xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 14

ตะวันฉายนั่งมองรูปถ่ายของเขากับบูรพา ใช้ความคิดมาได้สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะขยับปิดไฟเตรียมเข้านอน แต่แล้วโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น ตะวันฉายกดรับสาย

ยินเสียงชัชชัยดังลอดออกมาว่า “ฮัลโหล ผู้หมวดตะวันฉายรึเปล่า”
ตะวันฉายฉงน “ใช่ นั่นใคร”
“ขอโทษที่รบกวน ผมโทร.หาคุณที่กองปราบ เขาบอกให้โทร.มาเบอร์นี้คิดว่าเรามีเรื่องต้องเจรจากันนิดหน่อยนะ”
ตะวันฉายถามย้ำ “ผมถามว่านั่นใคร”
ชัชชัยโทร.จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ท่าทางอ่อนล้าเพราะพิษบาดแผล
“ชัชชัย”
ตะวันฉายเงียบงันไป คาดไม่ถึง
“อย่าทำเงียบเหมือนโดนผีอำ อย่างนั้นสิผู้หมวด ผมบอกแล้วว่าต้องการเจรจาก็แค่นั้นเอง คืนนี้ออกมาเจอกันหน่อยดีมั้ย”
“ไม่กลัวผมจับคุณเหรอ”
“ถ้าเป็นคุณผมไม่กลัว กำลังอยากโดนจับอยู่เหมือนกัน จะได้ไปหาหมอซะที”
“ก็ฟังดูมีเหตุผลดี แต่ผมยังไม่เห็นเหตุผลของตัวเองเลยว่าทำไมต้องไปเจรจากับคุณ”
“ง่ายมากผู้หมวด ผมรู้เรื่องน้องชายของคุณ ผมรู้ว่าเค้ากำลังเล่นอยู่กับอะไร”
คราวนี้ตะวันฉายหูผึ่ง สนใจขึ้นมาทันที

เช้าวันถัดมา กฤชกับยุทธกำลังถามชายขี้เมาคนหนึ่งอยู่ที่ใต้ทางด่วน โดยกฤชได้ส่งรูปของชัชชัยให้ดู
“รู้จักคนในรูปนี้มั้ย”
“เคยเห็น”
“ที่ไหน” ยุทธถาม
ชายขี้เมาเงียบ ทำวางท่าเล่นตัว จนกฤชหยิบเงินส่งให้
ชายขี้เมาชี้ไป “อยู่ที่ล็อคโน้น ที่มีเตียงแล้วก็มีรูป อั้ม แปะไว้”
ยุทธเดินขากระเผลกๆ ไปดู ขณะที่กฤชยังคงซักถามต่อ
“แน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิด”
“ใครจะไปลืมไอ้บ้านั่นลง สารรูปอย่างกับโจรเสือกวางก้ามเป็นผู้ดี ไอ้เตียงนั่นมันเป็นคนจ้างผมต่อให้เองแหละ มันไม่ยอมนอนกับพื้น”
ยุทธกุมปืนแน่นเลิกผ้าใบออก พบว่าเตียงนั้นว่าง จึงหันไปบอกกฤช
“มันไม่อยู่”
ชายขี้เมาบอก “ถ้างั้นก็คงไปเดินเล่นแถวตึกร้างตรงโน้น มันชอบไปนั่งเล่นบนนั้น”
กฤชกับยุทธมองหน้ากันก่อนจะมองไปที่ตึกร้าง

ชัชชัยมองจากยอดตึกร้างลงไป แลเห็นป้ายไฟของผับ อาณาจักรแก๊งมังกรแดงอยู่ไกลลิบๆ ตา อาการอักเสบเพราะพิษบาดแผลชักกำเริบมากขึ้น ชัชชัยนั่งมองดูผับที่เคยเป็นของตนอย่างสมเพช
“ผมมันโง่เอง ป๋า ผมไม่น่าไปหลงเชื่อคนอื่น”
ชัชชัยหลับตาลงด้วยความเจ็บระบมจากบาดแผล แต่แล้วก็ลืมตาโพลงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมา ชัชชัยพลิกตัวหลบเข้าหลังเสา มองไปเห็นกฤชเดินถือไฟฉายกระบอกเล็กๆ ขึ้นมา
ชัชชัยรอจังหวะสักครู่จึงตัดสินใจโผวิ่งไปทางหนึ่ง แต่กฤชเหลือบเห็นเข้าก็ยิงกราดตามไปทันที ทว่าชัชชัยก็วิ่งลงบันไดหนีไฟไปเสียก่อน

ชัชชัยวิ่งกุมแผลลงบันได้มา แต่เห็นยุทธกำลังเดินกระเผลกๆ ขึ้นมาหาตนเช่นกัน ส่วนด้านบนกฤชก็วิ่งไล่ล่าลงมา สุดท้ายชัชชัยตัดสินใจผลักประตูวิ่งกลับเข้าไปในตึก
ชัชชัยวิ่งเข้ามา แล้วปีนหน้าต่างออกไปที่ความสูงระดับ 3 ชั้น เมื่อมองลงไปเขาเห็นว่าข้างล่างมีกองทรายหนาพอดู ลังเลอยู่สักครู่ก่อนจะกระโดดลงไป
กฤชกับยุทธโผล่ตามออกมา ทั้งสองระดมยิงใส่ชัชชัยที่กลิ้งไปกับกองทราย ชัชชัยต้องพิงตัวแนบกับกองทรายเอาไว้ไม่กล้าโงหัวขึ้น หรือวิ่งหนีออกจากที่กำบัง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามือของตนที่กุมแผลอยู่ชุ่มไปด้วยเลือด
“ไอ้หอกหัก แตกอีกแล้วเหรอวะเนี่ย”
ขณะที่ชัชชัยกำลังจะจนมุมนั้นเอง ก็มีแสงจากมอเตอร์ไซค์สาดส่องเข้ามา เป็นตะวันฉายขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นเข้ามา แล้วชักปืนยิงใส่พวกกฤชกับยุทธจนสองคนต้องหลบกลับเข้าไป ตะวันฉายจอดรถปราดเข้าไปรับชัชชัย
“ขึ้นมา”
ชัชชัยโดดขึ้นซ้อนท้ายรถตะวันฉายแล่นหายไปในพริบตา ทิ้งให้กฤชกับยุทธมองตามไล่หลังอย่างอาฆาต

สองคนลงรถ เดินหลุดมาที่ใต้ทางด่วนแห่งหนึ่ง
“คราวหลังนัดแล้ว ให้มันตรงเวลาหน่อยนะผู้หมวด”
“ผมสายแค่ 5 นาที”
“สภาพผมตอนนี้ วินาทีเดียวก็ตายได้”
“คุณจะให้ผมส่งคุณไปไหน กองปราบ หรือสน.ท้องที่ หรือโรงพยาบาล”
ชัชชัยยิ้ม “จะรีบไปไหน เจรจากันก่อนสิ ผมมอบตัวแน่ ไม่ต้องห่วงใครจะอยากถูกยิงไส้แตกตายเหมือนหมาข้างถนน”
“คุณมีข้อเสนออะไร”
“ผมอยากให้คุณคุ้มครองชีวิตผม กันผมไว้เป็นพยานในคดีค้ายาเสพติด”
ตะวันฉายยังคลางแคลงใจ
“คุณระแวงอะไร”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะช่วยคุณ ทำไมเชื่อใจผม”
“เพราะคุณมันไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดน่ะสิถ้าคุณเป็นพวกเดียวกับน้องชายคุณ ก็คงไม่ฟัดไล่จับเค้าถึงขนาดนี้ แล้วที่สำคัญคุณก็ไม่ใช่พวกศัตรูของผมด้วย เพราะถ้าใช่คุณก็ไม่มีวันต๊อกต๋อยอยู่อย่างนี้แน่และพ่อของคุณคงไม่โดนพวกมันทำร้าย”
“คุณรู้งั้นเหรอว่าพวกมันเป็นใคร”
“ยิ่งกว่ารู้” ชัชชัยยิ้ม
“แล้วถ้าผมโอเคกับคุณ ผมจะช่วยอะไรคุณได้ตอนนี้ผมเป็นแค่ตำรวจท้องที่เท่านั้น”
ชัชชัยเย้ยหยัน “แถมยังตงฉินไม่มีเส้นสายอีกต่างหากไม่เป็นไร ลองพึ่งเส้นคนร้ายสักครั้งนึงสิ ผมมีทางดึงคุณกลับมาทำกองปราบ”
ตะวันฉายยังคงสงสัยว่าชัชชัยจะทำได้ยังไง ขณะที่ชัชชัยยิ้มกริ่ม

สายวันนี้ สารวัตรเมธาเดินถือแฟ้มเข้าไปในห้องประชุมบนกองปราบ อย่างรีบเร่ง โดยภายในห้องประชุมมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อาวุโสสูงสามนายนั่งรออยู่ แต่ละคนท่าทางเคร่งเครียดพอกัน
“เมื่อคืนนี้เหรอ” นายตำรวจอาวุโสสูงสุดถามขึ้น
“ครับเมื่อคืนนี้ ผู้หมวดตะวันฉายเป็นคนได้ตัวมันมา”
“ผู้หมวดตะวันฉายไม่ได้ประจำอยู่ที่กองปราบแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเค้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
“ทางชัชชัยเป็นคนขอมอบตัวกับเค้าครับ หมอนั่นอ้างว่าผู้หมวดตะวันฉายเชื่อถือได้”
นายตำรวจอาวุโสประชด “แปลว่าคนร้ายไว้ใจนายตำรวจที่พวกเราด้วยกันไม่ไว้ใจงั้นเหรอ”
“ยิ่งกว่านั้นอีกครับท่าน ชัชชัยปฏิเสธที่จะให้การใดๆ ถ้าหากผู้หมวดตะวันฉายไม่ได้เป็นคนทำคดีนี้ด้วยตัวเอง”
“ไม่มีทาง เราย้ายเขาออกไปแล้ว แล้วจะดึงกลับมาอีกได้ยังไงอีกอย่าง ถ้าเราตกลงก็เท่ากับเรายอมรับการต่อรองของคนร้าย”
“แต่ทางเบื้องบนกำลังเร่งให้เราปิดคดีนี้ไม่ใช่หรือครับท่าน และชัชชัยก็เป็นกุญแจดอกเดียวที่ลัดทางให้เราปิดคดีนี้ได้โดย เร็วที่สุด”
บรรดานายตำรวจอาวุโสหนักใจไปไม่น้อย
เมธาอ้อนวอน “ท่านครับ”
“สารวัตร คุณคิดบ้างมั้ยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นใครจะรับผิดชอบ”
สารวัตรเมธาคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า
“ผมเองครับท่าน”
บรรดานายตำรวจอาวุโสมองเมธาเป็นตาเดียว และมองเห็นความมุ่งมั่นเชื่อถือในตัวลูกน้องของสารวัตร ก็เริ่มอ่อนใจ

รุ่งเช้า ตะวันฉายกำลังแต่งตัวในชุดตำรวจเตรียมกลับไปทำงานกองปราบ จ่าเวชเข็นรถเข้ามาหาลูก
ตะวันฉายก้มลงกราบตักพ่อ จ่าเวชถอดสร้อยพระขอองงตัวเองมอบให้กับตะวันฉาย
“อย่าลืมที่รับปากกับพ่อไว้นะ ฉายแกต้องทำได้ พ่อเชื่อแก จำไว้นะฉายเราเลือกทางที่ถูกต้องความถูกต้องจะคุ้มครองเรา” จ่าบอกกับรูปผกาเมียรัก “ช่วยลูกเราด้วยนะแม่”
ตะวันฉายพยักหน้าให้กับพ่อ

เช้านั้น ยักษ์ เสือ และบุญส่งเดินคุยกันมาตามทางเดินในสำนักงานกองปราบ
“ไอ้เสือ เอ็งได้ยินข่าวลือรึเปล่า เค้าบอกว่าผู้หมวดตะวันฉายกำลังจะย้ายกลับมาอยู่กองปราบกับพวกเรา”
เสือไม่เชื่อ “โม้น่าจ่า อะไรมันจะง่ายปานนั้น อยู่ๆ ย้ายไปอยู่ๆ ย้ายกลับ ข่าวลือแหงๆ”
“แหม แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ดีนะ ทีนี้คนอื่นจะได้เลิกมองว่าเราหลักลอยซะที”
“หือ พวกเอ็งนี่มันหลักลอยจริงๆ อย่างเขาว่าแหละวะ นี่มากองปราบทุกวันไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเล๊ย” จ่าหยุดเดิน “ไอ้ที่ผู้หมวดจะย้ายกลับมาน่ะมันข่าวดีแต่ที่เค้าลือกันน่ะ เค้าบอกว่าผู้หมวดแกมีข้อตกลงกับไอ้ชัชชัย เลยต่อรองจนกลับมานั่งเก้าอี้ได้สำเร็จ”
“อีกแล้วเหรอ ไอ้ปากหมาที่ไหนมันปล่อยข่าวอีกวะ” ยักษ์ฮึดฮัดบ่นต่อ “หมวดแกอาภัพ ทำดีไม่ได้ดี”
ยักษ์กับจ่าบุญส่งบ่นบ้ากันไป ในขณะที่เสือเริ่มหวาดระแวงคิดในแง่ร้าย

เสือ จ่าบุญส่ง และยักษ์นั่งพักกันอยู่ในออฟฟิศ ขณะสารวัตรเมธาเดินเข้ามา
“พวกคุณมานั่งคุยอะไรกันตรงนี้ทำไมไม่ไปทำงาน”
“สารวัตรครับพวกผมพึ่งได้มานั่งพักกันเมื่อกี้เองนะครับ” จ่าว่า
“งั้นผมมีคนมาช่วยงานพวกคุณ”
ตะวันฉายเดินออกมาแสดงตัว
“ผม ร.ต.ต. ตะวันฉาย พงศ์พิทักษ์ มารายงานตัวครับ”
ยักษ์กับจ่าบุญส่งนั้นดีใจชัดแจ้ง แต่เสือเต็มไปด้วยความสงสัย

