xs
xsm
sm
md
lg

ศึกประชาธิปัตย์-สุขุมพันธุ์ ระเบิด ส่อเละ ตายยกก๊วน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าคงไม่มีผลเป็นทางการเนื่องจากยังเป็นช่วงสถานการณ์พิเศษภายใต้การควบคุมเข้มงวดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามทุกพรรคทำกิจกรรมทางการเมือง ห้ามประชุมพรรค รวมไปถึงห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบันยังไม่มีพรรคใดเรียกประชุมพรรคหรือมีการเปลี่ยนแปลงเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นเดียวกัน ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประชุมพรรคได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความพยายามทำหนังสือขอไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับไฟเขียว ดังนั้นการที่ พรรคประชาธิปัตย์มีคำแถลงลงวันที่ 21 มกราคม 2559 ก็ต้องถือว่าไม่ใช่เป็นทางการ แต่อาจเป็นผลจากการหารือกันเป็นการภายในแบบส่วนตัวระหว่างผู้บริหารพรรคจำนวนหนึ่งเท่านั้น

คำแถลงของพรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวล่าสุด เนื้อหาสำคัญ ก็คือ พยายามชี้ให้เห็นถึงการบริหารกรุงเทพมหานครที่ล้มเหลว รวมไปถึงมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยส่อไปในทางทุจริต (ใช่คำว่าไม่โปร่งใส) ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าที่ผ่านมามีความพยายามในการนัดหมายเรียกประชุมเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกันหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ จนเวลาเนิ่นนานและล่วงเลย จนทำให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครได้

ในตอนท้ายได้ประกาศว่าเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่านับจากนี้ไปการดำเนินการรวมไปถึงการบริหารกรุงเทพมหานครของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะพรรคไม่อาจใช้กลไกของพรรคในการสนับสนุน หรือติดตามตรวจสอบการบริหารงานดังกล่าวได้ จึงต้องแสดงความรับผิดชอบและขออภัยต่อชาวกรุงเทพฯ

ความหมายก็คือ “แตกหัก” กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร สองคือ ชิ่งหรือลอยแพ เพราะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ “ชายหมู” อยู่เหนือการควบคุมของพรรคมาตั้งนานแล้ว ขณะเดียวกัน ถ้ามองในมุมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ต้องเข้าใจกันแล้วว่าเขาก็ไม่แคร์คณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ในชุดปัจจุบันมาตั้งนานแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็ “สร้างบาง” สร้างอาณาจักรของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาย้อนกลับไปในอดีตก็ต้องบอกว่าความขัดแย้งแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้ง
แรก เพราะเมื่อครั้งที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสมัยแรก ในตอนนั้นก็มีความขัดแย้งในลักษณะนี้ จนกระทั่งเกือบบานปลายในช่วงที่วาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครสมัยแรกสิ้นสุดลง และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ยังมีควมมประสงค์ที่จะลงสมัครต่ออีกเป็นสมัยที่สอง แต่ก็มีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากคนในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในที่สุดก็มีการเคลียร์กันได้ลงตัว เพราะหากปล่อยให้ “ชายหมู่” ลงอิสระก็อาจทำให้ “เสียงแตก” ทำให้พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งคือผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ยุทธศาสตร์ทางการเมืองในพื้นที่เมืองหลวงเสียหาย ตอนนั้นคงมีการรับปากกันว่าจะมีการรับฟัง มีการประสานกับพรรคมากขึ้น และที่สำคัญยอมให้คนในพรรคเข้าไปร่วมทีมบริหาร มีตำแหน่งในทีมของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหลายคน

แต่ที่ผ่านมาความขัดแย้งกลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มีการเปิดโปงเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการใช้งบประมาณและการบริหารของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกมาให้เห็นหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการใช้งบประมาณในการซื้อเครื่องดนตรีของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ เช่น เปียโน การซื้อกลองวงจรปิด การประมูลการติดตั้งไฟในช่วงปีใหม่งบประมาณ 39 ล้านบาทที่ถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นความขัดแย้งทั้งสองฝ่าย นั่นคือฝ่ายที่นำโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่มีข่าวว่าได้รับการหนุนหลังจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯประชาธิปัตย์ ขณะที่อีกฝ่ายเป็นทีมบริหารในพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลสะเทือนตามมาหลายดอก แต่ภาพรวมที่สำคัญเฉพาะหน้าก็คือ “เสียหายกันทั้งหมด”

แม้ว่าที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯจำนวนมากไม่แฮปปี้กับการทำงานและผลงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อผลงานของออกมาแบบนี้มันก็ย่อมส่งผลกระทบในทางลบมาถึงพรรคประชาธิปัตย์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเข้ามาในนามพรรค อีกทั้งในเวลานี้ความรู้สึกที่ควรรับรู้เอาไว้ก็คือชาวบ้านเขา “เบื่อแบบเหมารวม” นั่นคือ เบื่อกันทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่เข้ามาบริหารกรุงเทพฯแล้วไม่เข้าตา

ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์แถลงแบบ “ลอยแพ” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แบบนี้มันก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะนาทีนี้ถือว่า “เละ” และส่อ “ตายกันยกก๊วน” ขณะเดียวกัน นับจากนี้ไปเชื่อว่าคงจะต้อง “อุดหู” เพราะอีกไม่นานก็จะมีเสียงตอบโต้กลับมาจากอีกฝ่าย เป็นการสาวใส้ไปมากันเป็นระลอก และอาจเป็นไปได้ถึงขั้นที่ว่าอาจมีการใช้อำนาจพิเศษปลดพ้นเก้าอี้ผู้ว่าฯแล้วมี “สีเขียว” เข้ามาเสียบ อย่ากะพริบตา !!
กำลังโหลดความคิดเห็น