เอเจนซีส์ - ตุรกีเดินหน้าขุดรากถอนโคนผู้สนับสนุน “เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน” นักการศาสนาอิสลามที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ ซึ่งถูกประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน กล่าวหาว่าบงการก่อกบฏ โดยขยายจากการกวาดล้างในกองทัพ ตำรวจ ผู้พิพากษาและอัยการ สู่แวดวงคณาจารย์ สื่อ หน่วยข่าวกรอง และกรมศาสนา รวมแล้วมีการควบคุมตัวหรือพักงานผู้ต้องสงสัยราว 50,000 คน ขณะที่ “เออร์โดกัน” มีนัดประชุมด้านความมั่นคง และ ครม.ครั้งสำคัญในวันพุธ (20 ก.ค.) ทางด้านนายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ก็ออกมากล่าวหาอเมริกาสองมาตรฐานในการต่อต้านการก่อการร้าย หลังวอชิงตันอ้างว่าต้องได้รับหลักฐานชี้ความผิดกูเลนก่อนจึงจะพิจารณาส่งตัวตามคำขอของตุรกี
ความพยายามก่อรัฐประหารยึดอำนาจที่ล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15) ถือเป็นการคุกคามร้ายแรงที่สุดในรอบ 13 ปีที่เออร์โดกันเป็นผู้นำตุรกี นำไปสู่การควบคุมตัวหรือพักงานทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา อัยการ ข้าราชการพลเรือน และครูอาจารย์ เป็นจำนวนถึงราว 50,000 คนแล้ว
นายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ประกาศต่อรัฐสภาในวันอังคาร (19) ว่า จะขุดรากถอนโคน “ขบวนการก่อการร้าย” ที่ควบคุมโดยสมุนของกูเลนให้หมดจากตุรกี
วันอังคาร (19) นั้นเอง ทางการตุรกีได้ปิดสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนกูเลน รวมทั้งสั่งพักงานข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ 15,200 คน ขอให้ผู้บริหารทั้งของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนเกือบ 1,600 คนลาออก และพักงานเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง 100 คน
ต่อมาในวันพุธ (20) คณะกรรมการอุดมศึกษายังสั่งห้ามนักวิชาการเดินทางไปดูงานหรือศึกษาต่อในต่างประเทศ ส่วนนักวิชาการที่อยู่ในต่างประเทศขณะนี้ให้รีบเดินทางกลับโดยเร็วที่สุด รวมทั้งขอให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยทุกแห่งตรวจสอบว่ามีนักวิชาการหรือเจ้าหน้าที่คนใดพัวพันกับขบวนการของกูเลนหรือไม่ โดยให้รายงานกลับภายในวันที่ 5 สิงหาคม
นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ 492 คนถูกปลดออกจากกรมกิจการศาสนาและสำนักนายกรัฐมนตรี และอีก 300 คนจากกระทรวงพลังงาน
รองนายกรัฐมนตรีนูมาน เคอร์ทัลมัส เผยว่า ผู้ต้องสงสัยมีส่วนรู้เห็นในการก่อกบฏ 9,322 คนอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย ในจำนวนนี้รวมถึงนายพลอาวุโสบางคน
สำหรับเออร์โดกันซึ่งอยู่ที่อิสตันบูลและไปปราศรัยในที่ชุมนุมของพวกสนับสนุนเขาทุกๆ คืนเป็นเวลาหลายวันต่อเนื่องกันนั้น ได้เดินทางกลับสู่กรุงอังการาเมื่อคืนวันอังคาร (19) และมีกำหนดเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธ โดยก่อนหน้านี้ผู้นำตุรกีบอกกับผู้สนับสนุนในอิสตันบูลว่าจะประกาศการตัดสินใจสำคัญหลังการประชุมสภาความมั่นคง
นอกจากนั้น เออร์โดกันยังหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นครั้งแรกนับจากเหตุกบฏปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยโอบามาบอกกับเออร์โดกันว่า อเมริกาพร้อมช่วยเหลือในการสอบสวน
ขณะเดียวกัน แอช คาร์เตอร์ นายใหญ่เพนตากอน หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เกี่ยวกับความสำคัญของฐานทัพอากาศอินซีร์ลิกในตุรกี ที่สหรัฐฯ ใช้เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก โดยฐานทัพอากาศแห่งนี้ถูกตัดไฟตั้งแต่เกิดการกบฏ
ในประเด็นเกี่ยวกับสหรัฐฯ นั้น ยิลดิริมยังกล่าวหาวอชิงตันว่า “สองมาตรฐาน” ในการต่อต้านการก่อการร้าย หลังจากแดนอินทรีตอบว่า จะพิจารณาส่งตัวกูเลนตามคำขอต่อเมื่อตุรกีมีหลักฐานยืนยันความผิดของกูเลนอย่างชัดเจนเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีตุรกีสำทับว่า กระทรวงยุติธรรมได้ส่งเอกสารมากมายเกี่ยวกับกูเลนไปให้สหรัฐฯ แล้ว ขณะที่เบกีร์ บอสแด็ก รัฐมนตรียุติธรรมตุรกี ขานรับว่า หลักฐานทั้งหมดฟ้องว่า ความพยายามในการรัฐประหารมาจากคำสั่งของกูเลน
อย่างไรก็ตาม ยิลดิริมเตือนประชาชนไม่ให้ “แก้แค้น” ผู้สนับสนุนความพยายามในการล้มรัฐบาล หลังมีภาพฟ้องว่า ผู้ต้องสงสัยจำนวนมากได้รับการปฏิบัติอย่างหยาบคาย
ทางด้านกูเลนนั้นออกคำแถลงเรียกร้องให้วอชิงตันปฏิเสธคำขอของอังการา พร้อมยืนยันอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามในการทำรัฐประหารในตุรกี