นายกฯ เปิดปฏิบัติการประชารัฐ ฝากอย่าทำลายโอกาสศูนย์กลางอาเซียนด้วยการเมืองและความขัดแย้ง ยืนยันไม่ได้หลอกลวง ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่ขอขับเคลื่อนประเทศสร้างสรรค์ ชี้มีคนไม่หวังดีหลายส่วน ไปพูดเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เปรียบคนส่งเรือข้ามฟาก มีทั้งพวกเรือล่มและคนไม่พาย อย่าตกใจเศรษฐกิจตกเพราะน้อยกว่าที่อื่น เตรียมออกหนังสือปรับเปลี่ยนการปลูกพืชแจกจ่าย และวางยุทธศาสตร์ 20 ปี
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการ “โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ” โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก
โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราถือว่าร่วมมือกันในการเดินหน้าประเทศ เพราะเราหยุดมานานแล้วในการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ขณะที่ไส้ในของพี่น้องประชาชนยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก ที่จะให้มีรายได้ที่พอเพียงในการดูแลครอบครัว เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก วันนี้ต้องเกิดความเข้าใจกัน และทุกครั้งที่ตนเจอประชาชนรู้สึกมีความสุข ซึ่งเวลาอื่นตนอาจจะหน้างอ เป็นธรรมชาติของตน อารมณ์เสียบางเวลา บางครั้งก็แกล้งอารมณ์เสีย แกล้งดุไปบ้าง แต่แกล้งไปแกล้งมากลายเป็นจริงๆ
“สิ่งที่ผมทำให้ท่านไม่ใช่เป็นการหลอกลวง มาบังคับ เพราะผมไม่ได้ต้องการอะไรจากประชาชนทั้งสิ้น แต่รับใช้ผืนแผ่นดินเกิดผืนนี้ สร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน โดยเข้มแข็งที่ตัวเองก่อน สำคัญสุดอย่าทำลายโอกาสที่เราเป็นศูนย์กลางอาเซียนให้หายไป จนกลายเป็นวิกฤตแทน ด้วยความขัดแย้ง ด้วยการเมือง เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง รัฐบาลเป็นเพียงผู้ชี้นำ ท่านต้องรับฟังรัฐบาลด้วยความเชื่อใจ อย่างเรื่องเงินกองทุนต่างๆ ก็หมดเงินไปมาก อย่างกองทุนหมู่บ้าน 5 ล้านบาท รู้สึกดีใจที่เงินไปถึงประชาชนโดยตรง แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็จะมาแก้ไข หาวิธีการอื่นมาทดแทน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า อย่าหาว่าตนพูดเยอะ จู้จี้ เพียงแต่ต้องการให้มองในทุกมิติ มองประชาชนในทุกภาคส่วน ไม่ใช่เลือกดูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เหมือนที่พูดไว้ในเพลงเพื่อเธอประเทศไทย ที่พูดถึงสองมือ ที่มีอยู่สิบนิ้ว และทุกนิ้วสำคัญหมด และทุกคนก็คือประชารัฐทั้งหมด การทำอะไรก็ตาต้องคำนึงถึงประชาชนในประเทศเป็นพื้นฐาน รัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ประชาชนคือส่วนหนึ่งของรัฐบาลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่มีใครรู้ปัญหาได้ดีเท่ากับตัวท่านเองว่ายังมีอะไรที่จำเป็นแล้วมาแก้กันตรงนี้ โดยรัฐบาลส่งเสริมให้ทุนให้ความรู้ และเมื่อวันหน้าท่านเข้มแข็งแล้วจะกลายเป็นการกระจายอำนาจอย่างถาวร อย่าไปกังวลเรื่องกระจายอำนาจต่างๆ บรรดากำนันและผู้ใหญ่บ้านอย่าไปกังวล