xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"ขีดเส้น7วันระดมลูกพรรค เช็กบิล"ทีมสุขุมพันธุ์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (7ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ระบุไม่ทบทวนคำสั่งคสช. ที่ 57 ห้ามทำกิจกรรมการเมือง ทำให้พรรคไม่สามารถเปิดประชุมพิจารณาปัญหาการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหารงานได้ ว่า เมื่อไม่ให้ประชุม ก็จัดไม่ได้ แต่มอบหมายให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าภาคกทม. ประมวลความเห็นของอดีต ส.ส.พรรค โดยเริ่มจาก อดีต ส.ส.กทม.ก่อน เพราะเป็นพื้นที่ที่ประชาชนรับผลกระทบโดยตรง และจะปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่ดีกับใครทั้งสิ้น ทั้งพรรคและกทม. โดยเฉพาะจะทำให้ประชาชนสับสน คาดว่าใช้เวลาราว 1 สัปดาห์เพื่อประมวลความเห็นมาให้ผู้บริหารพรรคในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า บทสรุปที่ได้จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเราคิดแค่วิธีการที่จะสร้างความชัดเจน ที่จะทำให้การทำงานเป็นระบบ ส่วนที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า มีการชี้แจงกับพรรคมาโดยตลอดนั้น นายอภิสิทธิ์หัวเราะ ก่อนตอบว่า ที่ผ่านมาตนและนายองอาจ ได้พยายามหลายครั้งในการหาทางแก้ไขปัญหา เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการให้สัมภาษณ์ของ อดีต ส.ส.พรรค แต่เป็นการบริหารงานของกทม.โดยรวม ที่พรรคต้องร่วมรับผิดชอบ จึงควรต้องมีการหารือเพื่อแก้ไข และชี้แจง ยืนยันว่าพรรคจะไม่ลอยตัวในเรื่องนี้โดยอ้างว่าประชุมไม่ได้เพราะคสช.ไม่อนุญาต เพราะไม่เป็นผลดีกับใคร
ส่วนที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม. ไปยื่น สตง. และ ป.ป.ช. ตรวจสอบการบริการงานไม่โปร่งใสของผู้บริหารกทม. ถือว่า เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป แต่ยอมรับว่าไม่มีใครพอใจกับสภาพที่มันเกิดขึ้น เมื่อผู้บริหารกทม. ดำรงตำแหน่งโดยการเลือกตั้งและลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ คนของพรรคก็จะถูกสอบถาม และคนของพรรคฯ ก็มีหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบ ตนก็พยายามหาวิธีในการจะประสานเพื่อให้เกิดความเข้าใจ หรือเอาข้อมูลต่างๆ มาช่วยกันดู แต่เมื่อไม่สามารถที่จะสื่อสารกับทางกทม.ได้ สมาชิกก็ดำเนินการในส่วนของเขาไป
ตนก็ไม่อยากจะให้สภาพนี้ยืดเยื้อ และต้องการที่จะให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพราะหากมีการประชุมพรรค จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น เพราะการจะดำเนินการอะไรกับสมาชิกของพรรคฯ หรือจะเชิญให้ฝ่ายต่างๆ มาให้ข้อมูล หากมีการประชุมที่เป็นทางการแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ ก็จะนำไปสู่การดำเนินการทางวินัย
ส่วนประเด็นตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า หลังจากที่ตนได้คุยโทรศัพท์กับนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เขาก็ปฏิเสธข่าว และ ตนไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนใครจะวิเคราะห์อย่างไร ก็สามารถทำได้ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคประชาธิปไตยไม่มีใครเป็นเจ้าของ และมีกระบวนการคัดเลือกผู้บริหารพรรคอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว และวาระของคณะกรรมการชุดปัจจุบันอยู่ถึง ปี 2561 แต่สิ่งที่ตนย้ำเสมอ คือ หน้าที่สมาชิกพรรคทุกคนคือ ต้องมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคฯ เตรียมความพร้อมในการจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งเรื่องบุคลากร นโยบาย การบริหาร จัดการต่างๆ ซึ่งโดยให้มีการปฏิรูปพรรคฯ ที่กำลัง แลกเปลี่ยนแนวคิดกันอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ มีบุคลากรที่หลากหลายและคุณสมบัติเหมาะสม ไม่ได้มีเฉพาะ นายสุรินทร์ ส่วนจังหวะ เวลา เมื่อไร อย่างไร ให้เป็นไปตามสถานการณ์
"ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ แค่สิ่งที่เราต้องการคือทำอย่างไรอุดมการณ์ นโยบายพรรคจะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติ เปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยต้องรอเวลาที่เหมาะสม หากเห็นว่าแนวทางการจะเดินหน้า ไปสู่ความเข้มแข็ง จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไร ไม่มีใครขัดข้องอยู่แล้ว สาระสำคัญวันนี้ มันน่าจะอยู่เรื่องการสร้างพรรคฯ ให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ ส่วนเรื่องที่ใครจะมาอยู่ตรงไหนอย่างไร เมื่อถึงเวลาคำตอบก็จะปรากฏออกมาเอง ฉะนั้นผมไม่กังวลอะไร ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ส่วนเรื่องอยู่ครบ ไม่ครบวาระ ไม่เคยพูดไม่มีใครทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ว่าระหว่างที่อยู่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราต้องรับผิดชอบกับสมาชิก และรับผิดชอบประชาชนในสิ่งที่เราทำ"
นายอภิสิทธิ์ ยังชี้แจงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูป ว่า นายสุเทพ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปแล้ว ซึ่งตนได้พบเป็นครั้งคราว ก็พูดเสมอว่า อยากเห็นพรรคมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่คงไม่มายุ่งเกี่ยว ก้าวก่ายอะไรกับเรื่องของการบริหารจัดการภายในพรรคฯ ทำไมถึงมีบทวิเคราะห์ออกมาได้ว่า สุดท้ายแล้ว นายสุเทพ จะเป็นคนชี้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากฟังจากปากนายสุเทพ มากกว่า

**"บิ๊กตู่"เมินใช้ม.44 จัดการไฟกทม.39ล.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจ มาตรา 44 เพื่อเร่งรัดให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมืองมูลค่า 39.5 ล้านบาท ว่า เป็นเรื่องที่เขาอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ แล้วจะให้ใช้ มาตรา 44 ไปทำอะไร ผู้สื่อข่าวระบุว่า เพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบและแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "โธ่ สื่อก็เป็นอย่างนี้ อะไรที่กระแสสังคมต้องการให้เร็ว ก็มาบอกให้ผมใช้อำนาจ แต่อันไหนที่ควรจะเร็วก็กลับบอกว่าไม่ต้องใช้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ไอ้เรื่องแบบนี้เงินจำนวนเท่าไหร่ จำนวน 39.5 ล้านบาท ใช่หรือไม่ พวกคุณก็อย่าไปทำให้เป็นประเด็นการเมือง การเมืองมันแอบอยู่ข้างหลังอยู่ ก็สอบต่อไปสิ"
เมื่อถามย้ำว่า ที่นายกฯ ระบุว่ามีการเมืองอยู่ข้างหลัง หมายความว่า มีความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับกทม.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ไม่รู้ๆ จะแสดงว่ายังไง พวกสื่อเองเป็นผู้เขียนกันมาเอง จะมาถามอะไรผม พวกคุณเป็นคนเขียนกันอยู่แล้ว จะให้ผมไปทะเลาะกับพรรคการเมืองหรืออย่างไร"
กำลังโหลดความคิดเห็น