xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” สั่งประมวลความเห็นปม กทม. เคลียร์ “สุรินทร์” ปัดชิง หน. ชี้ “เทือก” ไม่ยุ่งพรรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” มอบ “องอาจ” ประมวลความเห็นปมปัญหา กทม. หัวเราะ “ชายหมู” บอกแจงพรรคตลอด ยันไม่ลอยตัวปัญหา สื่อสาร กทม.ไม่ได้ก็ต้องดำเนินการอย่างมีระบบ เผยโทร.เคลียร์ “สุรินทร์” ปัดข่าวท้าชิงหัวหน้าพรรค ย้ำสมาชิกต้องมุ่งสร้างความแข็งแกร่งพรรค ไร้ปัญหาแสดงความเห็นได้ ชี้ “เทือก” คงไม่ยุ่งพรรค ย้อน คสช.พรรคการเมืองเป็นระบบ ห้ามประชุมกระทบกว่าพรรคที่สั่งคนเดียว

วันนี้ (7 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ระบุว่าไม่ทบทวนคำสั่ง คสช.ที่ 57 ห้ามทำกิจกรรมการเมืองทำให้พรรคไม่สามารถเปิดประชุมพิจารณาปัญหาการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหารงานได้ว่า เมื่อไม่ให้ประชุมก็จัดไม่ได้ แต่มอบหมายให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าภาค กทม.ประมวลความเห็นของอดีต ส.ส.พรรค โดยเริ่มจากอดีต ส.ส.กทม.ก่อนเพราะเป็นพื้นที่ที่ประชาชนรับผลกระทบโดยตรง และจะปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้ก็ไม่ดีต่อใครทั้งสิ้น ทั้งพรรคและ กทม. โดยเฉพาะจะทำให้ประชาชนสับสน คาดว่าใช้เวลาราวสัปดาห์เพื่อประมวลความเห็นมาให้ผู้บริหารพรรคในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่า บทสรุปที่ได้จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเราคิดแค่วิธีการที่จะสร้างความชัดเจนที่จะทำให้การทำงานเป็นระบบ ส่วนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ระบุว่ามีการชี้แจงกับพรรคมาโดยตลอดนั้น นายอภิสิทธิ์หัวเราะก่อนตอบว่า ที่ผ่านมาตนและนายองอาจได้พยายามหลายครั้งในการหาทางแก้ไขปัญหา เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการให้สัมภาษณ์ของ อดีต ส.ส.พรรคแต่เป็นการบริหารงานของ กทม.โดยรวมที่พรรคต้องร่วมรับผิดชอบจึงควรต้องมีการหารือเพื่อแก้ไขและชี้แจงอย่างไร ยืนยันว่าพรรคจะไม่ลอยตัวในเรื่องนี้ โดยอ้างว่าประชุมไม่ได้เพราะ คสช.ไม่อนุญาตเพราะไม่เป็นผลดีกับใคร

ส่วนที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.ไปยื่น สตง.และ ป.ป.ช.ตรวจสอบการบริการงานไม่โปร่งใสของผู้บริหาร กทม.นั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป แต่ยอมรับว่าไม่มีใครพอใจกับสภาพที่มันเกิดขึ้น เมื่อผู้บริหาร กทม.ดำรงตำแหน่งโดยการเลือกตั้งและลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ คนของพรรคก็จะถูกสอบถามและคนของพรรคฯ ก็มีหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบ ตนก็พยายามหาวิธีในการจะประสานเพื่อให้เกิดความเข้าใจ หรือเอาข้อมูลต่างๆ มาช่วยกันดู แต่เมื่อไม่สามารถที่จะสื่อสารกับทาง กทม.ได้ สมาชิกก็ดำเนินการในส่วนของเขาไป ตนก็ไม่อยากจะให้สภาพนี้ยืดเยื้อและต้องการที่จะให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพราะหากมีการประชุมพรรคจะทำให้การทำงานง่ายขึ้น เพราะการจะดำเนินการอะไรต่อสมาชิกของพรรคฯ หรือจะเชิญให้ฝ่ายต่างๆ มาให้ข้อมูล หากมีการประชุมที่เป็นทางการแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ ก็จะนำไปสู่การดำเนินการทางวินัย

ส่วนประเด็นตำแหน่งหัวหน้าพรรคนายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่าหลังจากที่ตนได้คุยโทรศัพท์กับนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เขาก็ปฏิเสธข่าว และตนไม่ได้ติดใจอะไรส่วนใครจะวิเคราะห์อย่างไรก็สามารถทำได้ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคประชาธิปไตยไม่มีใครเป็นเจ้าของ และมีกระบวนการคัดเลือกผู้บริหารพรรคอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว และวาระของคณะกรรมการชุดปัจจุบันอยู่ถึง ปี 2561 แต่สิ่งที่ตนย้ำเสมอ คือ หน้าที่สมาชิกพรรคทุกคนคือต้องมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่พรรคฯ เตรียมความพร้อมในการจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งเรื่องบุคลากร นโยบาย การบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งโดยให้มีการปฏิรูปพรรคฯ ที่กำลัง แลกเปลี่ยนแนวคิดกันอยู่ พรรคประชาธิปัตย์มีบุคลากรที่หลากหลายและคุณสมบัติเหมาะสม ไม่ได้มีเฉพาะนายสุรินทร์ ส่วนจังหวะเวลา เมื่อไหร่ อย่างไร ให้เป็นไปตามสถานการณ์ แต่อย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นตัวหลัก แล้วบดบังสิ่งที่พรรคฯ จะต้องทำให้กับประเทศชาติ

“ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ แค่สิ่งที่เราต้องการคือทำอย่างไรอุดมการณ์ นโยบายพรรคจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติ เปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยต้องรอเวลาที่เหมาะสม หากเห็นว่าแนวทางการจะเดินหน้า ไปสู่ความเข้มแข็ง จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไร ไม่มีใครขัดข้องอยู่แล้ว สาระสำคัญวันนี้มันน่าจะอยู่เรื่องการสร้างพรรคฯ ให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ ส่วนเรื่องที่ใครจะมาอยู่ตรงไหนอย่างไร เมื่อถึงเวลาคำตอบก็จะปรากฏออกมาเอง ฉะนั้นผมไม่กังวลอะไรทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ส่วนเรื่องอยู่ครบ ไม่ครบวาระไม่เคยพูดไม่มีใครทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ว่าระหว่างที่อยู่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราต้องรับผิดชอบกับสมาชิก และรับผิดชอบประชาชนในสิ่งที่เราทำ”

นายอภิสิทธิ์ยังชี้แจงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปว่า นายสุเทพได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว ตนได้พบเป็นครั้งคราว ก็พูดเสมอว่าอยากเห็นพรรคมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่คงไม่มายุ่งเกี่ยวก้าวก่ายอะไรกับเรื่องของการบริหารจัดการภายในพรรคฯ ทำไมถึงมีบทวิเคราะห์ออกมาได้ว่าสุดท้ายแล้วนายสุเทพจะเป็นคนชี้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ส่วนที่มีสื่อวิเคราะห์ว่านายสุเทพจะเป็นคนชี้ว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคนั้นก็วิเคราะห์ได้ แต่ตนขอฟังจากปากเจ้าตัวมากกว่า

นายอภิสิทธิ์ยังยอมรับว่าข้อจำกัดของการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองในช่วงที่ยังมีการปฏิรูปกระทบต่อทุกพรรคไม่มากก็น้อย แต่พรรคประชาธิปัตย์มีลักษณะเป็นสถาบันไม่มีใครเป็นเจ้าของจะกระทบมากกว่า เพราะบางพรรคอยากรู้ว่าจะไปทิศทางไหนนั้น ไปถามคนเดียวก็รู้เรื่อง เพราะคนอื่นก็ต้องทำตาม แต่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเป็นอย่างนั้น และไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเวลาที่มันไม่สามารถที่จะดำเนินการอะไรที่เป็นทางการได้ พรรคประชาธิปัตย์ย่อมได้รับผลกระทบมากกว่า ซึ่ง คสช.น่าจะลองคิดว่าต้องการพรรคการเมืองแบบไหน หากต้องการพรรคการเมืองที่ดำเนินการเป็นระบบได้ การปิดโอกาสจะไม่เป็นผลดีและตนเชื่อว่าพรรคการเมืองที่อยากจะป่วนคงไม่ได้มาผูกพันกับเรื่องการประชุม และหากใครสร้างปัญหาก็มีคำสั่งอื่นๆ ของ คสช.จัดการอยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น