เอาประชารัฐให้รอดก่อน ประเทศไทยมีการบูรณาการมากี่รัชกาลแล้ว ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นต้องเชื่อมโยงกันทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ข้างล่างจำนวนกว่า 40 ล้านคนทำการเกษตร ดูเหมือนว่ายิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ไม่มีการพัฒนาไปในทางที่แข็งแรงขึ้นขขอให้เข้าใจว่า รัฐบาลไม่สามารถเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้ เพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง มันไม่ใช่ แต่เป็นการหวังผลให้ประเทศนี้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี ชาวไร่ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ พุดกับใครได้อย่างเต็มปาก ทุกคนอยากมีเงินกันหมด เพราะมีเงินแล้วพูดเสียงดังได้ มีเงินแล้วพูดได้อยู่คนเดียว มีเงินแล้วนำคนอื่นไปในทางที่เสียหาย เราต้องนำตัวเราเอง เจริญเติบโตแข็งแกร่งไปด้วยกัน
วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่างดูได้จากการทำงานแม่น้ำ 5 สาย เพื่อให้ทันต่อโลกทันต่อเหตุการณ์ เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ข้าราชการเขาก็ต้องมีระเบียบวินัยในการควบคุมเรื่องการทุจริตความไม่โปร่งใสก็ไปว่ากันมา แต่ไม่ใช่มันเลวทั้งหมด แต่มันก็คงไม่ใช่ดีทั้งหมดเหมือนกัน ต้องขจัดการทุจริตคอรัปชั่นออกไปให้ได้ ตนก็สบายใจที่รัฐมนตรีบอกว่าจะช่วยกันดูแล มีการตรวจสอบกันเอง ซึ่งก็อย่าพลาดก็แล้วกัน ทำให้บางอย่างรัฐบาลทำช้า เพราะมันพลาดไม่ได้
“เพราะมันมีผู้ไม่หวังดีอยู่หลายส่วน วันนี้เราเข้ามาแก้ไขปัญหาที่มันติดขัด ความขัดแย้ง ถ้าทุกคนเข้มแข็ง มีเสียง มีที่ยื่น แต่ถ้าประเทศไทยทะเลาะกันแบบนี้ก็จะไม่มีที่ยืนในประชาคมโลกอีกต่อไป เพราะเราทำมันเองทั้งสิ้น เวลาผมไปต่างประเทศจะไม่พูดอะไรที่เสียหาย แต่มีบางคนไปพูด ผมก็ต้องไปสู้เขา ว่าที่พูดมาทั้งหมดมันไม่ใช่ ให้เชื่อในสิ่งที่ผมพูด เพราะผมทำให้เห็น ผมไม่ได้กล่าวถึงใครทั้งสิ้น ไปคิดกันเอาเอง วันนี้ทุกเรื่องที่ออกไปเสียหาย ที่ไม่ได้มาจากพวกเรา แต่มาจากใครไม่รู้ พูดเสมอ เรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เรื่องสิทธิมนุษยชนมันมีอยู่เส้นบางๆ ระหว่างกัน ในเรื่องการละเมิดกฎหมาย กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ดูเหมือนเส้นเดียวกันแต่มันไม่ใช่ การบังคับใช้กฎหมายก็ต่อเมื่อมีคนทำผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายทำให้ประชาชนเท่าเทียมกัน ทุกคนใช้กฎหมายอันเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่นั้นในการอำนวยความเป็นธรรรมให้กับทุกคน โดยใช้กฎหมายอันเดียวกันหมด ถ้าทุกคนเชื่อในกฎหหมายก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้ายังขัดแย้งหรือทำผิดกฎหมายอยู่มันไปไม่ได้ทั้งสิ้น ก็ขอให้ระมัดระวังตรงนี้ ผมไม่อยากไปใช้อำนาจกับใครทั้งสิ้น แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ที่พูดตนไม่ได้กลัวท่านโกรธ เพราะท่านโกรธตนไม่ได้อยู่แล้ว ท่านจะว่าตนอย่างไรก็รับได้หมด