รองนายกฯ โยนเรื่องของ คสช. การเมืองร้องเพิ่มเสรีภาพ คาดคงผ่อนปรนให้ดูจังหวะ ย้ำต้องไม่เกิดวิกฤตใหม่ ชี้ประชุมพรรคให้รอก่อนเลือกตั้ง รับไม่ได้หวังมากครู ก. ข. ค. ลงพื้นที่แจงแต่ดีกว่าไม่พูดอะไร ย้ำคดีเจ้าอาวาสธรรมกายเดินหน้าตาม กม.และพระธรรมวินัย ย้อนหลบยิ่งไม่โปร่งใส ชี้จะประสานเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ-มส.-พส.ควรเป็นการภายใน หวั่นเป็นจำเลยสังคมแทน ย้ำนายกฯ ไม่หนักใจ
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้เพิ่มเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นว่า ตนรับทราบ แต่ไม่รู้จะเป็นไปได้แค่ไหน เพราะเป็นเรื่องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขาคงพิจารณาแล้วอะไรผ่อนได้จะผ่อนให้ ต่อไปคงมีการผ่อนอีก แต่คงไม่มาบอกว่าจะผ่อนอะไร ใครจะเรียกร้องเพิ่มเติมให้เรียกร้องไป แต่ คสช.คงพิจารณาตามจังหวะที่เหมาะสมว่าจะมีผลกระทบหรือผลข้างเคียงอะไรอย่างไร เนื่องจากเพิ่มด้านนี้อาจเกิดความไม่เรียบร้อย จะเกิดความเสียหายอีกทาง ในการประชุมร่วมกับพรรคการเมืองที่ผ่านมาตนได้แสดงความคิดเห็นไปว่า การผ่อนปรนตรงนี้เพราะมองว่าเป็นวิกฤตินั้นถูก แต่สิ่งที่ต้องระวังคือไม่แก้วิกฤตินี้แล้วทำให้เกิดวิกฤตใหม่ วันนี้ คสช.ต้องการความมั่นใจว่าแก้วิกฤตินีจะไม่เกิดวิกฤตใหม่ เพราะเชื่อว่าจะมีวิกฤตใหม่ ข้อมูลมันมีอยู่ บางเรื่องตอนนี้ยังไม่แรง แต่อนาคตอาจจะแรงกว่าเดิมได้ แต่ไม่ขอระบุว่าเรื่องอะไร ถ้าพูดไปจะกลายเป็นมีคู่กรณีขึ้นมา
เมื่อถามถึงกรณีนักการเมืองเรียกร้องให้สามารถการประชุมพรรคเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้ง นายวิษณุกล่าวว่า การประชุมพรรคเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่าเพิ่งเตรียมอะไรตั้งแต่ตอนนี้ เพราะต้องดูก่อนว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ แล้วค่อยมีกฎหมาย และการเลือกตั้ง ช่วงนั้นจะมีเวลาถึง 5 เดือนในการเตรียมการ การผ่อนปรนต่างๆ ต้องเกิดก่อน 5 เดือนก่อนเลือกตั้งอยู่แล้ว การเตรียมการเลือกตั้งระหว่างนั้นก็คงทัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองอ้างว่าการประชุมพรรคจะมีส่วนต่อการลงประชามติของประชาชน นายวิษณุกล่าวว่า มันคงมีเหตุมีผลอยู่ คสช.ต้องชั่งน้ำหนักว่าได้กับเสียอะไรจะมากกว่ากัน แต่พอเปิดแล้วจะกลายเป็นเปิดแบบไม่มีขอบเขต บางพรรคบางกลุ่มอาจไม่มีปัญหา แต่บางกลุ่มจะอาศัยตรงนี้ทำกิจกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้วทำให้เกิดปัญหาขึ้นใหม่ ตนคิดว่าวันนี้ที่ยังไม่ผ่อนคลายทั้งหมดเพราะยังไม่สามารถจัดการตรงนี้ได้ แต่บางเรื่องคงต้องยอมผ่อนปรน คสช.คงไปคิดต่อว่าในบางเรื่องนั้นจะไปทำอะไร ส่วนที่พรรคการเมืองขอประชุมเป็นครั้งๆ นั้น ตนไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับ คสช.
