รมว.พลังงาน เผย ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ หลังแก้หลายเรื่อง เพิ่มระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ระบบสัญญาจ้างสำรวจและผลิต ให้การกำกับดูแลคงอยู่ใต้กรมเชื้อเพลิงฯ เพื่อให้สิทธิ์สำรวจในอนาคตมีความหลากหลาย ให้ศึกษาตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติอีกครั้ง กำหนดค่าภาคหลวง-ภาษีชัดเจน แย้มมีผู้สนใจมากก็เปิดประมูลสัมปทานรอบที่ 21 นายกฯ ขอต่างฝ่ายต่างรับฟังเหตุผล
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปิโตรเลียม ฉบับที่... พ.ศ. ... ที่ได้มีการแก้ไขมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากมีการทักท้วงจากหลายฝ่าย ครม.จึงมีมติให้แก้ไขในหลายๆเรื่องซึ่งในวันนี้ได้ข้อยุติแล้วในระดับ ครม.โดยเพิ่มระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC (Production Sharing Contract) และระบบสัญญาจ้างสำรวจและผลิตเข้าไป นอกเหนือจากเดิมที่ใช้เพียงระบบสัมปทาน และเห็นควรให้การกำกับดูแลยังคงอยู่ภายใต้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมาใช้ ซึ่งเป็นการแก้เพื่อให้สิทธิ์สำรวจปิโตรเลียมในอนาคตมีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนข้อเรียกร้องให้ตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาตินั้น ครม.เห็นว่าการตั้งบรรษัทต้องมีการศึกษาในโครงสร้าง และความพร้อมในด้านการลงทุนต่างๆ จึงให้กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง ไปศึกษาให้รอบคอบ และกลับมาเสนอ ครม.อีกครั้ง โดยหากจำเป็นต้องนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้กลับมาแก้ใหม่ก็ต้องแก้ หรืออาจออกเป็น พ.ร.บ.เรื่องนี้โดยเฉพาะหรือกฎหมายลูกก็ได้ ซึ่งการศึกษานั้นเราจะใช้คนกลางเพื่อไม่ให้เกิดการเอียงข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
ทั้งนี้ ในส่วนร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ได้มีการกำหนดรายละเอียดของการกำหนดอัตรา หลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณค่าภาคหลวงปิโตรเลียม อัตราภาษีต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน โดยระบุว่าบริษัทหรือผู้รับสัญญา จะไม่ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีอากร ซึ่งสำหรับค่าภาคหลวงนั้น จะต้องเสีย 10% จากผลรวมปิโตรเลียมที่ได้ จากนั้นจึงจะไปจ่ายค่าลงทุนจัดจ้างการสำรวจผลิต ที่เหลือแบ่งให้ไม่เกิน 50% ซึ่งเป็นการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับระบบบริหารจัดการที่เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวจะเสนอต่อสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อถามว่า เป้าหมายเปิดประมูลสัมปทานรอบที่ 21 พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า ต้องพิจารณาหลังจากต่ออายุสัมปทานก่อน ว่ามีผู้ให้ความสนใจขนาดไหน หากมีผู้สนใจมากก็อาจจะพิจารณา ซึ่งเรามีการเตรียมการอยู่แล้ว ถ้าหากแก้กฎหมายเสร็จเราสามารถทำได้หมดอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม ครม.ว่า รัฐบาลไม่ละเลยความคิดเห็น ถ้าอะไรที่ทำได้ เราจะทำเลย อะไรที่ต้องรอแล้วเกิดความชะงักไม่สามารถสร้างเสถียรภาพได้ อันนั้นรอไม่ได้ แต่ได้นำความคิดเห็นต่างๆ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังไปพิจารณาในรายละเอียด ถ้าหากลงตัวก็นำมาเสนอ ครม.ซึ่งนายกฯ ตอบรับในทุกเรื่อง ถ้าตรงไหนทำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไรอย่าละเลยที่จะไปชี้แจงผู้ที่เห็นต่าง ทั้งนี้นายกฯ มั่นใจว่าทุกคนในประเทศหวังดีต่อประเทศชาติต้องการให้ประเทศชาติได้ประโยชน์มากที่สุด และฟังเหตุผผลซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีเหตุผลที่ต่างคนต่างรับฟังกันและกัน นายกฯ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเหล่านี้