การรัฐประหารที่ล้มเหลวในประเทศตุรกี ตามมาด้วยการกวาดล้างฝ่ายที่ประธานาธิบดี เรเซป ตอยิป ออร์โดกัน เชื่อว่า มีส่วนในการวางแผน คบคิด ก่อการ โค่นล้มเขาจากอำนาจ ซึ่งเขาเรียกว่า เป็น “ รัฐคู่ขนาน”
มีผู้ถูกจับกุมคุมขัง ปลดจากตำแหน่ง ไล่ออกไปแล้วกว่า 50,000 คน ถือว่า ยังไม่มากเมื่อเทียบกับการรัฐประหารโดยกองทัพตุรกีครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1980 ซึ่งมีการจับฝ่ายตรงข้ามไปขังถึง 6 แสนคน แต่การกวาดล้างเพิ่งจะเริม่ต้น และมีแนวโน้มว่า ยังไม่จบลงอย่างง่ายๆ
ประธานาธิบดี ออร์โดกัน ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ เป็นเวลา 3 เดือน เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่า เพื่อ “ กำจัดเชื้อร้ายที่ระบาดอยู่ในกองทัพให้สิ้นซาก” และ “ ชำระล้างองค์กร สถาบันแห่งรัฐ”
รัฐที่ออร์โดกันหมายถึงก็คือ รัฐคู่ขนาน คือ ขบวนการ” กูเลน” ที่มีศาสดาคือ เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาอิสลาม ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 1999 เป็นผู้ที่ออร์โดกันเชื่อว่า อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารครั้งนี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกันส่งตัวกลับมาดำนเนินคดีที่ตุรกี
กูเลน เป็นมุสลิม สายนิกายชีอะห์ เป็นอิสลามสายกลางที่เปิดกว้าง ยอมรับในความแตกต่าง ความทันสมัย ในขณะที่ออร์โดกันเป็นมุสลิมสุหนี่ ที่มีแนวความคิดแบบอิสลามจารีต
ทั้งคู่เคยเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน ก่อนที่จะแตกคอกัน เพราะกุเลนเห็นว่า ออร์โดกันกำลังนำพาตุรกีไปสู่รัฐอิสลาม ซึ่งเขาไม่เห็นด้วย
เหล่าสาวก ผู้เดินตามแนวทางอิสลามสายกลาง หรือ อิสลามเสรีนิยมของกูเลน หรือ Gulenist มีอยู่มากมาย ในทุกวงการของตุรกี และตกเป็นเป้าหมายในการกวาดล้างของออร์โดกัน
ในบรรดาคนเหล่านี้ มี ทหาร 7500 คน ถูกคุมขัง รวมทั้ง นายพล 118 ราย , ตำรวจ 8,000 คนถุกย้ายออกจากตำแหน่ง และถูกจับ 1,000 คน คนในกระบวนการยุติธรรม 3,000 คนถูกพักงาน รวมทั้งผู้พิพากษา 1,481 คน เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง 1,500 คน ถูกย้าย, นักบวช ครูสอนศาสนา นักเทศน์ 393 คนถูกไล่ออก เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี 257 คน ถูกย้าย เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง 100 คนถูกไล่ออก และนักข่าว 30 กว่าคน ที่ถูกหาว่า มีความสัมพันธ์กับกูลิน โดนถอนใบอนุญาต
ที่น่าสนใจคือ มีข้าราชการกระทรวงศึกษา 15,200 คนถูกไล่ออก ครูโรงเรียนเอกชน 21,000 คน ถุกถอนใบอนุญาต คณบดี และผู้บริหารหน่วยงานในมหาวิทยาลัย 1,577 คนถูกขอให้ลาออก โรงเรียน มหาวิทยาลัยกว่า 600 แห่งโดนสั่งปิด ทั้งยังมีข่าวว่า ออร์โดกันจะประกาศแผนปฏิรูปมหาวิทยาลัย 300 แห่งทั่วประเทศในเร็วๆนี้ อาจารย์ นักวิชาการ ถูกห้ามเดินทางไปต่างประเทศ ใครที่ไปแล้ว ให้กลับมาทันที
เหตุที่ บุคลากรในวงการศึกษาของตุรกี ตกเป็นเป้าหมายในการกวาดล้างของออร์โดกัน ทั้งๆที่ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการรัฐประหาร ก็เพราะว่า ภารกิจสำคัญของ ขบวนการกูเลนภารกิจหนึ่งคือ การจัดตั้ง ส่งเสริม โรงเรียนในแนวทางแบบกูเลน ” คือ โรงเรียนอิสลาม ที่เน้นวิทยาการสมัยใหม่ โดยเฉพาะการปลุกฝั่งให้นักเรียนมีความรู้ ทักษะ ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
โรงเรียนกูเลนนี้ มีอยู่มากมายในตุรกี และประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา เพื่อให้การศึกษาแก่ลูกหลานชาวตุรกี ที่อพยพไปอยู่ในประเทศเหล่านั้น
ในขณะที่ ออร์โดกัน ประกาศให้ทราบทั่วกัน ในวันที่เขามีอำนาจเมื่อปี 2002 ว่า ภารกิจส่วนตัวของเขาคือ การสร้างโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ยึดแนวทางของศาสนาอิสลาม แบบอนุรักษ์นิยม เขาต้องการสร้าง ชนรุ่นใหม่ที่ มีศรัทธาแรงกล้าในศาสนาอิสลาม
ในคืนที่มีการรัฐประหาร ประธานาธิบดีออร์โดกัน ไปพักผ่อนนอกเมืองแองการ่า หน่วยองครักษ์ประจำตัว พาเขาหลบหนีออกจากที่พัก ก่อนหน้าที่หน่วยจู่โจมของฝ่ายรัฐประหารจะบุกเข้าไปจับตัว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ เมื่อเขามาถึงสนามบินอะตาเติร์กในกรุงอิสตันบุล ได้ใช้โปรแกรม เฟซไทม์ ในสมาร์ทโฟน แถลงการณ์ผ่านกล้องทีวีของสถานีทีวี ซีเอ็นเอ็น เติร์ก เรียกร้องให้ประช่าชนออกมาต่อต้านคณะรัฐประหาร
มัสยิด 80,000 แห่งทั่วประเทศได้รับคำสั่งให้กระจายเสียง เชิญชวนให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงให้ออกจากบ้าน มา “ สวดมนต์ “ ในตอนนั้นซึ่งเป้นเวลาตีหนึ่ง ทันที
เฟตฮุลเลาะห์ กูลิน ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ตามที่ออร์โดกันกล่าวหา แต่ออร์โดกัน นั่นแหละเป็นคนจัดฉาก การรัฐประหารขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างในการกระชับอำนาจ กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขบวนการกูเลน
ใครคือ ผู้วางแผนการรัฐประหารที่ล้มเหลวกันแน่ ไม่มีใครรู้ แต่การรัฐประหารที่ล้มเหลวในตุรกี ทำให้ประธานาธิบดี ออร์โดกัน ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้นำตุรกีสมัยใหม่ที่เด็ดขาด มีความเป็นเผด็จการสูง เปิดฉากการกวาดล้างผู้ที่เห็นต่าง คิดต่าง โดยใช้อำนาจที่ยึดมาจากรัฐสภา ผ่านการประกาศภาวะฉุกเฉิน
การปฏิวัติที่ตุรกีกำลังเริ่มขึ้น หลังการรัฐประหารที่ล้มเหลว เป้าหมายนั้นคือ อะไร คือรัฐอิสลามหรือไม่ อีกไม่นาน คงได้รู้กัน