นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 ยอมรับกดดันต้องสางงานให้เสร็จระยะแรก ลั่นไม่โดดเดี่ยว เพราะมี รมต.-ข้าราชการร่วมเดินหน้าประชารัฐ ชี้สังคมวุ่นวายเหตุเพราะคน ลั่นไม่เคยบังคับใคร ขอแค่เลือกคนดีบริหารประเทศ ไม่เข้าใจทำไมมะกัน-อียูบอกไม่ค้าขายไทยทั้งที่เจรจากันตลอด ลั่นไม่ชอบคนไทยต่างแดนที่ด่าประเทศ ชี้ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถ้าหวังกลับไทย สอนสื่ออย่าผลักคนเลือกข้าง
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมประจำปี 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่องร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช.ร่วมงาน
โดย พล.อ.ประยุทธ์แสดงปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การจะทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ถือเป็นโอกาสสำคัญของชาติและคนไทยในช่วงที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งวันนี้เรามีรถไฟขบวน 6-6-4 ไม่ต้องเอาตัวเลขไปทำอย่างอื่น ตัวเลขนี้หมายถึง 6 คือ ปียุทธศาสตร์ และ 6 ด้านปฏิรูป ส่วน 4 คือ ปียุทธศาสตร์เสริม ซึ่งจะเป็นแผนระยะยาวที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เราต้องใช้โอกาสสำคัญนี้เปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีกว่าเดิม อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤต เราต้องลดความเสี่ยงอนาคตให้ได้ ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน
“ทุกครั้งที่ถูกติดดอกไม้ตรงอกเสื้อ เวลาอยู่ข้างล่างไม่รู้สึกอะไร แต่พอขึ้นมายืนพูดบนเวที ผมรู้สึกเหมือนเป็นจำเลยที่ต้องทำงานให้สำเร็จ นั่นคือปัญหาของผม แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้ผมต้องทำมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะรัฐมนตรี ข้าราชการ ช่วยกันทำ พลังประชารัฐก็เดินหน้าโดยตลอด เพียงแต่กดดันในหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในระยะแรก ขณะที่ยังบริหารราชการแผ่นดินในขณะนี้” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 จะต้องแก้ปัญหาเดิม ของ11 แผนที่ผ่านมาซึ่งทำไม่สำเร็จ เพราะที่ผ่านมาทำงานไม่เป็นเชิงรุก ไม่ทำงานต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้รัฐบาลและ คสช.จะขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงโดยเร็ว หากทุกอย่างเรียบร้อยแผนนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.นี้ เป็นการกำหนดว่าประเทศจะเดินหน้าอย่างไรในช่วง 5 ปี และจะเห็นได้ว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากโรดแมปที่วางไว้ทั้งสิ้น ยืนยันว่าทุกอย่างยังเดินหน้าเว้นแต่บางเรื่องที่ทำไม่ได้ นั่นคือปัญหาของประเทศไทย
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างความเข้มแข็ง เพราะประเทศเราต้องสร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันโดยขจัดอุปสรรคต่างๆ เพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งวันนี้รายได้ประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญสุด หากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง นับวันรายได้จะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะปัจจัยภายนอกและประเทศอื่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นไทยจะชะลอตัวอยู่ต่อไปไม่ได้ และอย่าให้ปัญหาอื่นมาทำสิ่งที่วาดฝันไว้ในอนาคตถูกทำลาย
นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้ไม่ใช่วันไหนตนไม่ได้พูดแล้วไม่ได้ทำงาน ทำทุกวัน เช้าถึงเย็น เวลาไปไหนก็ได้สั่งกลับมา ตลอดที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยทิ้งประเทศ ไม่เคยทิ้งพวกเราสักคน รับฟังความคิดเห็นตลอดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตนก็รับทั้งหมด เพราะถือว่าได้ประกาศไปแล้วว่าตนต้องรับผิดชอบ วันนี้อยากขอเพียงร่วมกับตนหน่อยว่าจะทำอย่างไร ลองคิดตามดูแล้วกัน ขณะที่คนในความหมายของสังคมไทย คนที่มันทำให้มันยุ่ง ถ้าเรียกมนุษษย์มันไม่เข้าใจ ถ้าเรียกคนมันวุ่นวายไปหมด มันอยู่ที่คน อยู่ที่คนให้มันดีก็แล้วกัน ถ้าคนดีมันก็ไม่มีความสับสนวุ่นวาย แบบหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ซึ่งตนบังคับใครไม่ได้ คนบังคับและคนที่ทำให้เกิดขึ้นได้ คือประชาชนทุกคน เพราะเป็นคนกำหนดวิถีทางประชาธิปไตย เป็นคนเลือกผู้แทนฯ เลือก ส.ส.เลือกพรรคการเมืองเป็นรัฐบาล อยู่ที่ท่านทั้งหมด ตนบังคับเขาไม่ได้ ตนตีกรอบให้ได้ ซึ่งมันควรเป็นรัฐบาลที่แล้วทำ
นายกฯ กล่าวว่า หลายประเทศที่มาก็มาชี้แจงถามว่า จะหลุดพ้นกับดักภายในกี่ปี สิ่งเหล่านี้ต้องกำหนดเวลา แต่เราเคยมีไหม ไม่มีหรอก วันนี้เราต้องมาช่วยกัน ตนไม่ได้รังเกียจนักการเมือง เพราะวันหน้านักการเมืองก็ต้องเข้ามาอีก ถ้าประชาธิปไตยไม่เอานักการเมืองมา แล้วจะเอาใคร กลไกมันเป็นอย่างนั้น ก็เตรียมตัวให้ดี ทั้งคนเลือก และคนถูกเลือก ทั้งนี้ ตนได้นำ 37 วาระปฏิรูปบางส่วนมาทำแล้วบ้าง อันไหนยังทำไม่ได้มาวางไว้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้รัฐบาลหน้าทำต่อ เชื่อว่าถ้าทำแบบนี้จะไปได้หมด และนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเข็มทิศนำทาง เพื่อให้มีภูมคุ้มกันที่ดี เดินอย่างระมัดระวัง ประมาณตัวเอง โดยคนเป็นศูนย์กลางพัฒนา และต้องเป็นคนดีที่มีคุณธรรม มีธรรมาภิบาล รู้ดีรู้ชั่ว เพื่อสังคม องค์กร รัฐบาล ข้าราชการที่มีจริยธรรม ธรรมาภิบาล ไม่ใช่ร้องเรียนกันไปกันมาตลอด
นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราสร้างคนดีให้มีคุณภาพ สร้างสังคมให้มีจริยธรรม สร้างประเทศให้มีธรรมาภิบาลความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เรามีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ จะลดลง เราจะมีที่ยืนบนเวทีโลก แต่ถ้าเรายังทะเลาะกันแบบนี้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือแม้จะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เป็นเรื่องก็ตามต่างชาติเขาจะรู้ไหมว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เขาไม่รู้ เขารู้แต่เรื่องความขัดแย้งเพราะสื่อทุกประเทศในโลกเป็นแบบนี้ เรื่องธรรมดาเขาจะไม่ค่อยให้ความสนใจ เพราะสื่อมีการแข่งขันในเวทีสื่อด้วยกัน ผมไม่ได้ว่าสื่อ แต่ท่านต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง อย่างอ่านข่าวในรถก่อนมาก็หงุดหงิด แต่ไม่อ่านก็ไม่ได้ ถ้าเราเชื่อทุกอย่างไม่อ่านก็โง่ แต่ถ้าเชื่อทุกอย่างก็บ้า เป็นกันแบบนี้ทุกคนต้องคิดใหม่ ไม่ว่าจะโลกโซเชียลมีเดียหรืออะไรต่างๆ บ้าหมดแหละ โมโหทุกทีที่เห็นอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแล้วมาเขียนกัน ทำให้สังคมเกิดความเกลียดชังกันไปหมด ไอ้ที่พอจะดีอยู่ได้ก็เลวกันหมด มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราจะผลักให้สังคมเป็นข้างใดข้างหนึ่งแบบนี้ไม่ได้ เราต้องหาตรงกลางให้เจอเราถึงจะเดินต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าแยกคนไปทางโน้นทางนี้ เราต้องแยกคนด้วยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น จะแยกด้วยความรู้สึกไม่ได้ อยู่กันแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป เราต้องร่วมมือและสามัคคีกัน ให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ทำให้ทุกอย่างเกิดความเท่าเทียม ทำให้ทุกคนเป็นคนดีคนเก่ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องบนไปถึงบนเวทีโลก สหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลายเวที หลายพันธสัญญาเราอยู่ในเวทีโลก เดี๋ยวประธานสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) และคณะนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาก็มาเข้าพบตน มา 3-4 ครั้งแล้ว แต่ทำไมเขาบอกว่าเขาไม่ค้าขายกับเรา ตนไม่เข้าใจ สหภาพยุโรป (อียู) ก็มา เขามากันทุกอาทิตย์ มาคุยเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุน และขอรับทราบมาตรการต่างๆ ของเรา ทั้งนี้เขาก็เข้าใจว่าเรากำลังปรับแก้กันอยู่ แต่ติดตรงที่ว่าประชาธิปไตยที่คนพูดกันเสียหาย ไม่ได้บอกว่าจะไปเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยเมื่อไหร่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ท่านนั้นเอง ไม่ได้เลย มีแต่ขยายความขัดแย้งไปเรื่อยแล้วแบบนี้เขาจะมาลงทุนกันไหม วันนี้เขาลงทุนกันมากกว่าเดิมผมจะบอกให้ มีคนบอกว่าเขามาลงทุนน้อยลงการเจริญเติบโตน้อยลง มันใช่ไหมลองไปดูข้อเท็จจริง ไม่เคยฟังตัวเลขแต่มาบอกว่าเป็นตัวเลขปลอมๆ จะมีไว้ทำไมข้าราชการยกเลิกให้หมด ให้ประชาชนมาบริหารกันเอง มีไหมระบบแบบนี้มีที่ไหนในโลก ทุกคนต่างเชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดี ผมก็เชื่อหากเราได้คนดีเข้ามาก็ดีแน่นอน คนที่ดูแลทุกคนทั้ง 70 ล้านคน ดูทุกอาชีพ ไม่ใช่ดูคนเป็นกลุ่มๆ
“รัฐบาลผมดูแลทุกคนจะดีไม่ดีผมก็ดูแลเขาเพราะเป็นคนไทยนี่นา แต่หลายคนเขาก็ปฏิเสธที่จะเป็นคนไทย ไปอยู่ข้างนอก โจมตีรัฐบาลทุกวัน แล้วเขาจะกลับมาได้อย่างไรผมถามหน่อย ถ้าคนทำผิดกฎหมายแล้วหนีใครจะให้กลับ เอาละผมไม่ให้กลับ ผมอยากให้ทุกคนเดินตรงกลาง ถ้ายอมรับกฎหมายก็กลับได้ไม่เป็นไร เพียงแต่ท่านต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับกฎหมายแล้วไปด่าประเทศโครมๆ พวกท่านยอมไหม ถ้าต้องการให้เป็นแบบเดิมก็เอาสิ ผมไม่ว่าหรอก เอากลับมาให้หมด กลับมาก็ไปตั้งแถวต้อนรับก็ได้ ผมไม่เคยเกลียดใครเลย แต่จะชอบหรือไม่ชอบก็เรื่องของผม เพราะผมก็ไม่ชอบคนแบบนี้ เพราะผมเป็นทหารไง เมื่อลูกน้องทำความผิดก็ลงโทษแล้วจบ แต่ถ้าเถียงเมื่อไหร่ก็ไม่ได้ มาสู้กันในคดีหรือกระบวนการยุติธรรมก็มาสู้กัน” นายกฯ กล่าว