เพราะตนกำลังทำให้กับประเทศชาติ ใครไม่เข้าใจก็บอกมาจะแก้ให้หมด ตนฟังทุกวันที่ท่านพูดในหนังสือพิมพ์ พูดกับสื่อฝรั่ง ขอให้ท่านพูดน้อยๆ หน่อย มีอะไรก็ส่งหนังสือมา เขียนจดหมายมาเลย ตนรับอ่านทั้งหมด หรือไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม อย่าติติงรัฐบาลมากว่าทำอะไรไม่เสร็จสักที รู้หรือไม่สองปีที่ผ่านมา มีปัญหาที่ร้องเรียนกว่า 3 ล้านกว่าเรื่องแล้วมันจะทำเสร็จไหม ก็แก้ไปแล้วเสร็จกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือหนักๆ ทั้งนั้น ทั้งเรื่องกฎหมายที่ซ้ำซ้อน ความทุจริต ความไม่โปร่งใส และได้ออกกฎหมายและได้แก้ไขกว่า 400 ฉบับเพื่อแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ ตนเองเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐอเมริกามาเมื่อไปถึงก็ต้องเคารพกฎหมาย เท่าที่ตนสังเกตไม่เห็นมีความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าหากประชาชนไม่วุ่นวาย เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถทำงานได้ เมื่อทำได้ก็ไม่หงุดหงิด ไม่มีการเรียกรับเงิน ซึ่งในประเทศไทยก็มีตำรวจที่ดีจำนวนมาก มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ดี ส่วนประชาชนก็ไปจ่ายเงิน สมยอมเจ้าหน้าที่ ซึ่งผิดทั้งคู่ ทำให้ภาคข้าราชการเสียหายเพราะฉะนั้นอย่าไปทำ เราต้องทำด้วยความยุติธรรม ส่วนรัฐบาลพยายามปรับปรุงกฎหมาย ยืนยันว่าไม่ต้องการอะไรจากประชาชน ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ เพียงแต่ต้องการสืบทอดอำนาจประชาชนในทางที่ถูกต้อง และขับเคลื่อนประเทศอย่างสร้างสรรค์ ไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก นี่คือสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ
“ผมไปอเมริกาตั้งหลายวัน กลับมาทำไมปัญหาประเทศไทยยังเยอะอยู่เหมือนเดิม รัฐบาลทำมาตั้ง 2 ปี ยังแก้ไม่หมดอีก ผมเคยพูดกับต่างประเทศว่าประเทศไทยมีความรู้สึกเยอะ มีความละเอียดอ่อน พอเกลียดใครก็เกลียดเร็ว และรุนแรง พอรักใครก็รักแรง เรียกได้ว่าฉันรักของฉันเสียอย่าง คนไทยชอบความรู้สึก วันนี้เราต้องใช้หัวใจและสติปัญญาด้วย จะใช้หัวใจอย่างเดียวไม่ได้ ช่วงวาเลนไทน์ผมไม่ได้อยู่เสียด้วย ผมเตือนไว้แล้วว่าใครทำบาปช่วงวาเลนไทน์ ขอว่าอย่าไปรังแกกันเพราะชายหญิงเท่าเทียบกัน เราทุกคนต้องอยู่กันอย่างมีคุณค่ามีคุณธรรม ผมกลับมาทีหลังก็ขออวยพร และมาส่งความรักให้อีกครั้งหลังวาเลนไทน์ แต่อย่าคิดว่ารัฐบาลทำให้เพียงวันเดียว ผมมีวันวาเลนไทน์ให้เสมอทุกวันเพราะว่าท่านไม่แข็งแรงเพียงพอผมจึงต้องให้ความรักเสมอทุกวันความสุขก็ให้ได้ทุกวัน ไม่เฉพาะวันสำคัญต่างๆ วันนี้วันสำคัญผมไม่มีให้คนอื่น ผมมีให้ท่านเท่านั้น จริงๆ ไม่ได้ปากหวาน ที่ผ่านมาภรรยาผมก็เตือนว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาวันอะไรผมก็ลืมเลยไม่ได้อวยพร จะไปนึกออกก็ตอนอยู่ประเทศเกาหลีจึงส่งข้อความว่าวันวาเลนไทน์ ก็รักลูก รักภรรยา บางที่วันเกิดตัวเองหรือวันเกิดภรรยา ผมก็ลืม แต่วันนี้เป็นวันเกิดของพวกท่านคือเกิดประชารัฐ คือวันที่ 19 ก.