หน.ปชป. มอง กรธ. ชงตั้ง คกก. ปรองดอง อยู่ในกรอบเดิม แนะ ดูอนาคตไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเชื่อมโยงปฏิรูป อดีตเร่งล้างผิดคดีเล็ก ไม่จำเป็นต้องตั้ง คกก. เพิ่ม หวั่นกลับสภาพเดิม ย้ำแก้ปัญหาคนกลุ่มเล็กไม่ช่วยอะไร ยังไม่พูดถึงปมคุณสมบัติปมคำสั่งกห.รอดคดีสิ้นสุด ยันสู้ในศาลต่อ ไม่กังวลกระทบเลือกตั้ง แรงกระเพื่อมพรรคเรื่องรอง ไม่หนุนใช้ ม.44 ชี้ แก้ปัญหาได้ชั่วคราว
วันนี้ (7 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ตั้งคณะกรรมการปรองดองว่า ตนคิดว่าที่นายมีชัยเสนอน่าจะอยู่ในหลักที่ว่า การปรองดองจะคิดในกรอบเดิม ๆ คือ มีกรรมการแล้วหมกหมุ่นกับการนิรโทษกรรมไม่ได้ ดังนั้น ควรหยิยออกมาให้ชัดใน 2 เรื่องที่ต้องทำ คือ 1. เรื่องอนาคต ว่าจะมีวิธีการอย่างไร ไม่ให้สังคมไทยย้อนไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกใช้ความรุนแรงซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการควบคุมไม่ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่จำกัดพื้นที่การแสดงออกจนคนต้องไปปะทุบนท้องถนน และการป้องกันไม่ให้มีการปลุกระดมให้ใช้ความรุนแรงหรือเกลียดชังโดยใช้ข้อมูลเท็จ ซึ่งเชื่อมโยงถึงการปฎิรูปสื่อ การปฎิรูปการทุจริตคอร์รัปชัน การปฎิรูประบบราชการ ซึ่งไม่สามารถพึ่งกรรมการเพียงชุดเดียวที่จะให้คำตอบทั้งหมดได้ 2. เรื่องอดีต ที่ควรทำให้จบ โดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เฉพาะประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมโดยบริสุทธิ์และมีความผิดเล็กน้อย ส่วนที่เหลือให้เข้าสู่กระบวนกรยุติธรรมตามปกติ จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีคณะกรรมการชุดใดขึ้นมาอีก อยากให้ คสช.และรัฐบาลเร่งดำเนินการทันที
เมื่อถามว่า หากมีการตั้งกรรมการตามมาตรา 44 ขึ้น จะทำให้เสมือนมีอำนาจรัฐฎาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูคำสั่งว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่ปัญหาคือเมื่อใดที่มีกรรมการ กรรมการก็จะตกเป็นเป้า สมัยรัฐบาลยุคตนเคยตั้งกรรมการอิสระที่มีนายคณิต ณ นครเป็นประธานตอนแรกมีเสียงเกี่ยงงอนบ้าง ต่อมาทุกฝ่ายยอมรับแต่เมื่อผลออกมาก็มีบางฝ่ายไม่ยอมรับ หรือบางเรื่องที่นายคณิตพยายามผลักดันก็ไม่ได้การตอบสนอง ฉะนั้น หากตั้งกรรมหารขึ้น ในที่สุดก็จะกลับไปสู่สภาพเช่นนี้ ตนจึงสนับสนุนให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ประชาชนโดยเร็วเพราะที่ผ่านมามีการจับประชาชนเป็นตัวประกันพ่วงกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายร้ายแรงมาโดยตลอด ซึ่งนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ก็พูดชัดเจนว่า ถ้าความปรองดองไปมุ่งตอบสนองคนแค่กลุ่มเดียวปัญหาก็ไม่จบเพราะไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งส่วนบุคคล แต่เป็นการต่อสู้ในเชิงความคิด ดังนั้นการแก้ปัฐหาให้คนกลุ่มเล็กๆไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เมื่อถามว่า กรรมการปรองดองภายใต้มาตรา 44 จะกลายเป็นคปป. แปลงร่างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าคำสั่งจะออกมาอย่างไร แต่สำหรับตนอย่างไปคิดเรื่องตั้งกรรมการอะไร ให้คสช.และรัฐบาลกำหนดแผนออกมาเลยว่าจะนิรโทษกรรมให้ที่เหลือก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนการป้องกันในอนาคตก็ทำเรื่องการปฎิรูปสื่อตำรวจและด้านต่างๆ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลแพ่งยกคำร้องไม่เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้ออกจากราชการว่า คิดว่ายังไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ เพราะคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งตนจะอุธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและยังยืนยันข้อต่อสู้ทั้งหมด ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนั้นจึงควรรอกระบวนการให้ถึงที่สุดก่อน เพราะก่อนหน้านี้มีความพยายามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญในสมัยที่ตนเป็นส.ส. แต่ศาลจำหน่ายคดีเพราะเรื่องยังไม่ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลในเรื่องนี้ว่าจะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้าหรือไม่ แต่จะใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไปโดยเดินหน้าใช้สิทธิทางศาล ส่วนจะมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคหรือไม่นั้น ตนคิดว่าทุกคนมุ่งที่จะเพิ่มความเข้มแข็งให้พรรคคือ ทำอย่างไรให้พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องอื่นๆถือเป็นเรื่องรอง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐบาลในหลายๆ เรื่องว่า ตนไม่นิยมการใช้อำนาจตามมาตรานี้ เพราะขณะนี้การจะทำอะไรที่เป็นกฎ กติกา ไม่ได้ยากอะไร เช่นการนิรโทษกรรมภาษี ในเรื่องการไม่ตรวจสอบย้อนหลัง เบี้ยปรับอะไรต่างๆ ก็ออกมาเป็นพระราชกำหนด แต่เมื่อมาใช้มาตรา 44 ถึงแม้บางเรื่องอาจจะถูกใจ สะใจ แต่มีคำถามเกิดขึ้นว่าอำนาจแบบนี้เป็นภาวะที่จะมีอยู่ได้ชั่วคราวเท่านั้น
“อย่างเช่นมาตรการเมาแล้วยึดรถ เป็นมาตรการที่ดี แต่เราพร้อมที่จะเขียนในกฎหมายหรือไม่ เข้าใจว่าทุกคนอยากเห็นการแก้ปัญหาหลายปัญหา รวดเร็ว สะใจเรานิยมชมชอบกัน แต่สุดท้ายต้องคิดถึงระบบระยะยาว เราก็เห็นการใช้มาตรา 44 ในบางครั้งวันนี้ใช้ อีก 2 วันต้องมาแก้ มันก็ไม่ใช่เป็นผลดีเสมอไป เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวัง รวมถึงการใช้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คอร์รัปชั่น หากเกิดข้อสงสัย มีการตรวจสอบ เบาะแสระดับหนึ่ง ต้องพักงานคน ก็ทำเป็นกฎไปเลย ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดคำถามว่าทำไมบางคนถูกสงสัย ไม่มีการใช้มาตรา 44 มันก็จะเป็นตัวที่เป็นปัญหาขึ้นมา” นายอภิสิทธิ์กล่าว