ป้อมพระสุเมรุ
แม้บรรดา “แฟนคลับ-ผู้ใหญ่” ในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังหวังและอยากให้ความขัดแย้งใน “พรรคสีฟ้า” จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ยิ่งนานวันกลับแบ่งแยก-แตกขั้วหนักข้อกว่าเดิม รอยร้าวที่ไม่ได้รับการประสานก็ปริแตกกลายเป็นรอยร้าวที่ไม่มีวันประสานกันได้ในที่สุด
“จุดแตกหัก” ของเรื่องนี้มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว พีคสุดๆก็ช่วงปลายปีที่ “หัวหน้ามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เรียก “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาเคลียร์ข้อข้องใจ แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงปฏิเสธมาตลอด
ทั้งเรื่องซุบซิบกระหึ่มพรรคที่ “หม่อมหมู” ตีมึนไม่ยอมส่ง “น้ำเลี้ยง” เข้าต้นสังกัด รวมทั้ง “แผนสมคบคิด” กับ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กำลังก่อหวอดเขี่ย “พี่มาร์ค” จากเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อยึดพรรคประชาธิปัตย์
ไม่น่าเชื่อว่า ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน แต่คน 2 คนที่อยู่ใกล้กันแค่พลิกฝ่ามือกลับยังไม่ได้คุยกัน เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ “หม่อมหมู” ก็ยังไม่รับสาย “พี่มาร์ค” เลย
ก่อนหน้านี้มีข่าวที่ได้รับการยืนยันว่า “หัวหน้ามาร์ค” จะลงดาบ “ชายหมู” อัปเปหิออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไร้วี่แววมาตรการใดๆออกมา จนล่าสุดเป็นคิวของ “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค กับ “เสี่ยโย่ง” องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ กทม. ออกมาแถลงตัดญาติขาดมิตรกับ “หม่อมสุขุมพันธุ์”
ว่ากันว่ากลเกมที่ “เดอะมาร์ค” สุมหัวกับ “แก๊งไอติม” นำมาสู่การเชือด “ชายหมู” ครั้งนี้ถูกเซ็ตเป็นขั้นตอนไว้นานแล้ว รอแค่วัน ว. เวลา น.
แม้น้ำหนักจะไม่มากเท่ากับการที่ “พี่มาร์ค” ออกแอคชั่นเอง แต่ทั้ง “เสี่ยไก่ - เสี่ยโย่ง” ก็มีโลโก้ “เด็กมาร์ค” ปะหลางหน้าผาก ถ้าไม่ได้รับ “ไฟเขียว” คงไม่ออกมาแถลงเช่นนนี้
แถลงการณ์ที่ออกมาระบุว่า จากนี้ไปการบริหารงาน กทม.ของ “ชายหมู” ให้ถือเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับ “ประชาธิปัตย์” และพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตทุกคดีที่เริ่มส่งกลิ่นตุๆออกมาจาก “ศาลาเสาชิงช้า”
งานนี้น่าจับตาตรงที่เกมต่อไปของ “เดอะมาร์ค” เมื่อเชือด “ชายหมู” คาเขียงแล้ว จะตามซ้ำดาบสอง “ฆ่า” ให้ตายคาสนามการเมืองเลยหรือไม่ เพราะหากกดไฟเขียวให้ “ศิษย์อาจารย์ 2 ว.” วิลาศ จันทรพิทักษ์ - วัชระ เพชรทอง ตามตรวจสอบทุจริตต่อมีหวัง “ชายหมู” หมดอนาคตทางการเมืองเป็นแน่
แค่ข้อกล่าวหาที่ “เฮียวิลาศ - เดอะแจ๊ค” ออกมาแฉก่อนหน้านี้ก็ตามล้างตามเช็ดไม่หมดสิ้น แล้วยังมี “โครงการไฟ LED 39 ล้าน” กลิ้งหลุนๆมาเข้าตีนอีก แบบที่ “เฮียวิลาศ” แสยะยิ้มมุมปากอย่างอำมหิต เพราะเรื่องเก่าๆอาจจะมีหลักฐานสาวไม่ถึงตัว “ชายหมู” แต่สำหรับโปรเจ็คต์ “ไฟสวรรค์” มีหลักฐานเด็ดอยู่ในมือ ที่เชื่อว่าจะมัดตัว “ชายหมู” ให้ดิ้นไม่หลุด แม้จะอ้างตลอดว่าไม่ได้เซ็นอนุมัติโครงการด้วยตัวเอง
แต่เมื่อ “ถอดรหัส” ถ้อยแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใยกับ “ชายหมู” ยังคงเว้นช่องให้ได้หายใจด้วยการไม่ปลดออกจากตำแหน่ง “รองหัวหน้าพรรค” เป็นสัญญาณว่าหาก “ชายหมู” กลับเนื้อกลับตัวก็หนทางในการกลับมาอยู่ “ค่ายสีฟ้า” ก็ยังมีโอกาส