ข่าวเรื่องชัชชัยมอบตัวกับหมวดตะวันฉาย รู้กันไปทั่วในหมู่ตำรวจกับนักเลง เวลานั้นบูรพาและเคี้ยงคุยกันอยู่ในห้องรับแขกบ้านเสี่ยเจริญ สักครู่จ๊อดเดินเข้ามาในนั้น ก้มลงกระซิบรายงานบูรพา

เห็นบูรพานิ่งงันไปเลย เคี้ยงจึงหันไปถามบ้าง จ๊อดกระซิบบอก เคี้ยงอึ้งไปเช่นกัน
 
อ่านต่อหน้า 2




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 14 (ต่อ)

ค่ำคืนนี้ ที่หมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ แห่งหนึ่ง แลเห็นรถของดาบเสือและรถจ่าบุญส่ง แล่นเข้ามาจอดไล่ๆ กันหน้าบ้านหลังหนึ่ง ยักษ์ กับ เสือ ลงมาดูลาดเลาเคลียร์พื้นที่ จนเห็นว่าปลอดคนแน่ จึงเปิดประตูรถให้ตะวันฉายกับบุญส่งคุมตัวชัชชัยเข้าไปในบ้านเซฟเฮ้าส์หลังนั้น
ชัชชัยกระหยิ่มยิ้มย่อง รู้สึกสะใจสมใจ ที่กลายเป็นผู้คุมเกม ถือไพ่เหนือกว่าทั้งพวกนักเลง และ ตำรวจอีกครั้ง

เมื่อทุกคนเข้ามาในห้องโถงซึ่งรอบด้านปิดม่านทึบ เจ้าหน้าที่ 1 ประจำเซฟเฮาส์ มอบกุญแจบ้านให้ตะวันฉาย และแนะนำแต่ละห้องอย่างคร่าวๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ 2 และคนอื่นๆ ร่วมรับฟัง
“โน้ตบุคผมติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ ใช้บริเวณนี้เป็นที่สอบปากคำได้เลย ส่วนกล้องบันทึกภาพเป็นรุ่นเดียวกับที่ทางคุณใช้อยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร” เจ้าหน้าที่ 1 บอก
เจ้าหน้าที่ 2 เอ่ยเสริมว่า “บ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นผนังเก็บเสียงนะครับหมวด แต่ถ้าเปิดแอร์แล้วปิดกระจก ก็พอกันเสียงเล็ดลอดไปได้เหมือนกัน ห้องพักของพยานจะอยู่ชั้นบน ส่วนคนของผู้หมวดก็ใช้บริเวณห้องรับแขกนี่เป็นที่พักผ่อนก็แล้วกันนะครับ”
“มีอะไรสงสัยรึเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่ 1 ถามตะวันฉาย
“ทำไมต้องถ่ายวิดีโอด้วย” ชัชชัยถามขึ้น
เจ้าหน้าที่ 2 ตอบว่า “ป้องกันพยานกลับคำให้การครับ”
“แล้วก็ใช้เป็นหลักฐานกรณีพยานตายก่อนขึ้นศาล” เสือบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้
เสือกับชัชชัยจ้องตากัน ต่างคนต่างเห็นความระห่ำในแววตาของกันและกัน
เสือยิ้มกวน “จริงๆ นะ ไม่ได้พูดเล่น”
ชัชชัยยื่นมือให้เสือไขกุญแจออก ตะวันฉายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เสือ
“หวังว่างานของเราคงจะราบรื่นนะคุณชัชชัย”
“แน่นอนผู้หมวด ตามที่ตกลงไว้ คุณได้มีผลงานแน่ แต่ก่อนอื่นคุณต้องหาของมาให้ผมตามลิสต์ที่ผมต้องการ”
ชัชชัยควักกระดาษจากกระเป๋าเอาให้ตะวันฉายดู ผู้หมวดส่งต่อให้ยักษ์
“จัดการให้หน่อยนะยักษ์”
ยักษ์เห็นแล้วงุดหงิด เพราะในใบลิสต์รายการล้วนมีแต่ของหรูหราที่ชัชชัยอยากได้ แล้วตัวเองต้องไปซื้อให้
เสือฟังคำพูดและประเมินท่าทีของชัชชัยแล้วนึกคาใจสงสัยตงิดๆ แต่ยังไม่คิดอะไรมาก

ด้านบูรพาปลีกตัวออกมาจากโซฟาที่เคี้ยงและจ๊อดนั่งอยู่
“มันได้ตัวชัชชัยไปได้ยังไง” เคี้ยงถาม
“เห็นเค้าว่าคุณชัชชัยเข้าไปขอมอบตัวกับมันเองครับเฮีย”
“คงต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันแน่”
บูรพาหันมาทางสองคน “ถ้าชัชชัยพูดเรื่องภายในของพวกเรา คงได้วอดวายกันใหญ่แน่”
เคี้ยงไอสองสามโขลก ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้
“ไม่ได้การ เอ็งสองคนต้องรีบเตือนหุ้นส่วนของเรา บอกให้หายหน้าไปสักพัก ยิ่งไปต่างจังหวัดกันได้ยิ่งดี”
“ทำไมเหรอครับเฮีย” จ๊อดงง
“พวกเอ็งไม่รู้เหรอว่าตำรวจเค้าขยายผลกันยังไง”
บูรพากับจ๊อดส่ายหัวไม่รู้

จริงดังที่เคี้ยงประเมินสถานการณ์ ด้วยที่เซฟเฮ้าส์ในเวลาเดียวกันนี้ ชัชชัยได้เริ่มให้ปากคำบอกข้อมูลกับทีมของตะวันฉาย โดยมีตะวันฉายเป็นคนซักด้วยตัวเอง บุญส่งเป็นคนบันทึกเสียง ยักษ์คุมกล้องบันทึกภาพ ส่วนเสือยืนกอดอกมองชัชชัยอย่างไม่ชอบขี้หน้า
บุญส่งกาปากกาแดงวงไปที่รูปของเจ้าพ่อ หุ้นส่วน 1
แหละไม่นานถัดจากนั้นเอง หุ้นส่วน 1 ของบูรพากำลังเดินมาตามทางเดินในอาคารหรูแห่งหนึ่งออกมาตรงประตู พลางคุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย มีการ์ดติดตาม 3 คน
“พูดเป็นเล่นไปน่า อะไรมันจะปุบปับปานนั้น ทางนี้ผมมีกิจการต้องดูแลเยอะแยะจะให้หนี
ไปต่างจังหวัดได้ยังไง โอ๊ย คิดมากน่า ตำหร่งตำรวจที่ไหน ปอดแหกไปได้” หุ้นส่วน 1 หัวเราะร่วนไม่ใส่ใจ
การ์ดติดตามเปิดประตูให้ หุ้นส่วน 1 มีอันต้องหัวเราะค้าง เมื่อมองไปข้างนอก เห็นตะวันฉายและทีม กำลังยืนอยู่กับกองกำลังตำรวจ ตะวันฉายชูบัตรตำรวจแสดงตัว
“รบกวนช่วยไปให้ปากคำที่กองปราบด้วยครับ”

