โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บอกทหารเดินแจกใบปลิวไม่ผิด อ้างแค่ชี้แจงเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ อีกทั้ง ผบ.ทบ.ห้ามชี้นำ ท้าให้หาหลักฐานทหารชี้นำให้รับร่างฯ จริง ขู่ “วรชัย” ต้นเรื่องระวังฟ้องหมิ่นประมาท โต้ “วัฒนา” ละเมิดสิทธิคุกคาม ถามกลับออกจากบ้านได้ไหม ตอกรู้สึกไปเองคิดลบกับเจ้าหน้าที่
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนินนอก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุพร้อมทั้งสอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีที่มีภาพทหารเดินแจกใบปลิวในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อชักชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิรับร่างรัฐธรรมนูญว่าผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 หรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 กรณี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ในมาตรา 9 ได้ระบุว่า กกต.สามารถมอบหมายให้บุคคลหรือคณะบุคคล หน่วยงานภาครัฐ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์สนับสนุนงานของ กกต.ได้
ขณะที่ มาตรา 10 ระบุว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจในเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยสนับสนุนให้ความร่วมมือได้ ซึ่งถือว่าการดำเนินการของทหารที่แจกใบปลิวรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลงประชามติถือว่าสามารถทำได้ เพราะการดำเนินการต่างๆ เป็นไปด้วยความสุจริต และไม่ได้ผิดไปจากข้อเท็จจริง อีกทั้งตามมาตรา 61 ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรงก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือว่ากระทำผิด ซึ่งการดำเนินการของทหารไม่ได้ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ
ส่วนกรณีที่นายวรชัยระบุว่าทหารไปรณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตามนโยบายของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการ คสช. ชัดเจนอยู่แล้วว่าห้ามไปชี้นำให้ดำเนินการ แค่เพียงรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อสนับสนุนการดำเนินให้เป็นไปตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ประเด็นนี้นายวรชัยอาจถูกดำเนินคดีได้ในข้อหาหมิ่นประมาท ตนถามว่านายวรชัยมีหลักฐานหรือไม่ว่าทหารนายดังกล่าวไปรณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญจริง ซึ่งตามแนวทางที่ผ่านมาการเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.หรือ ส.ว. มีความชัดเจนอยู่แล้วว่ารณรงค์ได้ แต่การใช้สิทธิจะเป็นไปแนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจแต่ละบุคคล นายวรชัยอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน
“เอกสารที่ทหารนำออกไปแจกประชาชนถือเป็นข้อเท็จจริง มีเนื้อหาสาระที่ถูกต้องออกมาจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่ได้มีการเสริมแต่งใดๆ ซึ่งการสนับสนุน ทั้งนี้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ มีเจตนา คือ 1. ให้ประชาชนไปใช้สิทธิลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2. การดำเนินการต่างๆต้องปราศจากการครอบงำทางความคิด 3. ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง หากไม่ทราบข้อมูล เนื้อหาสาระ สามารถขอรายละเอียดได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ห้ามไปรับฟังจากบุคคลที่มีส่วนได้เสียต่อร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว” พ.อ.วินธัยกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า คสช.ละเมิดสิทธิคุกคามและข่มขู่จะฟ้องร้อง คสช. หากไม่หยุดการกระทำพร้อมนำภาพทหารที่ไปเฝ้าบริเวณหน้าบ้านมาเปิดเผยเป็นหลักฐาน พ.อ.วินธัยกล่าวว่า พฤติกรรมข่มขู่เป็นอย่างไร นายวัฒนาสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้หรือไม่ เช่น ออกจากบ้านสามารถทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ถือว่านายวัฒนา ใช้ความรู้สึกของตัวเองในทัศนคติในแง่ลบที่มีต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งพฤติกรรมของทหารที่ไปอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านพักนายวัฒนามี 2 รูปแบบ 1. การดูแลติดตามพฤติกรรมของนายวัฒนาซึ่งเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ 2. การดูแลรักษาความปลอดภัยโดยภาพรวม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแค่นายวัฒนาคนเดียว
“การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการตามป้อมยามต่างๆ ถือว่าผิดหรือไม่ กรณีของทหารไปอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านนายวัฒนาก็เช่นเดียวกัน การดำเนินการใดๆ ของเจ้าหน้าที่ทหารนั้น เราระวังอยู่แล้วเพื่อให้เกิดความสมดุล ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะมีกลุ่มคนที่พยายามหยิบยกประเด็นนี้มาทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ทหารว่าทำมากกว่าเหตุ ซึ่งยืนยันว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารที่ผ่านมาไม่ได้ละเมิดสิทธิ ซึ่งนายวัฒนาไม่สามารถนำไปเป็นข้ออ้างเพื่อฟ้องร้องได้ และเชื่อว่าสังคมจะเข้าใจถึงการทำหน้าที่ของทหาร” พ.อ.วินธัยกล่าว
