“อภิสิทธิ์” แนะฝ่ายการเมืองทำให้ ปชช.มั่นใจมาตรฐาน ความรับผิดชอบต้องสูงกว่า กม.แจง ไม่ใช่ว่าผิดหรือถูก สะกิดไขก๊อกช่วย รบ.สถานการณ์คลี่คลาย ไม่ต้องติดหล่มปมราชภักดิ์ ลามถึงความเชื่อมั่นรัฐ เปิดทางการเมืองเคลื่อนไหว แนะข้อห้ามผู้สมัคร ส.ส.ดูคุณสมบัติอย่าดูตัวบุคคล หนุนห้ามคนโกง ย้อน “ยิ่งลักษณ์” สู้คดีถอดถอนยอมรับกระบวนการมาตลอด
วันนี้ (1 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบปัญหาการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ต้องยอมรับว่าเวลานี้มีฝ่ายการเมืองอยู่บรรดาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องพยายามทำให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานทางการเมือง ฉะนั้นความรับผิดชอบทางการเมืองสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย และหากจะช่วยให้คลี่คลายบรรยากาศทางการเมืองก็ต้องตัดสินใจ เพราะการตัดสินใจไม่ได้แปลว่าผิดหรือถูก การผิดหรือถูกจะต้องถูกชี้โดยผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสอบในเรื่องดังกล่าว และมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอยู่ ฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องทางการเมืองแล้ว แม้จะไม่มีเรื่องเลือกตั้งแต่ก็หนีไม่พ้นว่ามีกระบวนการทางการเมืองอยู่
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่คนที่จะถูกตรวจสอบควรลาออกจากตำแหน่งก่อน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างที่ตนย้ำ อะไรที่จะช่วยทำให้คลี่คลายให้เกิดความมั่นใจในหมู่ประชาชนว่าการสอบ การดำเนินการจะตรงไปตรงมาไม่ติดขัดอะไร อะไรที่ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลจะได้ไปทำงานอย่างอื่นแทนมาติดหล่มกับเรื่องนี้ การที่คนที่วิจารณ์เรื่องนี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สากลเขาทำอย่างนี้ เช่นกรณีรัฐบาลของตนมีรัฐมนตรีอย่างน้อย 2 คนได้ลาออกและเมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่พบความผิด แต่เขาได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลทำงานได้ และให้สังคมมั่นใจในกระบวนการการตรวจสอบ หากเราใช้มาตรฐานเช่นนี้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใครจะลาออกหรือไม่ก็แล้วแต่จะพิจารณา เพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จที่จะไปบอกว่าใครต้องทำอะไร อย่างไร แต่เมื่อ คสช.ได้พูดถึงการปฏิรูปแล้วต้องการสร้างบรรทัดฐานที่ดีทางการเมือง ถ้าทำให้ประชาชนมั่นใจทุกอย่างก็จะดี เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ไม่จบ และจะลุกลามบั่นทอนความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล ตนไม่อยากให้ คสช.ต้องมาติดหล่มตรงนี้ประเทศยังมีงานใหญ่และสำคัญอีกมากมายที่ต้องทำ ก็อยากที่จะให้เดินหน้าอย่างเต็มที่
“หากพูดตามความจริงเรื่องนี้ ท่านที่เกี่ยวข้องยอมรับเสียเองว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ตรงนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้สังคมมองว่าแล้วแปลว่าใครต้องรับผิดชอบ และถ้ามาตรฐานเป็นเพียงแค่บอกว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ แล้วเอาไปคืนเวียนกลับมาในรูปแบบอื่น ผมคิดว่าตรงนี้คือสิ่งที่สังคมติดใจ ฉะนั้นหากมีการสะสางปมตรงนี้ออกไป ก็จะทำให้ทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้น รวมถึงการชี้แจงปัญหาเรื่องเงินด้วย”
เมื่อถามว่าหากมีการลาออกแล้วจะช่วยทำให้ทุกอย่างคลี่คลายขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันก็จะช่วยให้สังคมมีข้อยุติในระดับหนึ่ง แต่การสอบก็จะต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เราต้องมาช่วยกันทำให้บรรยากาศการเมืองเป็นที่ยอมรับและเดินหน้าต่อไปได้ เพราะหากยังยืดเยื้อการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็จะมีมากขึ้น ซึ่งตนเกรงว่าจะหลายเป็นเงื่อนไขของบางฝ่ายที่ต้องการสร้างให้เป็นประเด็นทางการเมืองลุกลามออกไปอีก จะไม่เป็นผลดีต่อส่วนรวมและไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายการเมืองและรัฐบาล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นตัวสะท้อนจุดเริ่มต้นบางจุดเท่านั้นว่า ถ้ามีเงื่อนไขความสงสัย หรือความรู้สึกว่ายังไม่มีความชัดเจนก็จะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้กำหนด 17 ข้อต้องห้ามผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า สิ่งที่คนคาดหวังในการปฏิรูปการเมืองคือการได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ ฉะนั้นเรื่องคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามต้องเป็นหัวใจสำคัญ และการเข้มงวดกวดขันเพื่อมิให้คนไม่ดีเข้าสู่การเมืองถือว่าเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน ส่วนที่มีการมองไปถึงคนที่เคยถูกถอดถอนนั้น ตนเห็นว่าเราไม่ควรมองที่ตัวบุคคล แต่ควรจะดูที่หลักว่าคุณสมบัติที่เหมาะสมคืออะไร ลักษณะต้องห้ามคืออะไร ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเขียนเอาไว้ว่าคนที่เกี่ยวข้องหรือมีการกระทำที่เกี่ยวกับการทุจริตไม่ให้เข้าสู่การเมืองนั้นเป็นหลักการที่ดี
เมื่อถามว่าจะทำให้คนใกล้ชิดกับคนที่ถูกถอดถอนมองว่าที่ผ่านมาถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องถอดถอนเป็นเรื่องที่เคยกำหนดเอาไว้ก่อนแล้วในของเดิมไม่ใช่เรื่องใหม่ ตอนนี้ที่ไม่แน่ใจกันคือกรณีของบุคคลที่อาจจะถูกตัดสิทธิ โดยผลของกฎหมาย ฟังดูจาก กรธ.ก็เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ครอบคลุมตรงนั้น เอาเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมหรือการกระทำโดยตรงที่เป็นลักษณะต้องห้าม
เมื่อถามต่อว่าการที่ กรธ.กำหนดเช่นนี้เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการต่างๆ ทำกันมายาวนาน ในเรื่องการถอดถอนหรือการต้องไปต่อสู้คดีต่างๆ ก็เปิดโอกาสให้มีการต่อสู้มาตลอด ซึ่งก็ดูจะยอมรับกระบวนการนี้มาตลอด