ปลัด มท.ปฏิเสธล็อกสเปกเวทีดีเบตร่าง รธน. ย้ำสั่งผู้ว่าฯ เชิญทุกกลุ่ม ไม่ห้ามนักการเมือง ร่วมเวทีการแสดงความคิดเห็น เผยโค้งสุดท้ายได้รับข่าวการเคลื่อนไหวกลุ่มป่วนจากกำนันผู้ใหญ่บ้านจริง! ปูดมีคนแปลกหน้าเข้าไปในหมู่บ้านต่างๆ แต่ยังไม่มีความชัดเจนและไม่เข้าองค์ประกอบของการกระทำความผิด
วันนี้ (1 ก.ค.) มีรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาปฏิเสธถึงกรณีสื่อบางสำนักมีการนำเสนอข่าวว่ากระทรวงมหาดไทย มีการล็อกสเปกสั่งผู้ว่าฯ ห้ามนักการเมือง หรือเชิญผู้สมัครมาร่วมเวทีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ (ดีเบตร่างรัฐธรรมนูญ) ตามเวทีต่างๆ นั้น ตนขอเรียนว่าเราเชิญทุกกลุ่ม แต่การจัดคนพูดทาง กกต.จะเป็นผู้บริหารจัดการ ไม่ได้มีการล็อกสเปกตามที่มีการเสนอข่าวออกไป ทาง กกต.บอกว่าให้กระทรวงมหาดไทยจัดเวทีโดยให้มีคนมาประมาณ 300-400 คน โดย 100 คนแรกน่าจะเป็นข้าราชการ และอีก 300 คนน่าจะเป็นการกระจายไปยังกลุ่มต่างๆ ได้แนะนำผู้ว่าฯให้เอาทุกสาขาอาชีพ
ทั้งนี้ยังได้สั่งการไปว่าหากมีการมาแสดงสัญลักษณ์ให้ใช้วิธีการเจรจา อย่าใช้ความรุนแรง โดยเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีการเริ่มจัดเวทีดีเบตไปแล้ว และในวันที่ 2ส.ค.จะมีการจัดกิจกรรมพร้อมกันทั้ง 30 กว่าจังหวัด และช่วงนี้จะมีการทยอยจัดไปเรื่อยๆ ทั้งนี้มีรายงานมาครบแล้วทั้ง 76 จังหวัดที่จะมีการจัดดีเบต และยังไม่พบปัญหาความรุนแรงแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวด้วยว่ามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆในช่วงโค้งสุดท้ายของการทำประชามตินั้น กระทรวงมหาดไทยได้รับข่าวการเคลื่อนไหวมาจากกำนันและผู้ใหญ่บ้าน โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เข้าไปในหมู่บ้านต่างๆ เบื้องต้นที่พบขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนและไม่เข้าองค์ประกอบของการกระทำความผิด อย่างกรณีเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ อ.เมืองลำพูน มีคนไปเคาะประตูตามบ้าน มีการถามว่าบ้านนี้ได้รับรายชื่อ เอกสารรัฐธรรมนูญหรือยัง ทำให้มีความหวาดระแวงกันพอสมควร คนที่ไปถามก็เป็นหน่วยงานของส่วนราชการ ดังนั้น ตนจึงได้ออกหนังสือสั่งการให้จัดหน่วยประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน ไม่ต้องมาเคาะประตูตามบ้าน ขณะนี้ได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอไปแล้วจะได้ไม่เกิดความสับสน และจะได้ลดความหวาดระแวงของชาวบ้านลงด้วย
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ถึงการจัดเวที เพื่อให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีการส่งแนวทางสนับสนุนการดำเนินการของผู้ว่าราชการจังหวัด ในการจัดเวทีฯ โดยในเอกสารระบุถึงภารกิจและแนวทาง โดยกำหนดกลุ่มต่างๆ ไม่ควรเกิน 300 คน และให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยไม่ควรเกิน 100 คน มีการกำหนดกลุ่มอาชีพ กลุ่มวิชาชีพ กลุ่มอาสาสมัคร กลุ่มผู้นำ และอื่นๆ