มติ กกต.4 ต่อ 1 เลิกจ้างเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผลวันนี้ หลังรับรายงานผลประเมินงานประจำปีไม่ผ่านเกณฑ์ ให้ “บุณยเกียรติ” นั่งรักษาการแทน ยันไม่ได้อคติหรือขัดแย้งใคร ระบุไม่สามารถปฏิบัติงาน 9 เรื่องให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ด้านแหล่งข่าวเผย “ศุภชัย” ดอดแจ้งผลตั้งแต่ทราบแต่เจ้าตัวไม่ลาออกพร้อมจี้ลงมติเลย รับรีบฟันเหตุมีคอลัมนิสต์เขียนอ้างไม่ให้ความเป็นธรรมทั้งๆ ที่จะยื้อเวลาให้อีกเดือน พร้อมชงตั้งกรรมการสอบหลุดความลับ ปมทุจริต ขณะที่ “ภุชงค์” ขอดูก่อนอุทธรณ์หรือไม่
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ให้เลิกจ้างนายภุชงค์ นุตราวงศ์ จากตำแหน่งเลขาธิการ กกต. และมีมติเอกฉันท์ให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 ธ.ค.) ทั้งนี้เนื่องจากที่ประชุมได้มีการพิจารณารายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานของเลขาธิการ กกต.ประจำปี 2558 ตามที่คณะอนุกรรมการเพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ กกต. ได้รายงานผลเมื่อการประชุมวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยผลการประเมินนายภุชงค์ไม่ผ่านการประเมินผลตามหลักเกณฑ์ 4 ด้านที่กำหนด คือ 1. การดำเนิน การตามแผนปฏิบัติงานประจำปี 2. การดำเนินการงานมติ กกต. 3. การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล และ 4. งานที่ต้องทำในฐานะผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ที่มีความท้าทายพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าเป็นมาตรฐานสากล
“การประเมินของอนุกรรมการฯ ไม่ได้เป็นไปโดยอคติ เพราะเป็นหลักเกณฑ์ประเมินเดียวกับที่เคยใช้ประเมินมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 ที่ในขณะนั้นผลการประเมินของนายภุชงค์ ก็ผ่านเกณฑ์ประเมิน แต่ในครั้งนี้บางหลักเกณฑ์มีการอนุกรรมการมีการให้คะแนนค่อนข้างน้อย แม้กกต.จะเพิ่มคะแนนให้แต่ภาพรวมการประเมินทั้งหมดก็ไม่ผ่านเกณฑ์ 60% ทำให้ กกต.ประชุมพิจารณาวันนี้มีมติยกเลิกสัญญาจ้าง มีผลตั้งแต่วันนี้ และให้นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งอาวุโสสูงสุดทำหน้าที่รักษาการแทน” นายธนิศร์กล่าว
นายธนิศร์ยังกล่าวอีกว่า การประเมินยังได้พิจารณาในส่วนงานการพัฒนาองค์กรที่ตอนนายภุชงค์เข้าปฏิบัติหน้าที่ให้คำรับรองไว้ แต่ก็พบว่านายภุชงค์ไม่สามารถปฏิบัติงานให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดตามคำรับรองที่ทำไว้ เช่น การจัดโครงสร้างองค์กร การตั้งศูนย์เทคโนโลยีการสื่อสาร การตั้งศูนย์หาข่าวเพื่อการป้องกันการทุจริตยังไม่มีการดำเนินการ หรือบางโครงการก็เพิ่งดำเนินการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 57 ซึ่ง กกต.เห็นว่าเป็นความล่าช้า และเพื่อให้งานพัฒนาองค์กรได้เดินหน้าต่อจึงได้เลิกจ้าง ซึ่งก็ยืนยันว่าการเลิกจ้างไม่ได้มาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายภุชงค์กับ กกต. หรือเป็นขบวนการเลื่อยขาเลขาธิการ กกต.อย่างที่เป็นข่าว ส่วนการดำเนินการสรรหาเลขาฯ กกต.คนใหม่ หลังจากนี้ กกต.ก็จะมีการประกาศให้มีการสรรหา ซึ่งก็จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด แต่กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ว่าต้องสรรหาให้แล้วเสร็จภายในเมื่อใด
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการทุกด้านในการจัดหน่วยเลือกตั้งเฉพาะให้ลงคะแนน โดยเฉพาะการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ด้วย
มีรายงานว่า สำหรับกรณีการประเมินผลเลขาธิการ กกต.เดิมในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. หลังที่ประชุมได้รับทราบผลการประเมินของอนุกรรมการแล้ว ก็ได้มีมติมอบให้นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ไปพูดคุยกับนายภุชงค์ ถึงผลการประเมินว่านายภุชงค์จะดำเนินการอย่างไรก่อนที่จะนำมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุม กกต.วันนี้ (8 ธ.ค.) แต่นายภุชงค์ยังคงยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานต่อไป และขอให้ กกต.พิจารณาลงมติได้เลย อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าก่อนการประชุมวันนี้ (8 ธ.ค.) นายภุชงค์ได้ยื่นหนังสือลาประชุม โดยระบุว่าเนื่องจากตกบันได แขนหัก และเมื่อเริ่มประชุมที่ประชุมก็ได้มีหยิบยกกรณีมีคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งระบุถึงปัญหาภายใน กกต.ในทำนองว่า กกต.ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนายภุชงค์ และมีขบวนการเลื่อยขาเลขาธิการ กกต. ทำให้ที่ประชุมเห็นว่าควรจะยุติเรื่องดังกล่าวด้วยการลงมติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแนวความคิดที่เลื่อนการพิจารณาดังกล่าวเรื่องดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือน ทำให้ที่ประชุมลงมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 เลิกจ้างนายภุชงค์ โดย 4 เสียงข้างมาก เห็นว่า นายภุชงค์ ไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบาย 9 เรื่องที่ได้ให้ไว้กับกกต.เมื่อครั้งเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ ขณะที่ 1 เสียงคือประธาน กกต. เห็นว่าการปฏิบัติงานของภุชงค์ผ่านเกณฑ์ประเมิน นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ยังให้สำนักงานไปพิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายภุชงค์ กรณีมีการนำความลับของที่ประชุม กกต.ไปเผยแพร่ทางสื่อ รวมถึงกรณีการถูกร้องเรียนปมทุจริตด้วย ส่วนการสรรหาเลขาธิการ กกต.คนใหม่นั้น ตามกฎหมายแล้วก็จะมีการเปิดรับสมัคร ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะมีการผลักดันที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญประจำ กกต.มานั่งในตำแหน่งดังกล่าว
ทั้งนี้ นายภุชงค์เข้ารับดำรงตำแหน่งเลขากกต.เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 55 โดยวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี โดยจะครบวาระวันที่ 12 มี.ค. 60 แต่เมื่อ กกต.มีมติเลิกจ้าง จึงถือว่านายภุชงค์ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.มา 3 ปี
ขณะที่นายภุชงค์กล่าวถึงมติการเลิกจ้างดังกล่าวว่า ยังไม่อยากให้ข้อมูลอะไร ตอนนี้จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการอุทธรณ์มติดังกล่าวหรือไม่ เพราะต้องขออนุญาตดูคำแถลงและคำชี้แจงอย่างเป็นทางการก่อน ทั้งนี้เข้าใจว่าเป็นการทำงานของคณะอนุกรรมการ จากการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาตนและ กกต.ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ส่วนตัวยังคิดว่าตนคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา