โฆษก กมธ.การเมืองเผยข้อเสนอ กรธ. ลั่นต้องทำให้เลือกตั้งปลอดซื้อเสียง ทำไม่ได้ปฏิรูปการเมืองเหลว เสนอลงโทษรุนแรงรวดเร็ว ไม่มีรอลงอาญา แบนการเมืองตลอดชีพ ข้าราชการโดนด้วย เสนอ ส.ส.400 ไร้บัญชีรายชื่อ ยึดวันแมนวันโหวต นายกฯ คนออกใช้เสียง 3 ใน 5 ยังควรมี ส.ว.ที่มายังเห็นต่าง แต่คงห้ามถอดถอน
วันนี้ (24 พ.ย.) นายวันชัย สอนศิริ โฆษกกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านการเมือง แถลงข้อเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ต้องการให้ผลการพิจารณาสัมฤทธิผลและเกิดได้จริงไม่เหมือน สปช.ทำมา คือ 1. การเลือกตั้งครั้งหน้าต้องทำให้สุจริตเที่ยงธรรมให้ได้ โดยทำรัฐธรรมนูญกฎหมายลูกให้เหมาะสมกับสังคมไทย อย่างน้อยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ต้องปราศจากการซื้อขายเสียง หากทำไม่ได้คือว่าไม่สามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมืองให้สำเร็จได้ หรือเสียของ จึงเสนอว่าการลงโทษต่อการซื้อสิทธิขายเสียงต้องรุนแรง รวดเร็ว ให้คนทำผิดรู้สึกเกรงกลัว เข็ดขยาด โดยไม่ควรมีโทษรอลงอาญาเว้นแต่การระทำที่ไม่รู้เท่า หากจงใจเจตนาต้องลงโทษจำคุกจริงจัง โทษปรับเรียกว่าเสียหายในการเลือกตั้งใหม่ต้องเกิดผลจริง ปรับ ยึดทรัพย์จริงในการเลือกตั้งครั้งนั้นๆ ส่วนโทษทางการเมืองต้องห้ามเข้ามามีกิจกรรมทางการเมืองตลอดชีวิต กกต. ข้าราชการ ทหาร ตำรวจต้องมีส่วนสำคัญในการควบคุมกำกับการเลือกตั้ง หากปล่อยให้มีการทุจริตผู้มีอำนาจในการควบคุมการเลือกตั้งต้องถูกลงโทษด้วย
นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มี ส.ส.จำนวน 400 คน ไม่ควรมีบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ เพราะต้องการให้ ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง ตัดการอิงแอบหรืออีแอบทางการเมือง และระบบเลือกตั้งควรให้เป็นวันแมนวันโหวตใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดไหนใหญ่ให้ซอยเป็นเขต เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งสุจริตได้ระดับหนึ่ง ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีควรจะมาจากความเห็นชอบกึ่งหนึ่งของ ส.ส. และหากจะต้องเป็นคนนอกจะต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของ ส.ส. หรือ 240 คน ส่วนการออกเสียงต้องเปิดเผย อิสระไม่อยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง หากไม่สามารถตั้งนายกฯ ได้ภาย 30 วันให้ยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังมีมติว่าควรให้มี ส.ว.เพื่อถ่วงดุลและตรวจสอบ ติดเบรกทางการเมือง ช่วยยับยั้งสถานการณ์ทางการเมืองและข้อกฎหมายบางกรณีได้ ส่วนจำนวนเท่าใดยังไม่ตกผลึก แต่เห็นว่าควรมีระหว่าง 200-260 คน และไม่ควรมีสิทธิถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนที่มาวิธีการยังมีความเห็นแตกกันหลายฝ่าย ยังต้องพิจารณาต่อไป