พ. ที่เราจะช่วยกันเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ที่พูดไปไม่ได้อยากอยู่ หรือเพื่อมีอำนาจเพียงแต่ต้องการให้ประชาชนแข็งแรง ตนเองจะได้ไปนั่งเป็นลุงเป็นปู่ดูประชาชนมีความสุข ดูการพัฒนาของประเทศไทย ทั้งนี้ ตอนอยู่ที่สหรัฐฯ ตนเองก็รู้สึกเป็นห่วงเรื่องพระ เรื่องน้ำ จึงขอร้องว่าวันนี้อย่าทำวิกฤตให้เป็นวิกฤตมากกว่าเดิม อะไรที่เป็นปัญหาก็ช่วยกันแก้ไปหากทุกอย่างเป็นปัญหาแล้วให้ตนแก้เพียงคนเดียวมันก็ไม่ถูกใจคนทั้งหมด ก็ตีกันอยู่ทุกวัน แล้วมันจะเดินหน้าไปได้หรือ จึงขอให้ประชารัฐเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศ ตนเป็นแค่คนส่งเรือข้ามฟาก มันก็มีทั้งพวกเรือล่ม และคนไม่พายวันนี้ต้องช่วยกันพาย เพราะเป็นแพขนาดใหญ่แล้วทุกคนในประเทศขึ้นแพลำเดียวกันแล้ว อย่าพาตนตกน้ำไปด้วยเดี๋ยววันหน้าตนไปก็มาตามไล่ล่ากัน
อย่างไรก็ตาม เราถือว่าเป็นคนส่วนน้อยในโลกใบนี้ซึ่งในโลกมีทั้งพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนาไทยเองถือว่าเป็นประธานในประเทศที่กำลังพัฒนา (จี 77) เราต้องดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและนำประชารัฐไปขับเคลื่อนร่วมด้วยซึ่งไทยเราเป็นประเทศเกษตรกรรมพืชใดใช้ต้นทุนสูงบางทีผลประโยชน์ตกอยู่กับนายทุนและพ่อค้าคนกลาง วันนี้นายทุนต้องไม่เอาเปรียบประชาชนซึ่งรัฐบาลก็ออกกฎหมายช่วยด้วยอีกทางหนึ่งแต่คนไทยไม่ชอบกฎหมายวันนี้เราต้องเอากฎหมายมาทำประโยชน์ให้ประชาชนไม่ใช่ให้ประชาชนต่อต้าน
นายกฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจในวันนี้ต้องแก้ปัญหาในอดีต ทำวันนี้เพื่อวางอนาคตในวันหน้า นี่คือภาระรัฐบาลนี้ โดยแก้จากล่างขึ้นบนวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หากใครที่คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ทำเพื่อตน ก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งตนได้ทำเพื่อพวกท่าน วันนี้ต้องสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ให้มีรายได้เพียงพอ สร้างบ้านให้เข้มแข็ง หากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในสิ่งที่ได้ทำวันนี้จะต้องมีเหตุผลให้ดี ส่วนเรื่องเงินกองทุนคงต้องขอเวลารัฐบาลหาเงิน แล้วอย่าไปตกใจกับเศรษฐกิจที่ตกซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจไทยถือว่าตกน้อยสุดกว่าน้อยสุดกว่าประเทศอื่น เพราะเราช่วยกัน สำหรับเงินกองทุน 5 แสนบาท อาจน้อยสำหรับพวกท่านแต่เมื่อคูณจำนวนแล้ว รัฐบาลก็อ่วมเหมือนกัน
ขอย้ำว่ารัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน เอ็นจีโอ ทุกคนต้องเอาเป้าหมายประเทศชาติมาก่อน ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง ส่วนการปรับผังเมืองนั้นรัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน แต่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น และอย่าไปกลัวทุกอย่างต้องทำประชามติ ประชาพิจารณ์ ทั้งนี้ เรื่องแนวคิดให้เช่าที่ดิน 100 ปี 90 ปี ไม่ใช่เราจะขายแผ่นดินให้ต่างชาติ ตนรักษามาทั้งชีวิตการให้เขาเช่าเพื่อให้ในพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดงานเกิดอาชีพ ไม่ได้เช่าแล้วครอบครองทั้งประเทศ