ที่เซฟเฮ้าส์วันถัดมา ชัชชัยกินอาหารไปให้ข้อมูลจ่าบุญส่งไป ขณะที่ตะวันฉายวักน้ำล้างหน้า และนวดเฟ้นหัวคิ้วท่าทางเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ส่วนเสือนั่งหลับอยู่ แต่ถูกชัชชัยแกล้งเอายางลบเขวี้ยงหัว เสือสะดุ้งตื่น มองหาชัชชัยก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ยักษ์กากบาทวันที่ในปฏิทิน ตามวันเวลาที่ผ่านไป และผ่านไป
อีกวันหนึ่ง ที่ร้านตัดผม เจ้าพ่ออีกคน หุ้นส่วน 2 กำลัง ตัดผมอยู่ที่นั่น เสือนั่งเต๊ะอยู่หน้าร้าน สักครู่จึงส่งสัญญาณให้บุญส่งนำกำลังบุกเข้าจับกุม เห็นความตื่นตระหนกของผู้คนในร้านนั้นย่อมๆ
ที่เซฟเฮาส์ ชัชชัยนอนหลับอยู่ในห้องนอนอย่างสุขสบาย เสือกับจ่าส่งและยักษ์นอนหลับหมดแรงกันในห้องรับแขกที่ใช้สอบปากคำ ผู้หมวดตะวันฉายยืนอยู่หน้าบ้าน เฝ้ามองดวงตะวันที่ใกล้ลับขอบฟ้าลงไปทุกทีๆ
ตะวันฉายและลูกทีม เข้าทำการจับกุมหุ้นส่วนคนอื่นๆ อีก โดยที่หน้าลิฟต์ของอาคารแห่งหนึ่ง หุ้นส่วน 3 หอบกระเป๋าเอกสารลนลานหนี แต่ดันเจอเสือนำกำลังตำรวจเข้าตะครุบตัว หุ้นส่วน 3ขัดขืน ดิ้นรนสุดฤทธิ์ สุดท้ายโดนจับกดกับพื้น
เช่นเดียวกับที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หุ้นส่วน 4 กำลังด่าลูกน้องอยู่ในร้านนั้น เสือและบุญส่ง นำกำลังบุกจับ หุ้นส่วน 4 จะยิงปืนสู้แต่โดนเสือตะครุบไว้ได้ทัน

วันนี้ตะวันฉาย ยักษ์ เสือ และบุญส่ง กำลังเปิดวิดีโอบันทึกภาพการสอบปากคำของหุ้นส่วนเสี่ยเจริญให้ชัชชัยดูเพื่อขยายผล และหาหลักฐานเพิ่มเติม
อาการชัชชัยดีขึ้นเรื่อยๆ หลังได้รับการรักษาอย่างดี เขานั่งเอ้เต้วางมาดสบายๆ อยู่ที่เก้าอี้ เริ่มออกอาการเบื่อหน่ายให้เห็น ในมือควงหนังยางเล่นแก้เซ็ง
หน้าจอทีวีเป็นภาพหุ้นส่วน 1
ชัชชัยอธิบาย “คนนี้ชื่อเฮียโก๊ะ แต่ป๋าเรียกไอ้โก๊ะหลังยาว ไม่ค่อยชอบลงทุนเท่าไหร่ แต่เวลาแบ่งผลกำไรมันต้องโวยขอเยอะๆ ทุกที”
ตะวันฉายบอก “เค้าอ้างว่าไม่รู้จักเสี่ยเจริญ”
ชัชชัยโวย “ไม่รู้กับผีน่ะสิ ไปไดรฟ์กอล์ฟกับป๋าทุกเดือน ลองไปค้นดูที่บ้านมัน มันเคยถ่ายรูปกับป๋าด้วย”
ตะวันฉายพยักหน้าให้ยักษ์ อีกฝ่ายกดฟอร์เวิร์ดวิดีโอไปที่ภาพหุ้นส่วนอีกคน
ระหว่างนั้นชัชชัยก็เอนตัวตามสบายยกตีนพาดโต๊ะ ปรากฏว่าตีนดันชี้มาที่หน้าเสือพอดิบพอดี เสือเห็นแล้วนึกฉุนขึ้นมา แต่ยังปิดปากเงียบอยู่ ไม่อยากให้เสียงาน
“แล้วคนนี้” หมวดชี้ไปที่จอ
ชัชชัยเซ็งหนักปากคอยตอบคำถาม แต่มือหยิบกระดาษบนโต๊ะมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ พันกับหนังยาง
“ไอ้มาโนช ไอ้นี่น่าสน มันเคยติดคุกไล่ๆ กันกับลุงเคี้ยง ได้ยินว่าลุงเคี้ยงเป็นคนแนะนำมันให้มาร่วมทุนกับป๋า แต่ก่อนมันเคยโดนคดีค้ายาบ้าอยู่ที่แม่ฮ่องสอน”
จ่าบุญส่งดูประวัติจากฐานข้อมูล แล้วพยักหน้าให้ตะวันฉาย เป็นเชิงบอกว่ามีคดีนี้จริง
“ไอ้เวรนี่ปากไม่มีหูรูด ลองขู่หนักๆ หน่อย รับรองมีอะไรเดี๋ยวมันก็คายออกมาหมด” ชัชชัยเสริม
ยักษ์ขยับจะฟอร์เวิร์ดวิดีโออีก ชัชชัยถือโอกาสนั้นดีดเศษกระดาษในมือยิงใส่ยักษ์เข้าเต็มๆ
หน้า ยักษ์ทั้งตกใจทั้งโกรธ แต่ชัชชัยยังตีหน้าล้อ

