xs
xsm
sm
md
lg

กกต.เล็งแนะร่าง รธน. กรธ.ขอเพิ่มอำนาจสอบสวน ชี้ทำตามปราบโกงเลือกตั้งได้แน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน (แฟ้มภาพ)
“บุญส่ง” เตรียมเสนอ กรธ. คงร่าง รธน.ที่ให้อำนาจ กกต.ตั้ง จนท.ช่วยเลือกตั้ง โยกย้าย สอบวินัย และขอเพิ่มอำนาจสอบสวน ยึดสำนวน กกต.เป็นหลัก จี้มีมาตรการคุ้มครองพยาน กันกลับคำให้การเพราะกลัวอิทธิพล ยืดระยะกำหนดเวลาการทำผิด กม. แนะห้ามท้องถิ่นลาออกสมัครต่อ ชี้ค่าใช้จ่ายจัดเลือกตั้งใหม่ควรบังคับคดีได้ทันที ลั่นได้ตามที่ขอปราบโกงเลือกตั้งได้แน่

วันนี้ (12 ต.ค.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า เตรียมที่จะเสนอประเด็นที่ได้จากการสัมมนาร่วมระหว่าง กกต.กับศาลยุติธรรมให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) เพื่อนำไปเสนอกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในวันที่ 15 ต.ค. ที่กรรมการทั้ง 5 คนจะเดินทางไปด้วย โดยประเด็นของด้านสืบสวนสอบสวน ประกอบด้วย ขอให้คงอำนาจตามมาตรา 251 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ให้ กกต.มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐมาช่วยสนับสนุนการเลือกตั้ง และโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนทางวินัย เพราะที่ผ่านมา กกต.ไม่เคยเสนอย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้เลย เนื่องจากทางผู้บังคับบัญชาออกมาปกป้อง ขอให้ กกต.มีอำนาจในการออกหมายเรียก ยึดอายัดพยานหลักฐาน หมายค้น หมายจับกุม การพิจารณาคดีของศาลให้ยึดสำนวนของ กกต.เป็นหลัก และให้การพิจารณาคดีแพ่ง หรือคดีเรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และคดีอาญาในการสั่งเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้ง ให้กระทำได้ในคราวเดียวกัน

นอกจากนี้ ขอให้มีมาตรการในการคุ้มครองพยานระดับชาติและระดับท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาพยานมักจะกลับคำให้การในชั้นศาลส่งผลให้หลายคดีถูกยกคำร้อง ส่วนตัวเห็นว่าเกี่ยวข้องกับกรณีการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง (ใบแดง) หลังการประกาศรับรองผลที่ควรให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ร้องต่อศาลแทน กกต. เพราะภาระการพิสูจน์จะเป็นของผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากที่ผ่านมา กกต.เป็นผู้ร้อง กกต.ต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าเป็นผู้กระทำผิดทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยาน หรือกลับคำให้การเพราะเกรงกลัวต่ออิทธิพลของนักการเมือง รวมถึงเสนอให้มีการขยายระยะเวลาการรับรองผลการเลือกตั้ง จากเดิมที่กำหนดให้กกต.ประกาศรับรองผลภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้ง จะขอขยายให้เป็น 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง โดยสามารถลดจำนวนการมี ส.ส.เพื่อเปิดประชุมสภาครั้งแรกให้เหลือร้อยละ 80 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด และให้มีการขยายระยะการกำหนดเวลาการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก่อนครบวาระ ที่เดิมระดับชาติห้ามมีการกระทำเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งก่อน 90 วัน มาเป็น 180 วัน ก่อนครบวาระ และเพิ่มโทษผู้ที่กระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งแต่เดิมมีโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ปี ให้มาเป็น 5 ปี เท่ากับผู้บริหารท้องถิ่นหรือ 10 ปี รวมถึงให้มีการแก้ไขปัญหาผู้บริหารท้องถิ่นลาออกก่อนครบวาระเพื่อให้ได้เปรียบในการลงสมัครการเลือกตั้ง ทำให้รัฐเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งใหม่ จึงควรมีการห้ามไม่ให้ผู้ที่ลาออกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งใหม่ด้วย

“ความจริงค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งใหม่เป็นโทษทางปกครอง เมื่อ กกต.วินิจฉัยแล้วควรจะบังคับคดีได้ทันที เหมือนกับกฎหมายสรรพากร หรือกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค อย่างกฎหมายของสิงคโปร์ก็มีการบัญญัติว่า ผู้ที่ไม่จ่ายหรือชดใช้ค่าเสียหายในการเลือกตั้งไม่ครบถือเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ก็อยากให้ไปไกลขนาดนั้น เพราะการบังคับคดีกับนักการเมืองต้องรวดเร็ว แต่ปัจจุบันบางคดีใช้เวลา 10 ปี และมีการยกฟ้องจำนวนมาก”

นายบุญส่งกล่าวอีกว่า ฝากไปถึง กรธ.ว่ามองหน้าที่ของ กกต.อย่างไรก็ให้ร่างออกมาอย่างนั้น กกต.มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ถ้าได้อำนาจตามนี้ตนก็มั่นใจว่าจะปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้งได้ทั้งหมด


กำลังโหลดความคิดเห็น