เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เหล่าผู้สนับสนุนรัฐบาลตุรกีหลายพันคน หลั่งไหลข้ามสะพานแห่งหนึ่งที่ทอดผ่านช่องแคบบอสพอรัสในอิสตันบูลในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) เพื่อประท้วงต่อต้านการรัฐประหารพยายามโค่นอำนาจประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่ผู้นำรายนี้สัมภาษณ์พิเศษกับรอยเตอร์ เชื่อความพยายามยึดอำนาจรอบใหม่ยังมีความเป็นไปได้ แต่กร้าวคราวนี้ไม่ง่ายแน่เพราะจะระวังมากกว่าเดิม
สะพานบอสพอรัสที่เชื่อมระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปของอิสตันบูล เป็นหนึ่งในสมรภูมิรบหลักของความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อคืนวันศุกร์ (15 ก.ค.) ขณะที่ทหารกบฏส่งรถถังเข้าไปปิดการจราจร แต่ถูกตอบโต้จากผู้ประท้วงที่มีกำลังน้อยกว่า
ในการชุมนุมที่ขานรับเสียงเรียกร้องอย่าหยุดประท้วงต่อต้านรัฐประหารของนายเออร์โดกัน เหล่าผู้สนับสนุนของเขาหลั่งไหลกันไปเต็มสะพาน เพื่อประณามความพยายามยึดอำนาจที่ล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบางรายถือคบเพลิง ถือป้ายข้อความชาตินิยมและประณามนายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาอิสลามที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ ที่อังการากล่าวโทษว่าเป็นผู้บงการรัฐประหาร
เหล่าผู้ชุมนุมเดินขบวนจากเขตคิซิคิลบนฝั่งเอเชีย ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักของนายเออร์โดกัน ไปยังฝั่งยุโรปของเมือง ผลคือทำให้ต้องปิดการจราจรบนสะพานแห่งนี้ตั้งแต่เวลา 19.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 02.00 น.) และมันถูกเติมเต็มด้วยคลื่นมนุษย์แทน
การชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากนายเออร์โดกัน บอกว่าแม้ความพยายามรัฐประหารพ่ายแพ้ แต่ประชาชนควรปักหลักบนท้องถนน เพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดความพยายามโค่นล้มรัฐบาลซ้ำรอยขึ้นมาอีก
ในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.)เช่นกัน ประธานาธิบดีเออร์โดกันให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มีความล้มเหลวใหญ่หลวงในด้านข่าวกรองก่อนหน้าความพยายามรัฐประหาร และจะมีการปรับโครงสร้างของกองทัพอย่างทันทีทันใด
“ชัดเจนว่ามีช่องว่างและข้อบกพร่องมากมายในด้านข่าวกรองของเรา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาปิดบังหรือปฏิเสธ ผมบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าข่าวกรองแห่งชาติไปแล้ว” เออร์โดกันให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ณ ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงอังการา
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ประกาศภาวะฉุกเฉิน 3 เดือน นายเออร์โดกันบอกว่าความพยายามก่อรัฐประหารรอบใหม่มีความเป็นไปได้ แต่จะไม่ง่าย “เราจะระวังมากกว่าเดิม” พร้อมระบุว่าเขาจะไม่ขัดขวางหากจำเป็นต้องขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปจากเดิม
นายเออร์โดกันระบุว่า นายกูเลนที่เขากล่าวโทษว่าเป็นผู้บงการความพยายามยึดอำนาจ จะถูกปฏิบัติในฐานะ “อีกหนึ่งองค์กรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน” เช่นเดียวกับที่กรณีรัฐต่อสู้กับนักรบเคิร์ดมาตลอดช่วง 3 ทศวรรษหลังสุด
นอกจากนี้แล้ว นายเออร์โดกันเปิดเผยว่า ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากความพยายามยึดอำนาจเพิ่มเป็น 246 คน จำนวนนี้ไม่นับเหล่าผู้ก่อการรัฐประหาร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2,185 คน ในเหตุการณ์ที่ทหารกบฏใช้เครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์กองทัพและรถถังโจมตีสถาบันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภา หน่วยข่าวกรอง และทำเนียบประธานาธิบดี