“วันนี้พอแล้ว”
ตะวันฉายไม่พอใจนัก “เพิ่งครึ่งชั่วโมงเอง”
“เบื่อจะตายชัก ถามอะไรซ้ำซากอยู่ได้ ไอ้พวกนี้ผมก็เคยให้ประวัติมันไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เราต้องทำตามระเบียบนะครับคุณชัชชัย ต้องถามซ้ำอีกรอบเผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม” บุญส่งว่า
“น้าก็ไปถามมันเองสิ มาถามอะไรผมอีกล่ะ ผมหิวข้าวแล้ว สั่งอะไรแพงๆ มาให้กินหน่อยสิ” ชัชชัยเบ่งใส่ ชี้หน้าด่ายักษ์ “แต่ห้ามไอ้ถึกควายทุยนั่นสั่งนะ เลือกมาแต่ละร้าน รสชาติหมาไม่รับ”
ยักษ์คุมแค้นระงับโทสะสุดฤทธิ์ ทุกคนเอือมความเยอะของชัชชัยทั้งแถบ
“นี่พยานปากเอกนะหมวด ไม่อัดฉีดกันบ้างเลยเหรอไง ไหนรับปากว่าจะดูแลกันไงล่ะ”
“ตกลงจะเอาไงแน่วะ ไอ้คุณชัช ป่วนเหรอ” เสือจ้องหน้า
ชัชชัยแหวใส่ “ไม่ได้พูดกับมึง อย่าเสือก”
ยักษ์กับบุญส่งอึ้ง เหล่มองเสืออย่างสยองขวัญ เสือนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายหมดความอดทน ปีนขึ้นไปบนโต๊ะจะข้ามไปถีบปากชัชชัย
“ขอยัดปากซะทีละกันวะ”
ชัชชัยกระโจนหลบ ตะวันฉายรีบคว้าตัวเสือเอาไว้
“เสือ”
“หมวดไม่ใช่หนแรกนะที่มันทำอย่างนี้ กวนประสาทมากี่หนแล้ว วันก่อนก็ปาแฟ้มใส่หน้าจ่าส่ง เมื่อเช้าไอ้ยักษ์เอาข้าวมาให้อยู่ดีๆ ก็ด่าแม่ไอ้ยักษ์เล่น หมวดถามดูก็ได้ พวกเราอดหลับอดนอนกันมากี่คืนแล้ว ทำไมต้องมาทนไอ้บ้านี่ด้วย”
ชัชชัยทำหูทวนลม หันไปฟ้องตะวันฉายอย่างเป็นต่อ
“หมวด ดูลูกน้องหมวดนะ ทำตัวไพร่แบบนี้นี่เองถึงได้ติดยศอยู่แค่หมู่”
เสือแค้นคำรามลั่น “ไอ้ชัชชัย มึง…”
ชัชชัยฉากหลบวิ่งขึ้นไปบนบันไดกะจะหนีขึ้นห้องนอน ตะวันฉายปราดออกมาขวางหน้าเสือไว้ เสือตะลึงมองตะวันฉาย ส่วนชัชชัยทำหน้ายั่วล้อ ท้าทายเสืออยู่หลังตะวันฉาย
“เสือจะไปไหน”
“จะขึ้นไปเล่นแม่งให้มันคายออกมาให้หมด”
“เสือ ออกไปข้างนอก” เห็นเสือยังดื้อดึง ตะวันฉายสั่งเสียงเข้มและดังขึ้น “ผมสั่งให้ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ผมไม่ใจเย็นแล้วนะหมวด”
ตะวันฉายเสียงแข็ง “ถ้าคุณไม่ออกผมจะปลดคุณออกจากทีมเดี๋ยวนี้”
จ่าบุญส่งเห็นบรรยากาศมาคุสุดขีด รีบเดินเข้ามาลากตัวเสือออกไป
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
เสือมองตะวันฉายอย่างขัดใจ

เสือเดินหุนหันออกมาเป็นคนแรก ตามด้วยยักษ์กับบุญส่ง
“ใจเย็นสิวะเสือ” ยักษ์ปลอบ
“งานต้องมาก่อนนะเว้ย” จ่าเตือนสติ
“มันเกินไปน่ะจ่า ปล่อยให้ไอ้บ้านั่นจิกหัวด่าอย่างกับหมูกับหมา อยากรู้จริงๆ ผู้หมวดตกลงอะไรกับมัน ทำไมถึงต้องโอ๋มันนัก”
บุญส่งสะดุดหู “ทำไม มึงสงสัยไรหมวด”
ยักษ์เสริมขึ้นว่า “แต่งานนี้ผมเห็นด้วยกับเสือ น่าถีบมัน”
“ใจเย็นๆ ทั้งคู่เลย หมวดเค้าคงมีเหตุผลแหละ”
ทุกคนมองเข้าไปในเซฟเฮาส์อย่างคลางแคลง

ส่วนชัชชัยเปิดประตูเข้าห้องนอนไป ตะวันฉายปรี่เข้ามากระชากคอกะจะง้างกำปั้นต่อยสักหมัด ชัชชัยรู้แกว รีบพูดเบรกก่อน
“มีอะไรเหรอหมวด”
ตะวันฉายคลายกำปั้น ชี้หน้าคาดโทษแทน “ทีหลังอย่ากวนตีนลูกน้องผมอีก”
“ใจเย็นน่าหมวดมีไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา กันก็ได้”
“อะไร”
“เราตกลงกันว่าหมวดจะต้องกันผมออกจากทุกคดี ไม่ใช่เหรอ ไหนล่ะเอกสารรับรอง”
“ผู้ใหญ่กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่”
“หมวด หมวดคงไม่เล่นตุกติกกับผมหรอกใช่มั้ย ตามใจผมหน่อยน่า ถ้าหมวดช่วยผม ไม่แน่ผมก็อาจจะช่วยพูดเรื่องร้ายของน้องหมวดให้กลายเป็นดีขึ้นมาบ้างก็ได้นะ”
ตะวันฉายอึ้ง นิ่งงันไปโดนชัชชัยจับไต๋ได้ และขู่อยู่ในที
“อะไรกันอีกล่ะหมวด ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอเราตกลงกันแล้วนี่ คุณอยากได้ข้อมูลผมก็ให้ไปแล้วไง”
“แต่คุณยังไม่เอ่ยถึงคนกลางอีกคน คนที่คุณว่าเค้าอยู่เบื้องหลังเสี่ยเจริญ และแก๊งค้ายาอีกหลายๆ แก๊ง”

ชัชชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไอ้คนที่จ้องจะเล่นงานน้องชายคุณอยู่น่ะเหรอ”

อ่านต่อหน้า 3




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 14 (ต่อ)

ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่ ขบวนหาเสียงของท่านรองบารมี เคลื่อนตัวเข้ามาในเขตชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง มีหัวคะแนนกำลังถือโทรโข่งป่าวประกาศเรียกคะแนนเสียงจากชาวบ้าน ในขณะที่บารมี เดินนำลูกทีมเข้ามาไปหาทักทายชาวบ้านอย่างนอบน้อม แหละมีหน้าม้าที่หัวคะแนนเตรียมไว้ เอาพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาคล้องให้
“อย่าลืมนะครับ เบอร์ 44 ท่านรองบารมี พรรคเทอดธรรมเจ้าของผลงานกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลและแก๊งค้ายาเสพติด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลในสมัยที่แล้ว วันนี้ท่านรองบารมีและคณะ ได้ออกมาพบปะกับพ่อแม่พี่น้อง ด้วยตนเอง เพื่อรับฟังปัญหาในชุมชนของท่าน หากท่านต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุขปราศจากการค้ายาและการทุจริตคอรัปชั่น หากท่านต้องการเห็นวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าของลูกหลาน กาเบอร์ 44 เลือกท่านรองบารมี เข้าไปเป็นตัวแทนของท่านในสภา”
หัวคะแนนป่าวประกาศเยินยอต่อเนื่องสมกับผีเจาะปากมาให้พูด
บารมีแวะทักทายกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ครั้นพอเห็นนักข่าวตามถ่ายภาพก็หยุดแวะทักคุณป้าแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ยืนอุ้มหลานอยู่ สร้างภาพเป็นกรณีพิเศษ
“เป็นไงจ๊ะป้า ท่าทางยังแข็งแรงอยู่เลย ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”
“63 แล้วค่ะ”
“โอ้ เหรอ แหมยังดูกระฉับกระเฉงอยู่เลยนะ” บารมีอำแซว “เออ แล้วนี่ลูกชาย หรือว่าน้องชายจ๊ะ”
ป้าหัวเราะเขินคิกคัก “หลานค่ะท่าน”
“อ้าวไม่รู้ เห็นยังสาวๆ นึกว่าน้อง” บารมีโน้มหน้าไปเล่นกับเด็ก “โอ้แหมจ้ำม่ำดีจังไอ้หนู ขออุ้มหน่อยนะ ผมมันคนชอบเด็กซะด้วย”
บารมีรับเด็กมาอุ้มและหันไปทางกล้อง โชว์เต็มที่
“ชื่ออะไรจ๊ะ”
“บอมครับ”
“ไหนน้องบอมถ่ายรูปคู่กับลุงหน่อยนะ มองกล้องสิลูก”
นักข่าวถ่ายรูปท่านรองบารมีกับเด็ก แต่แล้วสายตาท่านรองก็เหลือบเห็นบางอย่างที่ด้านนอก
รถของทัศน์แล่นเข้ามาจอดห่างๆ กระจกหน้าต่างค่อยๆ เลื่อนลง เผยให้เห็นทัศน์ที่ค้อมหัวให้บารมีด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
ถัดมา บารมีขึ้นมาคุยกับทัศน์บนรถตู้ส่วนตัว
“ตำรวจกำลังกวาดจับพรรคพวกหุ้นส่วนของเสี่ยเจริญ งานนี้คงได้พยานเพิ่มอีกหลายปาก”
“คงเป็นคราวหายนะของพวกมัน น่าสมเพชไอ้เสี่ยเจริญ สั่งสมอำนาจมาตั้งเกือบกี่สิบปี ต้องมาจบลงเพราะคนของตัวเอง”
“ตกลงท่านจะรอดูเฉยๆ หรือครับ”
“โบราณเค้าว่า ไม้ล้มอย่าข้าม แต่คนล้ม” บารมียิ้มชั่ว พูดประโยคต่อมาอย่างสะใจ “มันต้องซ้ำ”
ทัศน์ยิ้มชั่วพอกัน ที่เดาใจนายไว้ได้ถูกเผง
โดยที่ริมถนนเวลานี้ เห็นหัวคะแนนกำลังพูดเชียร์บารมี มีลูกน้องจัดหาพากัน ชูป้าย “บารมี คนดีของสังคมไทย”

14.3

มองจากชั้นบนของภัตตาคารลงมา จะเห็นรถที่กฤชขับมาพร้อมกับยุทธแล่นเข้ามาจอด ทั้งสองคนมองเข้าไปในร้าน
โดยภายในร้าน เฮียใช้ และเฮียคนอื่นๆ ของแก๊งมังกรแดง พร้อมทนาย และคนสนิท กำลังทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารเมนูพิเศษ หลังจากโดนกักตัวอยู่ร่วม 24 ชั่วโมง
จบจากอาหารเลิศรส ทุกคนฉลองต่อด้วยไวน์ราคาแพง ผ่านไปสักระยะ ดูท่าแต่ละคนกำลังเมาได้ที่
“เอาวะพวกเรา ฉลองให้เต็มที่ ฉลองให้กับอิสรภาพที่โดนกดขี่มา 24 ชั่วโมงเต็มของข้า”
“ตอนแรกผมนึกว่าเฮียจะแย่แล้วซะอีก” คนสนิทว่า
“ฮึ่ย แย่เย่ออะไร โธ่เอ๊ยไอ้พวกหมาต๋ามันจะแน่ซักแค่ไหน สุดท้ายเจอทนายมันก็ต้องปล่อยข้าออกมาจนได้ละว้า” เฮียใช้พยักพเยิดกับทนาย “ใช่มั้ยคุณทนาย”
ทนายเมาหนักจะอ้วก “ครับเฮีย”
เฮียใช้หัวเราะชอบอกชอบใจ ตบบ่าตบไหล่ทนายอย่างสนิทสนม เฮียใช้ดื่มเหล้าอีกคำสองคำก็หันไปสั่งลูกสมุน
“เฮ้ย ขาดอะไรสั่งให้เต็มที่นะ เดี๋ยวอั๊วมา พาน้องไปร้องไห้เดี๋ยว”
พูดยังไม่ทันขาดคำ พวกกฤชกับยุทธก็เข้ามายิงกราดใส่ เฮียทั้งหลายตายเป็นเบือ

เคี้ยงกับบูรพารู้ข่าวเรื่องนี้ สองคนคุยหารือกันหน้าเครียดจัด
“เรื่องของเรื่องมันเกิดจากชัชชัยเป็นตัวปัญหา ทั้งตำรวจทั้งท่านรองบารมีถึงได้มาบีบเราแบบนี้ ผมว่าวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะยุติปัญหาก็คือเราหยุดชัชชัยให้ได้”
“งั้นก็ไม่เห็นจะยากอะไร เก็บมันซะก็สิ้นเรื่อง”
บูรพาชะงักกึก
“เอ็งสงสัยอะไรงั้นเหรอ”
“เปล่า แต่ถ้าไม่จำเป็น ผมก็ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องฆ่าแกงกัน”
เคี้ยงมองบูรพา ทั้งสงสัยทั้งนึกขัดใจ บูรพาได้แต่บ่ายหน้าหลบซ่อนความอ่อนแอของตน
จ๊อดซึ่งอยู่ด้วยเสนอความเห็น “แต่ไอ้ชัชมันอยู่ในมือตำรวจนะ ต่อให้หาตัวมันเจอก็ใช่ว่าจะเก็บมันได้ง่ายๆ”
เคี้ยงแย้งขึ้น “มันต้องมีทางสิวะไอ้จ๊อด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าตำรวจจะคุ้มกะลาหัวให้ไอ้ชัชชัยได้ 24 ชั่วโมง มันต้องมีเผลอเปิดช่องไว้บ้างล่ะน่า”

เคี้ยงออกท่าทางหมายมั่นปั้นมือ ในขณะที่บูรพาไม่สบายใจเอาเลย ที่ต้องฆ่าฟันกันอีก

วันเดียวกัน เอกสารปึกใหญ่ของชัชชัยซึ่งมีรูปแนบไว้ ถูกโยนลงบนโต๊ะ ตะวันฉายนั่งรอเมธาอยู่ในห้องทำงานสารวัตร มองแฟ้มตรงหน้าและมองตามเมธาที่เดินไปนั่งลง
“เรื่องคำขอของชัชชัยทางผู้ใหญ่ปรึกษากันแล้ว เราให้เค้าได้แค่ 1ใน 4 เท่านั้น ที่เหลือเราจำเป็นต้องปฏิเสธ”
ตะวันฉายใจเสีย
“คุณต้องเข้าใจนะผู้หมวด แต่ละคดีของชัชชัยไม่ใช่โทษเบาๆ มาถึงวันนี้เราไม่ลากเค้าขึ้นหลักประหารก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ชัชชัยอาจไม่ยอมเป็นพยานให้เราต่อไปก็ได้นะครับสารวัตร”
“คุณต้องลองหาทางเจรจากับเค้าดูผู้หมวด เราทำได้แค่ลดหย่อนผ่อนโทษให้เค้าบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด”
ตะวันฉายเครียดจัด ครุ่นคิดหาทางออกของเรื่องนี้

