“ประยุทธ์” ร่วมทำบุญครบรอบ 84 ปี สำนักนายกฯ กำชับให้ยกเครื่องระบบข้าราชการใหม่ให้มีประสิทธิภาพ ฉะนักวิชาการตั้งโต๊ะที่เยอรมนีพูดการเมืองไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันยังมีอดีต ส.ส.ภาคเหนือเสี้ยมชาวบ้านใครร่วมมือรัฐบาล ถูกตัด 30 บาทรักษาทุกโรค เตือน “สุเทพ-จตุพร” จ้ออสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ส่อผิดกฎหมาย
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีครบรอบปีที่ 84 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และข้าราชการเข้าร่วมงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำบุญครั้งใหญ่ และปีนี้ก็เป็นปีมหามงคล ขอขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ช่วยกันทำงานในห้วงที่ผ่านมา ทั้งในอดีตจนถึง 84 ปี และในปีที่ 85 ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศต้องช่วยกันทำปีที่ 85 ให้เป็นไปอีกยาวนาน ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพราะต้องมีการปฏิรูปตั้งแต่ตนเอง ข้าราชการ ต้องจัดระเบียบกฎหมาย การบริหารราชการใหม่ทั้งหมด ตนกำลังเร่งรัดการดำเนินการเหล่านี้ ตนได้พูดคุยกับนายวิษณุ เครืองามแล้ว ซึ่งจะต้องมีการปรับระบบการทำงานบ้างในช่วงปีที่ 2ไปแล้ว ตั้งแต่ประกาศนโยบายครั้งแรกของรัฐบาล ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน และมีการบูรณาการกับทุกหน่วยงาน ปิดช่องว่างที่จะทำให้เกิดการทุจริต มีใครที่ไหนเคยทำไหม นี่คือสิ่งที่ยาก ไม่ได้ง่าย หลายอย่างไม่ได้ทำวันเดียวเสร็จ เป็นมากี่ปีแล้ว ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องปฏิรูป ถ้าทุกคนไม่ต้องการปฏิรูปก็ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นต่อไป ประเทศชาติก็อยู่ที่เดิม
“หลายคนหลายพวกไปพูดจาที่ต่างประเทศทำให้ประเทศเสียหาย ถ้าพูดข้อเท็จจริงผมรับได้ แต่พูดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง รับไม่ได้ อย่างที่มีคนไปพูดที่ประเทศเยอรมนี เคยเปิดดูไหมเขาพูดว่าอย่างไรไม่สนใจ เปิดซะบ้างว่าคนเหล่านี้ไปทำอะไรมาบ้าง พอให้เปิดก็มาเล่นผมข้างเดียว เขาทำอะไรบ้างไปดูสิ จะได้มาอธิบายช่วยผมบ้างไปเปิดดูซะ มีใครไปจัด นักวิชาการอาจารย์ที่ไหนไปดูมา อันที่สองคือการไปพูดจา วันนี้ผมให้ติดตามดูอยู่ว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า พอเอากฎหมายว่าก็ไม่ยอมอีก ไม่ได้อีก มีเรื่องสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยก็ไปเขียนให้เขาทุกวัน มันผิดกฎหมาย ภาคเหนือตอนนี้มีชื่ออดีต ส.ส.บางพรรค บางคนผมไม่อยากเอ่ยชื่อ ไปพูดกับชาวบ้านบอกว่าถ้าร่วมมือกับรัฐบาลในทุกเรื่องจะถูกตัดสิทธิ 15 ปีในโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือเรียก 30 บาทรักษาทุกโรค มันใช่ที่ไหน อย่างนั้นประชาชนต้องฟังรัฐบาล ฟังผมพูดบ้าง ปล่อยให้คนพวกนี้พูดอยู่ได้ ไม่ขยายออกไป สนใจแต่ความขัดแย้งอย่างเดียว”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้เตือนไปแล้วว่าจะผิดกฎหมาย ทั้งส่งคนเตือนและเตือนผ่านสื่อ ฝากคนโน้นคนนี้ไปเตือน เตือนทั้งสองคน ถ้าผิดกฎหมายก็ผิดทั้งคู่ และคิดว่าคงจะเข้าใจ
ส่วนจะขอร้องให้ทั้งนายสุเทพและนายจตุพร หยุดถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน ตนว่าด้วยข้อกฎหมายเท่านั้น ต้องไปดูว่ามันเป็นอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร และใครผิดใครถูก ที่ผ่านมาถ้าผิดก็ผิดทั้งหมดย้อนไปตั้งแต่ต้น ใครผิดบ้าง ผิดมากผิดน้อยก็ว่ามา มันก็ผิด แล้วจะมีปัญหาไหม และในต่างประเทศจะช่วยอธิบายให้ตนไหม คงไม่หรอก
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ที่ร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ถึงมือประชาชนขณะที่วันลงประชามตินั้นใกล้เข้ามาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ห่วง แต่อยากจะถามว่ามีคนสักกี่คนที่ศึกษารัฐธรรมนูญ แล้วสื่ออ่านหรือยัง อ่านสรุปย่อ แล้วฉบับเต็มอ่านหรือยัง ถ้าอ่านแล้วก็ต้องช่วยอธิบายว่ามีที่ไม่ดีตรงไหน ตอบมา สิทธิอันไหนหายไป สิทธิมนุษยชน การศึกษา สาธารณสุข หายไปหรือไม่ อะไรที่มีผลกระทบกับประชาชน ดูตรงนั้นว่าทำเพื่อใคร มีเหตุมีผลหรือเปล่า ส่วนเรื่องหลักการต่างๆ ก็มีเหมือนทุกรัฐธรรมนูญ เข้าใจกันบ้าง ว่ารัฐธรรมนูญคือหลักการของประเทศที่ฝ่ายบริหารจะนำไปใช้ แต่สิ่งสำคัญจะต้องมีกฎหมายลูก สิ่งที่พูดมาจะทำอย่างไร ซึ่งตอนนี้กฎหมายลูกยังไม่เสร็จ พอทำกฎหมายลูกก็ทะเลาะกันเรื่องกฎหมายลูกอีก แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ไม่ต้องการอะไรเปลี่ยนแปลงกันเลยใช่ไหม สื่อต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ก็เอา
ต่อข้อถามว่าในส่วนของโพลต่างๆ ที่สำรวจความเห็นประชาชนเรื่องการลงประชามติซึ่งมีผลว่าประชาชนส่วนหนึ่งรับและไม่รับนั้นจะเป็นการชี้นำหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าประชาชนเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เขามีโพลก่อนหน้านี้กี่เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ส่วนจะรับไม่รับไม่เกี่ยวอะไรกับตน จะเดือดร้อนอะไรกับตน หากเห็นว่าเป็นการชี้นำก็แจ้งความสำนักโพลมาก็จะจับให้ ทุกอย่างต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งร้องทุกข์มาแล้วยังจับไม่ได้เลย ไปเป็นปากเป็นเสียงเขาอยู่นั่น แล้วจะเอาอะไรกับตน
“ผมมีกฎหมายทุกตัว บอกมาจะให้ผมทำอะไรจับใคร บอกมา ใช้กฎหมายก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ก็อยู่กันแบบนี้แหละ”