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ชี้แจงของครู ก. ครู ข. และครู ค. รองนายกฯ ตนไม่ได้หวังว่าจะได้ผลอะไรมาก แต่คงดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เพราะระหว่างที่ครู ก.ไปอธิบาย ครู ข.อาจจะลืมสิ่งที่รับการอบรมมาแล้ว แต่อย่างน้อยประชาชนดีกว่าไม่มีการพูดอะไร เนื่องจากบรรยากาศจะเงียบไปเลย
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องดำเนินการจับกุมตัวพระธัมมชโยตามหมายจับของศาลในข้อหาลักของโจร ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่าหากดีเอสไอไม่ดำเนินการก็มีส่วน แต่บางคดีที่ผู้ต้องหาหนีก็ไม่รู้จะจับอย่างไร ทุกอย่างต้องทำตามกระบวนการ เมื่อขั้นตอนเดินหน้าแล้วก็ต้องเดินต่อ ตามที่นายกรัฐมนตรีพูดถือว่าถูกต้องว่าทุกอย่างขอให้ทำตามกฎหมาย และตนขอเพิ่มอีกคำหนึ่งเข้าไป คือ ต้องทำตามพระธรรมวินัย เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน มีเพียงประเด็นเดียวคือ บุคคลคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดี ดังนั้นจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย หน้าที่ของผู้ต้องหาคือต้องให้ความร่วมมือ ทำให้ทุกอย่างโปร่งใส ผิดหรือไม่ผิดก็ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ แต่ถ้าหลบกันไปหลบกันมามันคือความไม่โปร่งใส เท่ากับความไม่ชอบมาพากล ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าผู้ต้องหารายนี้มีลูกเล่นนั้น ตนเข้าใจ แต่เจ้าหน้าที่ต้องมีวิธีแก้ลูกเล่น กฎหมายให้อำนาจเอาไว้ตั้งเยอะแยะ
นายวิษณุกล่าวว่า ในฝ่ายของคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้องควรจะไปประสานเป็นการภายในเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากพระสงฆ์มีการปกครองกันตามลำดับ ไม่ใช่มีเรื่องอะไรก็ไปถึงพระสังฆราช หรือพระที่บวชเกิน 5 ปี ซึ่งพ้นการปกครองของพระอุปัชฌาย์ไปแล้วคงจะเตือนอะไรยาก หรือเตือนแล้วคงไม่ฟัง เรื่องนี้เมื่อเจ้าอาวาสถูกกล่าวหาก็อยู่ในความดูแลของเจ้าคณะจังหวัด หรือถ้าพ้นจากนี้คือเจ้าคณะภาค 1 เจ้าคณะหนกลาง จากนั้นจึงจะถึงมหาเถรสมาคม (มส.) แต่วันนี้บอกไม่เป็นไร สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งดำรงตำแหน่งรักษาการสมเด็จพระสังฆราชลงมาจัดการ ซึ่งข้ามขั้นตอนพระธรรมวินัย และกฎหมายคณะสงฆ์ แต่ถ้าจะประสานเป็นการภายในเหตุว่าเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย คงมีความเคารพนับถือกัน พูดจากันได้ แต่ควรเป็นการประสานภายใน ไม่ควรนำเสนอออกเป็นข่าว
“ผมเห็นด้วยถ้าจะประสานภายใน แต่พอไปออกข่าวเหมือนหนึ่งเป็นหน้าที่ต่อไปจะเกิดปัญหา ถ้าขัดแย้งกัน ท่านบอกทำไม่ได้หรือไม่ทำ คนจะหันโจมตีวัดปากน้ำภาษีเจริญแทนวัดพระธรรมกาย ประเด็นจะกลายเป็นเรื่องอื่น ยิ่งใครบอกเอาเรื่องให้ มส.ที่เป็นเหมือน ครม.ของพระ ถามว่าถ้าข้าราชการคนหนึ่งทำผิดหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตำรวจก็ไปจัดการ มีไหมที่เอาเรื่องเข้า ครม.ขอให้จัดการ ซึ่งไม่มี แต่ถ้าประสานภายในแจ้งเพื่อทราบว่ามีปัญหาอะไรนั้นทำได้ ผมถึงบอกว่าอย่าไปดึงมส.มาเลย ตรงนั้นเป็นเวทีที่มีพระ ที่เป็นทั้งสมเด็จและไม่ใช่สมเด็จ มีทั้งธรรมยุตและมหานิกาย มีทั้งพระที่ผมไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรกับวัดพระธรรมกาย ถ้าโยนปัญหาเข้าไปในเวทีนั้นจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา แล้วถ้ามติ มส.ไม่เป็นที่สบอารมณ์คนจะกลายเป็นจำเลยของสังคม เกิดเป็นกรณีใหม่ขึ้น ทำไมต้องแก้วิกฤตหนึ่ง โดยสร้างวิกฤตใหม่” นายวิษณุกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สามารถเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้ได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ประสานให้ได้ วันนี้พูดก็พูดเขาได้ทำอะไรกันอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว เท่าที่เขาทำได้ เขาไม่ได้เป็นผู้ปกครองพระ แต่เป็นผู้รับใช้พระ จึงอาศัยความที่รู้จักพระเยอะ เขาก็มีวิธีการ ทุกอย่างทำเป็นการภายใน อย่าให้ออกข่าวด้วยการดึงออกมาเป็นคู่กรณี”
รองนายกฯ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่บุคคลคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าอาวาสตามกฎหมายเรียกว่าเจ้าพนักงานถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานยักยอกทรัพย์ ลักของโจร และฟอกเงิน เป็นข้อหาที่ตั้งให้ใครต่อใครเยอะแยะไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่บังเอิญทุนทรัพย์เยอะ สมาชิกเครือข่ายเยอะเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่มีมวลชนและผลกระทบ ซึ่งมีวิธีจัดการของมันอีกอย่าง ซึ่งตนดูนายกฯ ไม่ได้หนักใจอะไร ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย