นายกรัฐมนตรีเปิดงานลดราคาจำหน่ายสินค้า “เทใจ...คืนสุขเทศกาลปีใหม่” 17-27 ธันวานี้ ลั่นโกหกไม่เป็น ไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเดียว จวกพวกบิดเบือนอันตราย ถามคนอยู่กับคนหนีไปนอกจะเชื่อใคร ชูกองทัพเหนียวแน่นแม้มีปัญหาบ้าง ย้ำไม่ปกป้อง ผิดถูกตามกระบวนการ แต่ราชภักดิ์โครงการ ทบ. ให้ไปสอบ ไปลงโทษให้ถูกต้อง บ่นปวดหัว ต่อไปนี้ไม่ต้องไปไล่จับมัน สวนระบุอาชีพน่าอายตรงไหน ซัดบ้าหรือเปล่าคิดเอาใส่ไว้ในบัตรประชาชน บอกแค่ใส่ชิปอีกตัว โอ่คิดเชื่อมโยงไปถึงจ่ายค่าสาธารณูปโภคได้
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานลดราคาจำหน่ายสินค้า “เทใจ...คืนสุข เทศกาลปีใหม่” โดยมีห้างค้าปลีกส่ง ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต และร้านค้าสะดวกซื้อทั่วประเทศกว่า 13,000 สาขาเข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 17-27 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีการลดราคาสินค้าสูงสุดถึงร้อยละ 80 เพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน ลดค่าครองชีพเป็นของขวัญ พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวโครงการตลาดชุมชน “ตลาดต้องชม” ตลาดท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์สะท้อนวิถีชีวิตชุมชน โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนพัฒนาตลาดทั้งหมด 231 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2561 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวคาดว่าจะมียอดขายสินค้ารวม 50,000 ล้านบาท ที่จะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนได้ถึงร้อยละ 30 คิดเป็นเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหา ทั้งเศรษฐกิจโลกตกต่ำทำให้มีผลกระทบ เนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรม รายได้ปานกลาง มีสิทธิพิเศษน้อยจึงทำให้การแข่งขันกับประเทศอื่นเป็นสิ่งที่ยาก แม้ตนจะเป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่ก็ได้ติดตามงานต่างๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คิดนโยบายเป็นรูปธรรม เพราะหากมีแต่คนขัดแย้งเราก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้ จึงขอให้ร่วมมือกันแยกแยะความขัดแย้งให้ออกจากประเทศ ไม่ใช่เอามาปนกันหมดทั้งการปฏิรูป ปัญหาต่างๆ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการแก้ปัญหา จึงต้องมารื้อทุกเรื่อง ไม่ใช่เพราะเก่ง แต่รู้ปัญหาเพราะรับฟังจากทุกส่วน และขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ไม่ใช่รัฐบาลคิดอะไรมาก็ขัดแย้งทั้งหมด
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้รู้สึกว่าตนไม่ใช่นักการเมือง เพราะพูดแต่ความจริง โกหกไม่เป็น พูดด้วยข้อเท็จจริง และแก้ปัญหาโดยการทบทวนทุกอย่าง ไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเดียว เพราะถ้าใช้คงไม่ยุ่งแบบนี้ การสร้างความเข้าใจที่บิดเบือนถือว่าอันตราย เพราะทำให้คนไม่เข้าใจไปตลอด ตนเห็นประเทศไทยเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ชินกับสิ่งเหล่านี้และบังเอิญได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวแต่ทำไม่ได้ และมีคนมาบิดเบือนหลายอย่างที่ไม่เป็นความจริง แผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน เมื่อเขามอบแผ่นดินนี้มาให้ดูแลก็ต้องดูแลทุกคนในชาติให้มีความปรองดองอยู่ร่วมกันให้ได้ ขอให้เอ็นจีโอเข้ามาร่วมมือ เพราะจะมีคนเข้ามาทำลายทั้งเจตนาและไม่เจตนา เพราะอาจจะรู้ไม่ถึงการณ์ทำให้ปัญหาแก้ไม่ได้ มีการสร้างความรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง เราทำลายตัวเองกันโดยไม่รู้ตัว มัวแต่ถกแถลงโดยไม่มีข้อมูล เรื่องที่ไม่ดีไม่ถูกก็ต้องให้กระบวนการดำเนินการ มัวแต่ยุแยงก็จะไปกันไม่ได้ ถ้าเราจะอยู่แบบนี้ จะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำที่สุดของอาเซียนในอนาคต ตามก้นประเทศอื่น เพราะทุกประเทศใช้กฎหมายได้ มีแต่ประเทศไทยที่ใช้กฎหมายไม่ได้หรือใช้ได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงต้องร่วมมือกันเพื่อหาหนทางให้ได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดจากการอ้างประชาชน ขอให้ไปถามประชาชนว่ารู้เรื่องการเลือกตั้งมากแค่ไหน เรื่องที่ไปถึงต่างประเทศเราก็กำลังแก้ ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะคน คนไทยขยันอดทน แต่อดทนกับความยากจน ขยันสร้างความขัดแย้ง ถ้าช่วยกันเปลี่ยนประเทศให้ดีกว่าเดิม ก็ไม่ต้องมีตนมาพูดให้รำคาญอยู่แบบนี้ ตนก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน
“ถ้าทุกคนเลือกเสพข่าวต่อๆ กันแล้วนำมาตีกัน ก็ไม่ทำงานต่อหรืออย่างไร ใครมีปัญหาอะไรก็บอกมา แต่เวลาบอกก็ฟังเสียด้วย ไม่ใช้ให้คนใช้ประโยชน์จากการปลุกปั่น สร้างความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบนี้ ระหว่างผมยืนหยัดอยู่แบบนี้กับคนที่หนีไปต่างประเทศ จะเชื่อใคร ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีไปไหน แต่คนที่หนีไปแล้วพูดให้ร้ายประเทศอยู่ ก็ทบทวนแล้วกันว่าเพราะอะไร เขาทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ทุกคนใช้กฎหมายเดียวกัน ขึ้นอยู่ว่าเราจะให้เขาเข้ากระบวนการตรวจสอบหรือกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ถ้าไม่เข้ากระบวนการก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ก็หนีไป กลับมาก็โดนจับกุม ก็มีแค่นี้ มันยากตรงไหน มันจะเกี่ยวข้องกับการเมืองตรงไหน เกี่ยวกับ คสช. หรือเกี่ยวกับสถานภาพของ คสช. สถานภาพผม ผมไม่ได้กลัวเรื่องสถานภาพของรัฐบาลและ คสช. แต่กลัวเรื่องเสถียรภาพ ผมกลัวการใช้อำนาจของผม ไม่ใช่คนที่บ้าประชาธิปไตยแล้วใช้อำนาจไม่กลัวใครเลย ทุกคนอยู่กระบวนการและผมก็อยู่ในกระบวนการเช่นกัน ที่ผ่านมาทุกคนสนับสนุนการเลือกตั้ง คราวนี้ผมก็ต้องสนับสนุนอีก ก็ต้องเลือกตั้งอยู่ดี” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนถามคนที่สู้กันแต่เรื่องที่มาหรือการใช้อำนาจอะไรต่างๆ คิดหรือไม่ว่าจะช่วยเหลือคนจนอย่างไร ตนไม่อยากพูดจาให้ร้ายใครขี้เกียจทะเลาะด้วย เพราะจะหงุดหงิด บอกว่านายกฯ ต้องอดทน ถ้ามาเป็นตนแล้วจะเข้าใจ แต่ยังดี ข้าราชการหรือพี่ๆ ใน ครม.ให้ความร่วมมือดีอยู่ กองทัพก็ยังเหนียวแน่น ปัญหามีอยู่บ้าง คนเป็นล้านๆ คน มีก็มีไปทำไมต้องยึดโยง ตนไม่เข้าใจ ตนไม่ได้ปกป้องใครทั้งสิ้น แต่ตนบอกให้ยึดตามกระบวนการยุติธรรมไปสอบสวน ตรวจสอบ ดำเนินคดีมา ถ้าผิด ไม่ใช่บางคนผิดเต็มๆ แล้วยังไม่รับอีก ไปคิดเอาที่ตนพูดวันนี้อาจจะลืมนึกไปก็ได้ คิดว่ารัฐบาลนี้รังแกกัน เข้ามาแสวงหาอำนาจ ตนไม่อยากมีอำนาจสักวัน ถ้าจะมีอำนาจจริงๆ ทำแบบต่างประเทศเขาทำทั้งหมดเป็นของรัฐบาลหมด แจกคนจนไป แต่ตนไม่ได้ทำ มีแต่อำนวยความสะดวกให้ทุกคน ทำทุกอย่างให้เกิดความเป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาข้าราชการต้องปรับตัวไปตามคนที่มีอำนาจ ทำเรื่องผิดแล้วบอกว่าประชาชนเป็นคนได้ วันนี้ตนจึงต้องขับเคลื่อนเรื่องหลักธรรมาภิบาลให้ได้ และไม่ปกป้องใคร ใครผิด ใครถูกก็ว่าตามกระบวนการยุติธรรม ให้โอกาสทุกคน คดีเดิมๆ ตนก็ให้หมดทุกอัน ทั้งที่ตนไม่ให้ก็ได้ ทุกวันนี้ทุกอย่างผิดไปหมด เพราะอะไร เพราะประชาชนได้ ตนถามว่าจะได้สักเท่าไหร่ ได้กี่สตางค์ เดี๋ยวก็สอบกันเจอหมด
“สร้างอุทยานฯ ก็ไปสอบมา มันเป็นโครงการของกองทัพบก ไม่ใช่โครงการของผม เข้าใจเสียที คิดว่าผมเป็นน้องเขา เขาเป็นน้องผม ผมต้องเกี่ยวกับเขาทุกเรื่องจนตายถึงชาติหน้าหรือไง ทุกคนต้องทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง โครงการของกองทัพบกก็เป็นโครงการหนึ่ง เหมือนโครงการของกรมอีกหลายร้อยกรม กองทัพบกมีฐานะเท่ากรมเท่านั้น เพียงแต่มีคนเยอะ มีวินัย ผมไม่เคยสอนลูกน้องผมในทางที่เสียหาย แต่มันจะเสียเพราะอะไรไปสอบมา ไปลงโทษกันให้ถูกต้อง ใครผิดลงโทษแค่ไหนก็ไปว่ามา อีกข้างหนึ่งบอกว่าผิดตั้งแต่ต้น ไปฟ้องศาล เรื่องความผิด มันผิดตั้งแต่คนแรกไปถึงคนสุดท้าย แล้วมันถูกอยู่คนเดียว ผมถามมันใช่หรือ คิดอย่างนี้บ้าง ผมถึงปวดหัว คิดย้อนกลับไปมา ว่ามันอะไร ไม่รู้จะพูดอะไรกับคน อธิบายคนไม่ได้ วันนี้ก็ต้องไปตามจับไอ้พวกที่พูดโน้น พูดนี่ ผมเลยบอกต่อไปนี้ไม่ต้องไปจับมัน ปล่อยให้ไปไหนก็ไป เสียเวลา จับมาเดี๋ยวก็ต้องปล่อยอีก คนดีๆ คิดเป็น ถ้าคิดกันอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ประเทศไทยก็อยู่อย่างนี้ ข้าราชการ คนในพื้นที่บอกเขาไม่ได้หรือให้กลับบ้าน จะมาทำไม เขาก็ตรวจสอบกันอยู่แล้ว อีกหน่อย อีกพวกไม่พอใจก็ลุกมาไล่จำนำข้าวไปอีก ก็วนกลับมาที่เดิมอีก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า 2 ปีมาแล้วที่ทุกเรื่องกลับไปสู่ที่เก่า ทั้งเรื่องจำนำข้าว ประชามติ ถ้าเลือกตั้งก็คงกลับมาที่เก่าอีก นักการเมืองจึงต้องเสียสละ คนเลวๆ ตนไม่นับถือ คนดีๆก็มีอยู่เยอะ ตนจมอยู่กับความคิดอย่างนี้มาแล้ว 2 ปี ชีวิตอยู่กับแบบนี้มาสองปีเพราะตนอาย วันนี้ไปไหนก็อาย เพราะต่างประเทศไม่เคยถามในสิ่งดีๆ ถ้าทำแบบเดิมก็ได้แบบเดิมจึงต้องมีกติกา มีใครกล้าสาบานไหม มีแต่ขอกลับไปที่เดิม หรือจะให้ตนขุดรูอยู่เพื่อที่จะได้ไม่เจอผู้คน คนไทยไม่เคยฟังคนอื่นพูด แต่โชคดีที่คนไทยยังให้โอกาสตนทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะทยอยให้ของขวัญให้ประชาชนด้วยการมอบรอยยิ้มมอบความสุข โดยตนจะพยายามไม่โมโห ถ้าไม่มีใครมายั่ว เว้นแต่จะมีการถามคำถามให้หงุดหงิดใจ และตนเสนอว่าให้นำใบเสร็จซื้อสินค้าต่างๆ น่าจะนำมาจับของรางวัล ถ้านำของที่บางคนอาจจะทิ้งมาร่วมจับรางวัล สร้างความดีใจให้คนทุกระดับ และปีใหม่นี้อยากให้ทำกุศลร่วมกันเพื่อให้มีความสุขร่วมกันและฝากว่า อย่าเชื่อทุกสิ่งที่ได้ยิน อย่าเชื่อทุกสิ่งที่ได้เห็น แต่ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ซึ่งตนทำเพื่อคนไทยทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงแนวคิดการระบุอาชีพและรายได้ลงในบัตรประชาชนว่า ตนบอกว่าให้ไปคิดมา ไปทำบัตรมาอย่างบัตรประชาชน แล้วก็มาตีตนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน มันละเมิดตรงไหน น่าอับอายตรงไหน การที่จะมีคำว่าทำอาชีพเกษตรกร มันอายเขาตรงไหน ตนถามสิ ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ในบัตรประชาชน มันใส่ไม่ได้ คิดโง่ๆ แบบนี้ได้ยังไง มันจะเอาใส่อะไร อาชีพ รายได้ เดือนนี้เท่าไหร่ ปีนี้เท่าไหร่ จะบ้าหรือเปล่าคนที่คิดแบบนี้ เขาเพียงแค่ใส่ชิปเพิ่มเข้าอีกตัวเท่านั้นเอง ถึงเวลาก็เสียบการ์ดเข้าไปก็อ่านออกมาหมดว่าคนนี้ทำอะไร มันเสียหน้าตรงไหน กลัวเขาจะหาว่าเราจนหรืออย่างไร มันเสียหน้าตรงไหน ตนต้องการจะแยกแยะให้หมด แต่ไม่ต้องการไปแบ่งชนชั้น และตนต้องการที่จะคิดไปต่อถึงการเชื่อมโยงการเสียภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถเมล์ ค่าเครื่องบิน ซึ่งจะใช้เป็นการ์ดใบเดียว หรือสองใบ คนจนก็ใช้ได้