นายกรัฐมนตรีขอชาวบ้านเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ สั่งมาตรการคุมเข้มเต็มที่ รับทุกชาติเสี่ยงทุกสถานการณ์ เสียใจต่อผู้สูญเสีย ระบุต้องเป็นกำลังใจให้กัน เผยกรรมการกำลังประเมินความเสียหายจำนำข้าวอยู่ อย่าไปพูดเท่าไหร่เพราะยังไม่ได้ข้อยุติ และต้องดูมีการทุจริตหรือไม่ ถามทำไมต้องไปตามใจคนที่อยู่ในคดี ยันคำสั่งทางปกครองไม่ใช่เรียกมาพรุ่งนี้จ่าย แต่ยังสู้กันได้ โยนถาม “วิษณุ” ทำไมต้องใช้กฎหมายอันนั้นอันนี้ ชี้จดหมายเปิดผนึก “ยิ่งลักษณ์” ก็เป็นสิทธิ์ ยันไม่ได้ละเมิดใคร งงปล่อยให้ฝรั่งมาด่าปิดกั้นเสรีภาพ
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศฝรั่งเศส และมาตรการในการดูแลความปลอดภัยของประเทศไทยว่า ปรับมนุษย์ปรับคนเพื่อให้ทุกคนช่วยกันดูแลและเฝ้าระวัง มาตรการต่างๆ เรามีทุกมาตรการอยู่แล้วตั้งแต่การป้องปราม การเฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปราม จับกุม การใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีมีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญประชาชนทุกคนต้องเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตา คนไทยมีทั้งหมด 70 ล้านคน ถ้าช่วยกันดูคนละนิดคนละหน่อยก็จะปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งมาตรการทางตำรวจ ทหาร สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเต็มที่แล้ว เหลืออยู่ที่ว่ามันจะเกิดได้หรือไม่ได้ วันนี้ทุกคนก็ต้องรู้ว่าบ้านเมืองทุกประเทศนี้มันมีความเสี่ยงในทุกๆ สถานการณ์ในโลกใบนี้ ทั้งความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ความขัดแย้ง โรคระบาด เศรษฐกิจ ไม่มีใครปลอดภัย 100% ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือกัน ทั้งนี้ก็เสียใจต่อชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เสียชีวิตและผู้สูญเสียทั้งหมด ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว และเราต้องเป็นกำลังใจให้กันและกัน เราคงไม่ใช่ Stronger Together ในไทยอย่างเดียวต้องทั้งโลก
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าตัวเลขความเสียหายคดีจำนำข้าวว่า การอ้างถึงเหตุผลและความจำเป็นของโครงการที่ระบุว่าต้องขาดทุน เพราะเป็นมาตรการของรัฐ ถามว่าการขาดทุนตรงนั้นมันเหมาะสมหรือไม่ ประชาชนได้รับประโยชน์เท่าไหร่ซึ่งมีสัดส่วนและการคำนวณอยู่ โดยคณะกรรมการที่กำลังประเมินอยู่ ตอนนี้อย่าไปพูดว่าเท่าไหร่ ตนไม่อยากพูดเพราะยังไม่ได้ข้อยุติ เดี๋ยวพอออกมาว่าเท่านี้แล้วไม่ตรงก็หาว่าปกปิดซ่อนเร้นอีก ต้องรอให้คณะกรรมการชี้แจงอีกที เพราะอย่างไรก็ต้องเสียอยู่แล้วตามเหตุผลที่เขาว่า แต่ส่วนที่ 2 คือ เสียไปแล้วมีการทุจริตหรือไม่ ทำให้กลไกข้าวและการผลิตเสียหายเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ต้องดูมิติตรงนั้นด้วย ไม่ใช่ขายได้เท่าไหร่ หรือขาดทุนเท่าไหร่ คนละเรื่องกัน
เมื่อถามว่า ทำไมจึงใช้คำสั่งทางปกครอง ไม่ใช้การฟ้องศาลแพ่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มันมีกฎหมาย 2 ช่องทางใช่หรือไม่ เขาให้เลือก โดยคำว่าเลือกปฏิบัติคือต้องทำ ตามที่เขียนว่าใช้ในระยะเวลาเท่าไหร่ ที่ถามแบบนี้เพราะไปฟังอีกข้างหนึ่งมาใช่หรือไม่ ถามมาแบบที่เขาเขียนมา ทำไมไม่ใช้อันนู้นอันนี้ ตอนแรกใช้อีกอันก็ไม่เอา พอมามีอันนี้เขาก็บอกไม่ให้ใช้อีก ทำไมต้องไปตามใจคนที่อยู่ในคดี ต้องให้เขาว่าทางกฎหมายมา และผมได้บอกแล้วว่ามาตรการทางการปกครองนั้นไม่ใช่ผิดแล้วเรียกมาพรุ่งนี้จ่ายเงิน มันใช่ที่ไหน เขาก็ไปฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งตรงนี้ ไปฟ้องมาถ้ามีหลักฐานเพียงพอก็ไปฟ้องมา ศาลปกครองก็ยกเลิกก็จบแล้ว เข้าใจหรือยัง ไม่ใช่ว่าจะใช้มาตรา 44 สั่งว่าผิดแล้วจ่ายเงินพรุ่งนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การใช้มาตรา 44 นั้น เพื่อที่จะระบายข้าวให้ได้ พอระบายไม่ได้ก็บอกว่ารัฐบาลเก็บไว้จนเสีย แล้วจะทำอย่างไร เมื่อระบายไม่ได้ราคาก็ฟ้องอีก ว่าขายข้าวขาดทุน ซึ่งมันเรื่องอะไรที่จะให้เจ้าหน้าที่เขาเดือดร้อนอีก ใครทำให้มีปัญหาก็เข้ากระบวนการมา อย่าเอาคนที่เขาไม่เกี่ยวไปเข้ากระบวนการด้วย ทำอย่างนั้นไม่ได้ ทั้งนี้ต้องไปดูและถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและทีมโฆษกที่จะแถลงวันเดียวกันนี้เอาแล้วกัน ว่าทำไมต้องใช้กฎหมายอันนี้อันนั้น เมื่อใช้ถูกแล้วจะเป็นอย่างไร ต้องถามให้เป็นประเด็นอย่างนี้ อย่าไปถามในเชิงที่ว่าอันนี้ไม่ให้ใช้ ทำไมต้องใช้ ต้องถามว่าใช้เพราะเหตุผลอะไร
เมื่อถามถึงการออกจดหมายเปิดผนึกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอะไร มันเป็นสิทธิ อยากพูดอะไรก็พูดมา ตนให้สิทธิทุกคน ต้องไปพูดว่า ตนไม่ได้ละเมิดสิทธิใครเลย อยากจะพูดจะเขียนอะไรก็ทำมา แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้ต่างชาติมากล่าวหาว่าตนปิดกั้นความคิดเสรีภาพประชาชน ประชาธิปไตย ปล่อยให้เขาว่าตนทุกวัน แล้วจะเอาอะไรกับตน เอาแต่ได้กันหรืออย่างไร แต่ไม่ให้ทำงาน ติไปทุกอย่าง เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีอารมณ์ไม่ดีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ถ้ารออารมณ์ดี ไม่มีหรอก อารมณ์ดีไม่มีแล้ว เพราะมันต้องทำงาน ต้องเร่งงาน”