กกต.ห่วงประชาชนลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดน้อย เตรียมเคาะประตูบ้าน ประชาสัมพันธ์ คาดยอดเพิ่มใน 1-2 สัปดาห์หน้า ขอบคุณ นปช.ตั้งศูนย์ปราบโกง เชื่อทำคนใช้สิทธิมากขึ้น
นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม เป็นประธานเปิดอบรมวิทยากรครู ก. เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ รุ่นที่ 2 โดยนายประวิชกล่าวว่า ที่ผ่านมา กกต.ทำงานร่วมกับประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้น การทำประชามติครั้งนี้เป้าหมายคือทำอย่างไรที่จะผลักดันให้การมีส่วนร่วมของประชาชนเกิดขึ้น ที่สำคัญตระหนักถึงการออกไปสิทธิออกเสียงอย่างมีคุณภาพของประชาชน ซึ่ง กกต.ตั้งความหวังไว้ว่าจะมีผู้มาออกเสียงไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 จากสถิติในการทำประชามติปี 250 อยู่ที่ร้อยละ 57ขณะที่สถิติการออกเสียงในการเลือกตั้งทั่วสูงถึงร้อยละ 60-70
นายประวิชกล่าวว่า หน้าที่ของ กกต.คือต้องลงทุกบ้าน ทุกหมู่บ้าน อธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าที่ถูกต้องทำอย่างไร ถึงบัตรจะไม่เสีย ฉะนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ ความรู้ความเข้าใจในพ.ร.บการออกเสีนงประชามติฯ ซึ่งผู้ที่จะตัดสินใจการกระทำใดเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 61 นั้น คือ บุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ และศาล พร้อมเห็นว่ากฎหมายประชามติในปี 2550 กับปัจจุบันมีเนื้อหาที่เหมือนกัน แตกต่างกันแค่เพียงระยะเวลาใช้บังคับ ที่ในปี 2550 ใช้บังคับเพียง 19 วันก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ แต่มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้ประสบความสำเร็จรวมถึงกระบวนการนับคะแนนและประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการภายใน 19 .00 น.ของวันที่ 7 ส.ค.ด้วย
นายประวิชให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงยอดการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดที่ยังค่อนข้างน้อยว่า เป็นสิ่งสะท้อนว่า กกต.จำเป็นที่จะต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้ ว่าจะทำอย่างไรให้มีผู้ลงทะเบียนมากขึ้น ซึ่งเหลือเวลาอีก 37 วันของการเปิดให้ลงทะเบียนฯ โดยวิธีการหนึ่งจะให้เครือข่ายละอาสาสมัครของกกต. ลงพื้นที่ทุกหมู่บ้านตำบลไปบอกผู้ปกครองของนักเรียน นักศึกษา ให้แจ้งบุตรหลานให้ลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขต โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับบ้าน รวมถึงประสานกับสภาหอการค้าจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ให้อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานสามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตของบริษัทในการลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตได้ มั่นใจว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ประชาชนจะลงทะเบียนขอใช้สิทธิมากขึ้น
ส่วนที่ นปช.จะตั้งศูนย์ปราบโกงในระดับจังหวัดและส่งอาสาสมัครลงจับตาการออกเสียงในทุกหน่วยออกเสียงนั้น กกต.ไม่ได้ขัดข้องใดๆ และขอบคุณที่ประชาชนให้ความสำคัญในการตั้งศูนย์ปราบโกงสนับสนุนการทำประชามติให้คนอยากมาใช้สิทธิออกเสียงมากขึ้น เพียงแต่ขอให้ระมัดระวังให้การดำเนินการอยู่ในขอบเขตตามสิทธิที่กฎหมายเอื้อไว้ให้ ซึ่งทุกคนจะต้องรับผิดชอบตัวเอง
สำหรับการจัดอบรมครู ก. ของ กกต.ในขณะนี้ จะดำเนินการจัดด้วยกัน 5 รุ่น เพื่อให้ครู ก.ไปอบรมครู ข.ที่เป็นพนักงานของสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด ไปทำหน้าที่วิทยากรอบรมคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล จำนวน 74,240 คน จาก 7,424 ศูนย์ทั่วประเทศ ให้มีความเข้าใจและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ และเชิญชวนให้ประชาชนใช้สิทธิออกเสียงร่วมกับเครือข่ายๆ อื่นของ กกต.