“สมชัย” สวนอดีตเลขาฯ กกต.ให้จับตาจัดซื้อเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ เผยยังไม่ตั้งงบไม่ถึงหมื่นล้าน ย้อนไม่เข้าประชุมเลยไม่รู้เรื่อง นำเครื่องโชว์สื่อ โยนปมร้อนให้ กกต.คนอื่นแจง ไม่ตอบมาถามตนใหม่ ไร้ปัญหาเปลี่ยน กกต. ชี้ กกต.ไม่เหมาะเป็นบอร์ดอย่างเดียว เหตุครึ่งหนึ่งต้องทำงานบริหาร ยัน ท้วงงานด้านคนอื่นได้ ปัดแบ่งงานทำรองเลขาฯ ข้ามหัวเลขาฯ พรุ่งนี้ถกหาเลขาฯ ใหม่
วันนี้ (14 ธ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงตอบโต้กรณีที่นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต.ให้จับตาการจัดซื้อเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่จะใช้ใน 9.5 หมื่นหน่วยเลือกตั้ง งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทว่า ไม่เป็นความจริง โดยเครื่องลงคะแนน กกต.มีริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2546 พัฒนามาถึงปัจจุบันรวม 4 รุ่น ใช้งบประมาณในการดำเนินการและการอบรมให้ความรู้ราว 57ล้านบาท กกต.ชุดปัจจุบันเมื่อร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์มีการระบุให้นำเครื่องลงคะแนนมาใช้ ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและกระแสโลกที่นานาประเทศมีการใช้เครื่องลงคะแนนแล้ว กกต.จึงมีการพัฒนาและมีความจริงจังที่จะนำเครื่องมาใช้ โดยได้วางแผนการใช้เครื่องไว้ 3 ช่วง คือ ในปี 2559 หากมีการประชามติจะมีการนำเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไปใช้เพียง 5 หน่วยเลือกตั้งใน กทม. โดยไม่มีการตั้งงบประมาณในการใช้จ่าย และหากมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2560 ก็มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนนเพียง 100 หน่วยเลือกตั้ง คิดเป็น 0.1 เปอร์เซ็นต์ของหน่วยเลือกตั้งทั้งประเทศ โดยเตรียมงบประมาณไว้ 10 ล้านบาท สำหรับผลิตเครื่องลงคะแนนรุ่นใหม่ ที่จะต้องเป็นระบบทัชสกรีน เนื่องจากเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไม่สามารถตอบโจทย์กรณีมีผู้สมัครเกิน 30 หมายเลข และการลงคะแนนนเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อได้
แต่ทั้งนี้หากไม่สามารถผลิตเครื่องรุ่นใหม่ได้ทันเพราะต้องใช้วิธีประกวดราคาก็จะใช้เครื่องรุ่นเก่าก่อน ที่มีอยู่ 200 ชุด ส่วนระยะสุดท้ายคือ ปี 2563 มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนนประมาณ 2,000 ชุด เพื่อใช้กับเขตเลือกตั้งชั้นใน กทม.โดยใช้งบผลิตประมาณ 100 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งงบประมาณแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องอนาคต
“เครื่องลงคะแนนมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้าน ผมไม่เข้าใจว่านายภุชงค์เข้าประชุมกับเขาหรือไม่ ถ้าเข้าคงจะรู้เรื่อง แต่นี่ไม่เข้าจึงไม่รู้เรื่อง” นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ ในการแถลงนายสมชัยได้นำเครื่องลงคะแนนแต่ละรุ่นมาแสดงพร้อมอธิบายถึงวิวัฒนาการเครื่องลงคะแนนแต่ละรุ่นจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งระบุว่าตั้งใจแถลงเรื่องนี้เท่านั้น แม้ว่าผู้สื่อข่าวจะพยายามที่จะให้ชี้แจงประเด็นที่นายภุชงค์โจมตี กกต.เรื่องการทัวร์นอก เรื่องการตั้งที่ปรึกษา ล็อกสเปคโรงพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติ โดยระบุว่าจริงๆ เรื่องอื่นตนมีคำตอบทั้งหมด แต่เรื่องโรงพิมพ์และดูงานต่างประเทศเป็นความรับผิดชอบประธาน กกต.ส่วนเรื่องการตั้งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเป็นแนวคิดของนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ขอให้เป็นหน้าที่ของ กกต.แต่ละคนในการชี้แจง แต่ถ้าที่สุดท่านเหล่านั้นไม่มีชี้แจงจึงค่อยมาถามตน ส่วนเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ วันนี้คณะอนุกรรมการประเมินผลได้มีการประชุมและคิดว่าน่าจะมีการชี้แจงต่อสื่อถึงหลักเกณฑ์การประเมินต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ความขัดแย้งระหว่าง กกต.กับนายภุชงค์อาจก่อให้เกิดผลกระทบถึงขั้นเปลี่ยนแปลง กกต.ทั้ง 5 คน นายสมชัยกล่าวว่า ตนไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามต่อว่าการออกมาแถลงข่าวของนายภุชงค์เป็นการให้น้ำหนักแนวคิดของ กรธ.ที่เห็นว่า กกต.ควรทำงานในลักษณะบอร์ดมากขึ้นหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ลักษณะงานของ กกต.ไม่เหมือน คตง.หรือ ป.ป.ช.ที่พิจารณาแค่สำนวนคดีเพียงอย่างเดียว จึงสามารถทำงานเป็นบอร์ดได้ แต่ครึ่งหนึ่งของงาน กกต.เป็นงานบริหาร ที่ต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ไม่ทำงานแบบราชการจนเกินไป ดังนั้นการกำกับแต่ละด้านยังจำเป็นอยู่และการรับผิดชอบเป็นด้านถูกออกแบบมาตั้งแต่ กกต.ชุดแรก การจะมาเปลี่ยนแปลง อาจกลายเป็นเรื่องต้องมาลองผิดลองถูกกันใหม่ ตนอาจจะวิสัยทัศน์ไม่ไกลจึงมองไม่ถึง แต่คิดว่าถ้าปราศจากการกำกับดูแลแต่ละด้านแล้ว ผลอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
“แม้ว่า กกต.จะแบ่งงานแต่ละด้าน แต่ไม่ใช่ด้านข้าใครอย่าแตะ ทุกเรื่องต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต. กกต.ทุกท่านสามารถทักท้วงงานด้านอื่นๆ ได้ โดยไม่มีการเกรงใจกัน หลายครั้งที่ผมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม แล้วมีการทักท้วงจาก กกต.ท่านอื่น ผมก็ยอมถอยกลับเหมือนกัน แต่ทุกเรื่องแทบจะไม่มีการลงมติ น้อยครั้งที่จะมีการลงมติ หนึ่งในนั้นที่ลงมติคือการเลิกจ้างเลขาฯ” นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามต่อว่าการแบ่งงานเป็นด้านทำให้รองเลขาธิการแต่ละด้านขึ้นตรงกับกรรมการ กกต.ทำให้เลขาฯ ถูกมองข้ามหัวหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า เลขาฯ เป็นฝ่ายกำกับทุกอย่าง ถ้าเลขาฯ ไม่เซ็นไม่มีใครทำอะไรได้เลย ฉะนั้นต้องบอกว่ารองเลขาฯ เห็นหัวเลขาฯ อย่างไรก็ตาม การประชุม กกต.วันที่ 15 ธ.ค.จะหารือเรื่องการสรรหาเลขาธิการ กกต.คนใหม่