เลขาฯ กกต.เผยยังไม่เปลี่ยนแปลงวันประชามติ 10 ม.ค. 59 ส่วน 1 ก.ย.เปิดศูนย์ประชามติ รับต้องหาโรงพิมพ์ที่มีศักยภาพทั้งพิมพ์บัตรออกเสียง-เอกสารเผยแพร่ พรุ่งนี้เชิญชวนให้เสนอตัว ทราบผลสิ้นเดือน รับยังประเมินงบไม่ได้ รอความชัดเจน แต่คาดไม่เกิน 2 พันล้าน รับคงหนักใจแจกเอกสารต้องให้เสร็จปลาย พ.ย. เหตุเวลากระชั้นชิด เลี่ยงจัดซื้อวิธีพิเศษ ยึดประกวดราคาเพื่อความโปร่งใส
วันนี้ (16 ก.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานการบริหารการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า หลังจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้วันนี้ และมีการระบุให้ทำประชามติ จึงมีการประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวเพื่อแนวทางเตรียมการ เบื้องต้นยังเห็นว่าไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวันออกเสียงประชามติที่กำหนดไว้เดิม คือ วันที่ 10 มกราคม 2559 แม้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอาจจะขอขยายเวลาในการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน ส่วนการเตรียมการล่วงหน้า กกต.จะมีการเปิดศูนย์อำนวยการออกเสียงประชามติในวันที่ 1 ก.ย. และจากการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ต้องจัดพิมพ์เอกสารร่างรัฐธรรมนูญและเผยแพร่ไปยังประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงประมาณ 23 ล้านครัวเรือน รวมถึงต้องจัดพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติที่คาดว่าอาจจะต้องใช้บัตร 3 ใบต่อผู้ออกเสียง 1 คน จึงจำเป็นที่จะต้องสรรหาโรงพิมพ์ที่มีศักยภาพในการพิมพ์ทั้งบัตรออกเสียง และเอกสารเผยแพร่
ดังนั้นในวันที่ 17 ก.ค. ตนก็จะลงนามประกาศเชิญชวนให้โรงพิมพ์ทั้งของหน่วยงานรัฐและเอกชนที่คิดว่ามีศักยภาพในการจัดพิมพ์เอกสารทั้งสองส่วนได้มีการเสนอตัวว่ามีความพร้อมที่จะรับงานดังกล่าวมากน้อยเพียงใด คาดว่าจะทราบผลภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้ในการจัดการออกเสียงครั้งนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะขึ้นอยู่กับจำนวนคำถามที่จะใช้ในการออกเสียง และจำนวนเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่จะจัดพิมพ์ซึ่งต้องรอความชัดเจนก่อน แต่เบื้องต้นจากการคำนวณจำนวนหน่วยออกเสียง ที่จะมีประมาณ 98,000 หน่วย และจำนวนกรรมการประจำหน่วยที่จะใช้ 7-10 คน คาดว่าจะใช้งบประมาณเฉพาะในส่วนนี้ไม่เกิน 2 พันล้านบาท
นายภุชงค์ยังกล่าวด้วยว่า กกต.ค่อนข้างหนักใจกับการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ต้องจัดพิมพ์เอกสารร่างรัฐธรรมนูญและเผยแพร่ไปยังประชาชนให้ได้ร้อยละ 80 หรือประมาณ 19 ล้านครัวเรือน ก่อนถึงวันออกเสียง 30-45 วัน เท่ากับว่าหากกำหนดวันออกเสียงในวันที่ 10 มกราคม 2559 จะต้องมีการเผยแพร่เอกสารให้แล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เมื่อนับเวลาที่ สปช.เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่อย่างช้าในวันที่ 6 กันยายน ระยะเวลาที่มีค่อนข้างกระชั้นชิด การจัดพิมพ์โดยกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามปกติอาจมีปัญหา แต่ กกต.ก็พายามที่จะไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ จะยึดเรื่องการประกวดราคา ซึ่งจะประสานไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส รวมทั้งจะมีการขอความชัดเจนไปยังรัฐบาลว่าการให้ กกต.ซึ่งเป็นผู้จัดออกเสียงประชามติ เป็นผู้พิมพ์และเผยแพร่ด้วยนั้นจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ และจะสามารถเผยแพร่ได้มากแค่ไหน อย่างไร เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม แผนการทำประชามติที่มีการประชุมในวันนี้จะมีการเสนอต่อที่ประชุม กกต.ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ด้วย