จัดเวทีชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยให้ กกต.ดำเนินการร่วมกับผู้ว่าฯ ซึ่ง กกต.ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการจัดเวทีดังกล่าว จึงเห็นชอบด้วยหลักการและส่งหนังสือเวียนไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดว่าให้ดำเนินการจัดเวทีชี้แจง โดย กกต.ได้จัดงบให้จังหวัดละ 150,000 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่เหลือจากการพิมพ์เอกสารต่างๆ ที่แจกจ่ายให้แก่ประชาชน โดยเวทีที่จะจัดให้ทาง กกต.จังหวัดหารือกับผู้ว่าฯ กำหนดในเรื่องการเชิญบุคคล สถานที่ การดูแลความปลอดภัย รวมทั้งวันที่จะจัด คือถ้าจังหวัดมีความพร้อมในวันใดก็สามารถกำหนดได้เอง ขึ้นอยู่กับจังหวัดนั้นๆ แต่จะต้องจัดให้เสร็จภายในวันที่ 3 ส.ค.
สำหรับรูปแบบการจัดเวทีจะเป็นการให้นำเสนอข้อมูลสองฝ่ายโดยเป็นการพูดคุยฝ่ายละ 2 คน ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายที่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติน่าจะส่งตัวแทนไปได้ทุกเวที ส่วนตัวแทนของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหากไม่สะดวก ก็จะให้เชิญครู ก. ไปช่วยอธิบาย สำหรับตัวแทนผู้เห็นต่าง ให้ทางจังหวัดเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม หากไม่มีกลุ่มการเมืองก็อาจเชิญนักวิชาการ หรือเอ็นจีโอ ไปร่วมแสดงความคิดเห็นได้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กกต.ในวันนี้ไม่ได้มีการพิจารณากรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมรายการดีเบตทางโทรทัศน์ที่ กกต.จัดขึ้น รวมทั้งไม่มีการพิจารณากรณีที่ตนจะเสนอให้ตักเตือนหน่วยงานที่บิดเบือนในการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.)