ตกกลางคืนชัชชัยนั่งเอกเขนกดื่มไวน์อยู่ที่ระเบียงห้องนอน ตะวันฉายเดินเข้ามาหา
“ว่าไงผู้หมวด กำลังนอนนึกถึงอยู่พอดี ดูเหมือนวันนี้จะต้องให้คำตอบผมแล้วนะ”
ตะวันฉายยืนนิ่งในมือถือเอกสารมาซองหนึ่ง
“ผลเป็นยังไงบ้าง”
ตะวันฉายดึงเอกสารในซองยื่นให้ชัชชัยอ่านดู
“ทางผู้ใหญ่อนุมัติให้ได้เฉพาะบางคดีเท่านั้น แต่คดีค้ายาเสพติด กับคดีที่พัวพันกับการหายตัวไปของเสี่ยเจริญ ทางเราจำเป็นต้องดำเนินคดีต่อไป”
ชัชชัยเครียดไปถนัดตา “คุณล้อผมเล่นใช่มั้ยผู้หมวด”
“ผมเสียใจด้วยที่มันต้องลงเอยแบบนี้ แต่ผมก็พยายามช่วยคุณเต็มที่แล้ว”
“คุณไม่กลัวเหรอว่าผมจะหยุดให้ความร่วมมือ”
“นั่นก็แล้วแต่คุณ ถ้าคุณไม่ช่วยเรา เราก็จะไม่ถือว่าคุณเป็นพยานอีกต่อไป จากที่เคยขอข้อมูล เราก็คงต้องเปลี่ยนมาเป็นการสอบสวนคุณเหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ”
ชัชชัยหน้าเจื่อนสนิท

ที่ห้องรับแขกเซฟเฮาส์ ขณะที่จ่าบุญส่งนั่งเขียนรายงานอยู่ มีโทรศัพท์เข้า จ่ากดรับสาย ข้างๆ เป็นยักษ์กำลังเช็คเทปอยู่
“ฮัลโหล เธอเหรอ ทำงานอยู่ อะไรนะตัวเล็กจะแสดงละครหรอ ไปไม่ได้หรอก โทษที...ฝากบอกลูกด้วยนะว่ารัก..แค่นี้นะ”
เสือเพิ่งมาถึง ถือแฟ้มเอกสารและขนมของฝากมาด้วย
“ไงวะยักษ์ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียวนะ”
“ไปไหนมาวะเสือ”
เสือไม่ตอบ มองหาตะวันฉาย “ผู้หมวดล่ะ พอดีมีเอกสารให้เซ็น”
“รอก่อนละกัน หมวดคุยกับไอ้ชัชชัยอยู่ข้างบนโน่นแน่ะ”
เสือมองขึ้นไปข้างบนอย่างสนใจ ขยับตัวจะเดินขึ้นไป บุญส่งห้ามไว้
“เฮ้ย ผู้หมวดเค้าคุยธุระอยู่มั้ง นั่งรอก่อนเถอะน่า”
เสือจำยอม ค่อยๆ ถอยกลับมานั่ง แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจ
“ขี้เกียจอ่ะจ่า ยิ่งจะรีบอยู่ ขึ้นไปตามเลยดีกว่า”
เสือเดินขึ้นไปเฉยเลย บุญส่งส่ายหัว มองตามอย่างเอือมระอากับความใจร้อนของเสือ

ตะวันฉายทำท่าจะเดินออกจากห้อง ชัชชัยรีบโผเข้ามาตื้อ
“เดี๋ยวๆๆ ก่อนผู้หมวด เรายังพอเจรจากันได้น่าจำได้มั้ยที่คุณเคยถามผม เรื่องที่ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการโค่นบูรพา”
ตะวันหูผึ่ง นึกสนใจขึ้นมาทันที ชัชชัยลังเลใจอยู่นานก่อนจะยอมสารภาพ
“คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือท่านรองบารมี”
ตะวันฉายอึ้ง คาดไม่ถึง “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพรรคเทอดธรรมต้องชูนโยบายต่อต้านยาเสพติด แล้วคอยจ่ายเงินสนับสนุนทางการให้ปราบแก๊งค้ายาด้วย”
ชัชชัยยิ้มหยัน “โธ่โถ อย่าอินโนเซ้นต์นักเลยผู้หมวด น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไอ้พวกที่โดนปราบมันก็พวกคู่แข่งของท่านรองทั้งนั้นแหละ อย่างป๋าผมสมัยที่ค้าขายกับท่านรอง เคยโดนจับสักครั้งมั้ยล่ะ”
“คุณมีเบาะแสอย่างอื่นรึเปล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างท่านรองกับเสี่ยเจริญ”
ชัชชัยยิ้มกริ่ม “ผมมีของดีกว่านั้นอีกผู้หมวด ผมมีหลักฐานที่ระบุชัดเลยว่าป๋าของผมเคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ของท่านรองบารมี”
ตะวันฉายจ้องหน้าชัชชัย “อะไร”
ชัชชัยเริ่มคุมเกมอยู่ หันกลับเล่นตัวตามเดิม “ผมจะบอกก็ต่อเมื่อผมกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ไปแล้วเท่านั้นผู้หมวด บริสุทธิ์ 100% จากทุกคดี”
ชัชชัยส่งเอกสารคืนให้ตะวันฉาย แล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกบนเตียงจองหองได้อีกครั้ง
สองคนไม่รู้ว่า เสือกำลังเดินมาถึงหน้าห้องในจังหวะนี้
“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่ได้หลอกผม”
“ผมซื่อสัตย์ต่อข้อตกลงเสมอผู้หมวดคุณช่วยชีวิตผม ผมก็ช่วยคุณให้กลับมารับตำแหน่ง
และถ้าคุณช่วยคุ้มกะลาหัวให้ผม และผมก็เปิดทางให้คุณปิดคดีนี้ได้” ชัชชัยเน้นคำตอนท้ายว่า “ที่สำคัญ ในชั้นศาลผมอาจจะพูดถึงเรื่องชั่วๆ ของน้องชายหมวดให้น้อยลง แบบ จำไม่ได้ว่าเค้าทำเลวอะไรไว้บ้าง หมวดสนใจมั้ยล่ะ”
ตะวันฉายถึงกับลังเล เงียบไปนานเพราะข้อเสนอสุดท้าย
เสือยืนอยู่หน้าประตูห้อง ได้ฟังทุกอย่างที่สองคนคุยตกลงกันในตอนท้าย นายดาบเลือดเดือดไม่พอใจมากๆ

อ่านต่อหน้า 4




ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 14 (ต่อ)