วันนี้สัญญาระหว่างรัฐบาล คนไทยด้วยกันจะอยู่ที่ไหนคนไทยทั้งสิ้น เคยฟังหรือไม่จะอยู่ภาคไหนก็ไทยด้วยกัน ไม่ใช่ฟังแต่ขอใจแลกเบอร์โทร เราต้องทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หาเรื่องหาราว นี่คืออนาคตของพวกท่าน ทำนิ้วให้มันครบ บางคนมีห้านิ้วแต่เหลือนิ้วเดียวคือนิ้วแห่งความขัดแย้ง มันจะได้อะไรขึ้นมาตอนนี้ ตนไม่เข้าใจ ในชีวิตตนไม่เคยถูกฟ้อง แต่วันนี้มีคนมาฟ้องข้อหายึดอำนาจ ตลกดี บอกเลยที่เอามาก็เอามาทำให้พวกท่านทั้งสิ้น
ประเทศไทยคือศูนย์กลางแห่งภูมิภาค นั่นคือศักยภาพที่เรามีอยู่แล้ว ต่างประเทศเขาพูดว่าประชาธิปไตยก็เดินไปตามโรดแมป ตนพูดแบบนี้ โรดแมปตนมี ประชาธิปไตยตนไม่ขัดแย้ง ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการทำผิดกฎหมายคนละเรื่องกันอย่าเอามารวมกัน ฉะนั้นถ้าทำผิดกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่จับกุมอย่ามาร้องว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่าให้ใครมาชี้นำพวกท่านในทางที่เสียหายและวันนี้ตนได้ชี้นำอะไรให้ใครเสียหายหรือยัง ที่มายืนตรงนี้รบกวนใครหรือ ชวนไปรบกับใครหรือยัง มีใครเดือดร้อนกับการที่ตนมายืนตรงนี้ ตนไปข่มเหงใครบ้าง วันนี้เรารบกับตัวเองต่อสู้กับความยากจน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำสงครามกับความยากจนมาตลอด วันนี้พวกเราจะทำให้พระองค์ท่านไม่ได้หรือ ทำไมไม่ทำให้พระองค์ท่านทรงมีความสุข
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้เรื่องวัด เรื่องพระก็ว่ากันไปตนไม่ขัดแย้งกับพวกท่าน เดี๋ยวมีเรื่องอีก ตอนนี้กำลังทำหนังสือเล่มหนึ่งที่รวบรวมการปรับพฤติกรรมด้านการปลูกพืช หมักปุ๋ยต่างๆ โดยให้กรมประชาสัมพันธ์รวบรวมมา และจะแจกจ่ายลงสู่จังหวัด อีกประมาณสิบกว่าวันหนังสือเล่มนี้จะออกแล้ว ทั้งนี้เกตรกรที่ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชวันนี้มีตัวอย่างการสร้างรายได้ให้ตัวเองจำนวนไม่น้อย วันนี้ควรต้องจับกลุ่มกับปลูกพืชและแลกเปลี่ยนก่อนนำส่งสู่ตลาดแปรรูป ไม่ได้หมายความว่าให้เลิกปลูกข้าวหันมาปลูกแห้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่ปลูกได้แค่ไหนก็แค่นั้น เพื่อให้อยู่ได้ โดยหนังสือเล่มดังกล่าวคงจะมีเล่มต่อๆ ไปตามมาอีก และขอให้อ่าน วันนี้ต้องใจถึงใจมองตารู้กัน ช่วยกันตามแนวประชารัฐสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน
“ผมไม่อยากใช้อำนาจทำลายล้างใครทั้งสิ้น มันทำลายกันมาพอแล้ว หวังว่าประชารัฐจะออกดอกออกผล วันนี้ต้องวางผังประชารัฐให้ดีเพื่อให้ออกผลในวันข้างหน้า ให้ทุกคนมีความสุขเร็วที่สุด ไม่ใช่ผ่านมากี่รัฐบาลก็นำร่องๆ ที่ผ่านมานำไม่รู้กี่ร่องแล้ว หมดเงินไปเท่าไรไม่รู้ มีทั้งต้นแบบออกแบบ แต่ไม่ออกลูกเสียที ถ้าเป็นประชารัฐจะเกิดความเข้มแข็ง ใครก็เอาอำนาจของตัวเองไปไม่ได้” นายกฯ กล่าว