แต่คนที่ “เดอะมาร์ค” บีบให้เลือกว่าจะเลือกขั้วไหนชัดเจนมากที่สุดคือบรรดาพวก ส.ก.- ส.ข.- ทีมบริหารกทม. - ทีมที่ปรึกษา กทม. ที่หลายคนยัง “แทงกั๊ก” ว่าจะไปต่อกับ “ทีมมาร์ค” หรือเลือกเล่นบทใหม่-ตำแหน่งใหม่กับ “ทีมหมู” หรือพูดให้ถูกก็ “ทีมสุเทพ” นั่นเอง
คนหนึ่งที่ต้องคิดหนักมากไม่แพ้ใครก็ “หนุ่มเอ๋” อรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.ดาวรุ่ง ที่พอการเมืองเว้นวรรค ก็ได้เทียบเชิญจาก “ชายหมู” ให้ไปเป็นทีมที่ปรึกษา จนโดน “เด็กมาร์ค” ค่อนแคะว่าได้มีข้อแลกเปลี่ยน ทั้ง “ค่าจ้าง” ที่มากพอจะตั้งตัวได้ แถมบังเอิญที่หลายโครงการของ กทม.ก็ไปลงในพื้นที่ “หนุ่มเอ๋” มากกว่าพื้นที่อื่น จึงโดนเพื่อนอดีต ส.ส.กทม.ซุบซิบนินทากันใหญ่
พอแถลงการณ์ออกมา คนที่สะดุ้งไม่แพ้ “ชายหมู” ก็คงเป็น “หนุ่มเอ๋” นี่แหละ
ช่วงการเมืองยังไร้วี่แววเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงวัดใจ “หนุ่มเอ๋” ว่าจะเลือกว่าจะกลับมา “ไส้แห้ง” กับผองเพื่อนที่ “ค่ายสีฟ้า” หรือจะขอ “ขุดทอง” ที่ กทม.ปีสุดท้ายในตำแหน่งของ “ชายหมู”
นอกจากนี้แล้ว “ค่ายสีฟ้า” ยามนี้ยังสาละวันอยู่ที่การรับกันเอง บรรดานายทุน-ลูกนายทุน ยังหลบฉากไม่เลือกว่าจะอยู่ทีมไหนระหว่าง “ทีมมาร์ค-ทีมลุงกำนัน” ทำให้ “เดอะมาร์ค” ต้องเคลียร์คัทให้เร็วที่สุด เพื่อวางเกมของตัวเอง-กำหนดคนลงพื้นที่ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่
ขณะที่ “ทีมลุงกำนัน” ก็ยังไม่ลงตัวว่าจะส่งใครเข้าชิงตำแหน่งผู้นำพรรคแข่งกับ “เดอะมาร์ค” เพราะชั่วโมงนี้ชื่อ “ชายหมู” เป็น “ของมีตำหนิ” ยากที่จะมาปัดฝุ่นย้อมแมวขาย ส่วนแคนดิเดตรายอื่นก็ยังสงวนท่าทีดูทิศทางลมต่อไป อย่าง “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” ที่ออกมาทำ “ปืนลั่น” ว่าพร้อมเสียบ แต่สุดท้ายก็ต้องหลบเข้าฉากไป เพราะไทม์มิ่งไม่ได้
สัญญาณจาก “ทีมมาร์ค” ที่ถล่ม “ชายหมู” สะท้อนให้เห็นว่าอย่าใครมายุ่งกับตำแหน่งผู้นำพรรคเด็ดขาด ขู่กันให้เห็นเลยว่าหากใครเลือกเป็น “ร่างทรง” ให้ “ทีมลุงกำนัน” มีหวังอนาคตต้องดับอนาจเหมือน “ชายหมู” ได้
ส่วนกรณีของ “สุรินทร์” ที่บรรดาลูกหาบของ “เดอะมาร์ค” ไม่ออกมายุ่งเกี่ยวข้องแวะมากนัก เพราะ ยังถือเป็นผู้ใหญ่ที่คนในพรรคหลายคนให้ความเคารพ แถมเจ้าตัวยังไม่โผล่ออกมาเต็มตัว ทำให้ล่อได้ไม่เต็มแข้ง แต่ลอง “สุรินทร์” เปิดตัวว่าขอลงแย่งตำแหน่งผู้นำพรรคเมื่อไร เชื่อว่าวีรกรรมเก่าๆสมัยปีมะโว้ ชั่วมาก-ชั่วน้อยจะจะโดนขุดมาถล่มกันไม่ไว้หน้าแน่นอน
มีเสียงแซวกันว่าหากใครคิดจะลงเป็น “ร่างทรง” ของ “ทีมลุงกำนัน” ต้องเตรียมข้อมูลไว้บลั๊ฟ “แก๊งค์เด็กมาร์ค” ไว้ให้ดี เพื่อกลบร่างรอยความผิดพลาดในอดีต ไม่ให้ตามมาหลอกหลอน เหมือน “ชายหมู” ที่ชั่วโมงนี้ไม่ต่างจาก “ซากศพ” เดินไปไหนก็มีแต่เสียงก่นด่าหาว่าทุจริต
ศึกใน “ค่ายสีฟ้า” ไม่มีทางจบลงง่ายๆ “มาร์ค - ลุงกำนัน” คงไม่มีใครยอมใคร จาก “คนรัก” แปลสภาพเป็น “คนเคยรัก” แถมต้องสู้เพื่อแย่งชิงการนำกันอีก ยิ่งเป็นพลังให้ขับเคี่ยวกันหนักว่าศึกอื่นที่ผ่านมา
พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ยามรบกันเองแล้ว มักจะมีฝ่ายหนึ่งต้องเก็บกระเป๋าออกจากพรรค เพื่อไปตั้งรกรากใหม่ คราวนี้ต้องลุ้นกันว่า “ทีมมาร์ค” หรือ “ทีมลุงกำนัน” จะต้องเก็บกระเป๋าออกจากพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ...