เมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต. ได้เดินทางมายังสำนักงาน กกต. เพื่อเก็บของส่วนตัว ภายหลังที่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา กกต.มีมติให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากผลการปฏิบัติงานไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
โอกาสนี้นายภุชงค์ เปิดเผยว่า ตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกกต. ภายใน15 วัน แต่หากกกต.ยังยืนยันมติเดิม ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอความเป็นธรรม และยืนยันว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการกลับมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต.อีก โดยจะใช้เวลาหลังจากนี้ ให้ความรู้ด้านประชาธิไตยกับเยาวชน
นายภุชงค์ กล่าวว่าตลอด 18 ปี ที่ทำงานกกต. ตนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการ สรรหาสมาชิกสปช. ครั้งล่าสุด แต่การทำงานกับ กกต.ชุดนี้ ตลอด 2 ปีนั้น มีการล้วงลูกการทำงานภายในสำนักงาน ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจของเลขาธิการ ซึ่งต่างจากกกต.ชุดก่อนหน้า ที่ให้เกียติการทำงานของสำนักงานมาโดยตลอด กลายเป็นว่ากรรมการอยากทำอะไรก็ได้ เพียงแค่มีมติ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ มีการตั้งขึ้นเงินเดือนที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวกกต. แต่ละคน ทำให้แต่ละเดือน กกต.ต้องจ่ายเงินให้กับคนเหล่านั้นถึง 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาทต่อปี ทำให้ขณะนี้งบของ กกต. ร่อยหรอลงมาก
นอกจากนั้นยังเป็นผลให้การดำเนินงานในโครงการต่างๆ มีความล่าช้า เพราะทุกโครงการ ถูกกกต.สั่งรื้อ สั่งให้แก้ไข และบางโครงการก็มีคำสั่งให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการออกไปเอง และบางโครงการก็มีการสั่งระงับ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในการประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตนเข้าไปชี้แจงเลย
"ผมไม่น้อยใจที่โดนทำแบบนี้ ที่โดนปลดกลางอากาศ แต่ขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเฉพาะ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีตประธาน กกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกกต. เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดโครงสร้างขอบเขตอำนาจของกรรมการกกต. กับ สำนักงานกกต. ให้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการล้วงลูกอย่างที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ถูกกระทำเหมือนผมอีก" นายภุชงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายภุชงค์ มีน้ำตาคลอเบ้า ตาแดงก่ำ และในช่วงหนึ่ง นายภุชงค์ พยายามที่จะเข้าไปแนะนำตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ที่จัดขึ้นบริเวณใกล้กัน และหลังจากการให้สัมภาษณ์ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. หลายคนนำดอกไม้มามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้นายภุชงค์ด้วย ก่อนที่นางพรวรินทร์ นุตราวงศ์ ภรรยานายภุชงค์ จะโผเข้ากอดเพื่อให้กำลังใจ และนายภุชงค์ เดินทางไปเก็บของในห้องทำงาน
โอกาสนี้นายภุชงค์ เปิดเผยว่า ตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกกต. ภายใน15 วัน แต่หากกกต.ยังยืนยันมติเดิม ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอความเป็นธรรม และยืนยันว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการกลับมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต.อีก โดยจะใช้เวลาหลังจากนี้ ให้ความรู้ด้านประชาธิไตยกับเยาวชน
นายภุชงค์ กล่าวว่าตลอด 18 ปี ที่ทำงานกกต. ตนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการ สรรหาสมาชิกสปช. ครั้งล่าสุด แต่การทำงานกับ กกต.ชุดนี้ ตลอด 2 ปีนั้น มีการล้วงลูกการทำงานภายในสำนักงาน ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจของเลขาธิการ ซึ่งต่างจากกกต.ชุดก่อนหน้า ที่ให้เกียติการทำงานของสำนักงานมาโดยตลอด กลายเป็นว่ากรรมการอยากทำอะไรก็ได้ เพียงแค่มีมติ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ มีการตั้งขึ้นเงินเดือนที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญประจำตัวกกต. แต่ละคน ทำให้แต่ละเดือน กกต.ต้องจ่ายเงินให้กับคนเหล่านั้นถึง 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาทต่อปี ทำให้ขณะนี้งบของ กกต. ร่อยหรอลงมาก
นอกจากนั้นยังเป็นผลให้การดำเนินงานในโครงการต่างๆ มีความล่าช้า เพราะทุกโครงการ ถูกกกต.สั่งรื้อ สั่งให้แก้ไข และบางโครงการก็มีคำสั่งให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการออกไปเอง และบางโครงการก็มีการสั่งระงับ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในการประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ตนเข้าไปชี้แจงเลย
"ผมไม่น้อยใจที่โดนทำแบบนี้ ที่โดนปลดกลางอากาศ แต่ขอเรียกร้องให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเฉพาะ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีตประธาน กกต. และนายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกกต. เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดโครงสร้างขอบเขตอำนาจของกรรมการกกต. กับ สำนักงานกกต. ให้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการล้วงลูกอย่างที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ถูกกระทำเหมือนผมอีก" นายภุชงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายภุชงค์ มีน้ำตาคลอเบ้า ตาแดงก่ำ และในช่วงหนึ่ง นายภุชงค์ พยายามที่จะเข้าไปแนะนำตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ที่จัดขึ้นบริเวณใกล้กัน และหลังจากการให้สัมภาษณ์ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. หลายคนนำดอกไม้มามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้นายภุชงค์ด้วย ก่อนที่นางพรวรินทร์ นุตราวงศ์ ภรรยานายภุชงค์ จะโผเข้ากอดเพื่อให้กำลังใจ และนายภุชงค์ เดินทางไปเก็บของในห้องทำงาน