กกต. ประชุม ผอ.เลือกตั้ง จว. ขอให้รณรงค์มาใช้สิทธิให้มาก แต่อย่าชี้นำ เตือนมีโทษหนักกว่าคนปกติ จัดซื้อต้องโปร่งใส “สมชัย” ย้ำ อย่าล้ำเส้นอธิบายสาระร่าง แจงเฉพาะขั้นตอนใช้สิทธิ ชี้ความผิดเกิด จว. ใคร กกต. จว. ต้องรู้ ตอบเร็วใน 7 วัน หนุนนปช. ตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ แต่ระวังรณรงค์ไปสู่ผลออกเสียง สั่งสอบ 4 ประเด็นปชต. ใหม่ผิดหรือไม่
วันนี้ (24 พ.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้จัดประชุมผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการจัดการออกเสียงประชามติ โดย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวมอบนโยบาย ระบุว่า เหลือเวลาอีก 75 วัน จะมีการออกเสียงประชามติ เชื่อว่า กกต. จะจัดการได้อย่างราบรื่น ซึ่ง กกต. ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ก็ขอให้ ผอ.กต.จว. รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มาก แต่ต้องไม่ชี้นำให้รับหรือไม่รับ เพราะจะผิดกฎหมายโดยจะต้องรับโทษมากกว่าคนปกติ เนื่องจากเป็นเจ้าพนักงาน นอกจากนี้ ขอให้ระมัดระวังในการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ งบประมาณที่ได้รับ 2.9 พันล้าน ถูกประชาชนวิจารณ์ว่ามากเกินไป การทำงานครั้งนี้จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าการทำงานในวงเงินงบประมาณจำกัดให้มีผลสัมฤทธิ์ในการทำงานเพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ 80% ได้หรือไม่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้ย้ำให้ ผอ.กต.จว.รณรงค์เฉพาะขั้นตอนการออกเสียงให้ประชาชนเข้าใจ อย่าล้ำเส้น กรธ. ไปอธิบายสาระร่างรัฐธรรมนูญ อาจถูกมองไม่เป็นกลาง ขณะเดียวกัน เกรงว่า ครั้งนี้อาจมีบัตรเสียมาก เพราะมีเรื่องคำถามพ่วง จึงขอให้ทำความเข้าใจประชาชนว่าควรกาบัตรอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบัตรเสียเกินกว่าร้อยละ 5 ส่วนกรณีมีการร้องเรียนการกระทำความผิด กกต. ได้มีการประชุมหารือและมีข้อสรุป 4 แนวทาง คือ 1. แนะนำประชาชนให้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2. รับคำร้องไว้หาข้อเท็จจริง และ กกต. เป็นเจ้าทุกข์ร้องต่อตำรวจ 3. กกต. จังหวัด ส่งมายังส่วนกลางให้พิจารณา 4. รวบรวมหลักฐานและมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดำเนินการเอง
“สิ่งสำคัญถ้าเกิดการกระทำความผิดที่จังหวัดใด กกต. จังหวัดนั้นต้องรู้ ส่วนกลางถามไปต้องตอบได้ ที่สำคัญ ต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ต้องได้คำตอบได้ภายใน 7 วัน นับแต่ที่มีการยื่นคำร้อง สิ่งที่เกิดขึ้น 2-3 วันมานี้ เป็นแค่หัวพายุ แค่ฝนโปรย จากนี้เฮอริเคนที่เกี่ยวกับคำร้องจะตามมา”
นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศที่จะจัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น นปช. หรือ กปปส. จะช่วยจับตาการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ แต่ก็ต้องระวังด้วยว่าต้องไม่เข้าข่ายเป็นการรณรงค์ที่จะนำไปสู่การเชิญชวนให้ประชาชนออกเสียงไปในทิศทางใดทางหนึ่ง โดย กกต. พร้อมให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกัน ก็อยากให้เขาช่วยเหลือกกต. โดยการโหลดแอปพลิเคชันตาสับปะรด เพื่อเป็นอีกช่องทางในการแจ้งเหตุมายัง กกต. หรือสามารถแจ้งเหตุที่ สำนักงาน กกต.จังหวัด ได้
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่าการกระทำเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แต่ได้สั่งให้สำนักงานไปรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงโดยเร็ว ใน 4 ประเด็น คือ 1. การจัดอภิปรายมีหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานด้านการศึกษา และสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดสัมมนาอภิปรายหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ถือว่าผิด 2. การขายเสื้อที่มีข้อความว่า “Vote no ไม่รับ กับอนาคตที่ไม่ได้เลือก” นำไปสู่การรณรงค์เพื่อให้การออกเสียงเป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หรือปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือไม่ 3. การแจกสติกเกอร์เข้าข่ายเป็นการให้สิ่งของที่มูลค่าเพื่อจูงใจให้ไปออกเสียงหรือไม่ และ 4. การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นคณะบุคคลเกินกว่า 5 คนขึ้นไปหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อสำนักงานหาคำตอบจาก 4 ประเด็นนี้แล้วก็จะตอบได้ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่