เวลาผ่านไป ตะวันฉายเซ็นเอกสารอยู่ในห้องรับแขก โดยมีเสือจ้องหน้าอยู่อย่างไม่พอใจ จนตะวันฉายรู้สึกตัว

“หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ”
“เปล่าครับ”
เสือรับแฟ้มที่ตะวันฉายส่งคืนให้แล้ว
“ขอตัวก่อนนะครับหมวด”
ตะวันฉายผิดสังเกต เมื่อเห็นเสือเดินดุ่มออกไปจากบ้านทันที เช่นเดียวกับทุกคนในนั้น
“ไอ้เสือมันเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมจู่ๆ ก็ขรึมไปแบบนั้น”
ตะวันฉายมองตามเสือไปอย่างนึกเป็นห่วง

เสือกลับถึงห้องพัก นั่งกินข้าวหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยยังโกรธเรื่องที่ได้ยินตะวันฉายตกลงกับชัชชัย โจยืนฉีดน้ำผักออแกนิคอยู่ที่ระเบียง ส่งเสียงเข้ามา
“กินเยอะๆ เลยนะเสือ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
โจฉีดพรมผักไป พูดเรื่อยเจื้อยไปอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“คุณพ่อผู้หมวดนะใจดี๊ใจดี ให้เงินค่าซักผ้าแล้วยังให้เงินค่าขนมเพิ่มด้วย แล้วนี่ วันก่อนพลั้งปากเรียกฉันว่าลูกโจด้วยนะ จะบอกให้ เดี๋ยวนี้เรตติ้งกระฉูดทะลุหลังคาบ้านเลย”
เสือฉุน แต่พยายามไม่สนใจ
“กลุ้มเรื่องอะไรอยู่น่ะเสือ ฮั่นแน่ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจสิท่า เข้าใจ เป็นตำรวจชั้นผู้น้อยก็ลำบากอย่างนี้แหละ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยังไงเดือนนี้จะช่วยจ่ายค่าห้อง ไม่อยู่ฟรีหรอก ผู้หมวดน่ะเตือนอยู่เรื่อยเลยนะว่าให้จ่ายเงินให้เสือบ้าง บอกเสือชอบกินเหล้า เลยไม่ค่อยมีเงินเก็บ”
ฟังที่โจชื่นชมตะวันฉาย เสือยิ่งโมโห แดกไม่ลง วางช้อนส้อมโครม
“โจ เคยมีวันไหนเธอไม่เอ่ยคำว่าผู้หมวดบ้างมั้ย”
โจหันมามองงงๆ “ฮือ นึกเพี้ยนอะไรขึ้นมา จู่ๆถึงได้ถามแบบนี้”
“ก็จริงมั้ยล่ะ ผู้หมวดคะผู้หมวดขา ดีไปหมด วิเศษไปหมดทั้งๆ ที่ความจริง ผู้หมวดก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา ไม่ใช่พระเจ้าซะหน่อย”
โจชักโกรธ “นี่พูดให้มันสวยๆ นะ ผู้หมวดเค้าไปทำอะไรให้เสือ ทำไมถึงต้องไปกระแนะกระแหนแบบนั้นด้วย อ๋อ…หรือว่าอิจฉาอะไรผู้หมวดเค้าใช่มั้ย”
“เธอไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ถึงฉันจะเป็นแค่นายดาบแต่ฉันก็ภูมิใจ เพราะอย่างน้อยฉันก็ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่เคยมีนอกมีในกับพวกคนร้ายใคร”
โจลอยหน้าเถียง “ผู้หมวดก็ไม่เคยเหมือนกัน”
เสือของขึ้น “ใครบอกว่าไม่เคย ไอ้คราวก่อนที่โดนสั่งย้ายก็หนนึงแล้ว คราวนี้กลับมายังจะทำแบบเดิมอีก แบบนี้น่ะหรือไม่เคยไม่เคยครั้งเดียวน่ะสิ”
โจรู้ทัน “ตกลงไอ้ที่นายบ้าอยู่เนี่ย เพราะหมวดเค้าช่วยน้องใช่มั้ย”
“เออ”
“แล้วมันเสียหายตรงไหน พี่น้องเค้าช่วยกัน”
“มันผิดกฎหมายน่ะสิถามได้”
“แล้วไง มีใครรู้งั้นเหรอ เรื่องแค่นี้หมู่ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องหัวเสียเลย”
เสือมองโจอย่างผิดหวัง โจหันกลับไปก้มหน้าก้มตารดผักต่อ ทำเป็นแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ เสือฟิวส์ขาด แหกปากลั่นห้อง
“โธ่เว๊ย” ทำเอาโจหันไปมองอย่างตกใจ
“เชิญเธอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่คนเดียวเหอะ ฉันไม่ประสาทไปกับเธอด้วยหรอก”
เสือลุกพรวด ถีบโต๊ะโครม เดินหนีออกไปจากห้องแล้วเหวี่ยงปิดประตูดังโครม โจมองตามอย่างฉุนๆ
“โว้ย ไม่กินก็ไม่ต้องกินสิวะ บ้าเป็นคนเดียวหรือไง”
โจหงุดหงิด

เสือเดินฉุนเฉียวออกมาจากอพาร์ตเมนท์ ก่อนจะหยุดหันรีหันขวางเหมือนไม่มีที่ไป
หยุดใช้ความคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตะวันฉายกับตนอย่างผิดหวัง

ชัชชัยมองออกไปเห็น บุญส่งกำลังยืนคุยเล่นกับเจ้าหน้าที่สองคนอยู่ที่หน้าเซฟเฮ้าส์ ชัชชัยแอบชะเง้อมองจ่า ก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์มือถือ คิดอะไรอยู่ในใจ สักครู่จึงย่องไปหยิบโทรศัพท์มาโทร.ออก
อีกฟากหนึ่ง ขณะที่ทัศน์กำลังทำความสะอาดปืนอยู่ที่โถงคอนโด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทัศน์วางปืนในมือลงบนโต๊ะ แล้วกดรับสายด้วยสีหน้าฉงน เพราะเป็นเบอร์ไม่คุ้น
“ฮัลโหล”
“สบายดีเหรอ ไอ้นกสองหัว”
ทัศน์ชะงักไป จนคิดออกพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ชัชชัย” ก่อนจะตั้งสติรับมือ
“แหม เซอร์ไพรส์จริงๆ ขนาดได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้ ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ คุณนี่ดวงแข็งน่าดูนะ
“ถึงว่าสิ ไม่งั้นคงไม่รอดมือแกมาได้ง่ายๆ อย่างนี้”
“นี่คงตั้งใจจะโทร.มาเยาะเย้ยผมโดยตรงเลยสิท่า”
“ไม่ใช่แค่นั้น ฉันยังจะโทร.มาคิดค่าปรับแกด้วยเรื่องที่เบี้ยวนัดคราวก่อน รวมทั้งเรื่องที่คนของแกไปตามเก็บฉันครั้งหลังสุดด้วย”
“งั้นเหรอ จะปรับยังไงมิทราบ”
“เงินสด 20 ล้าน”
ทัศน์หัวเราะเยาะ “มากมายขนาดนั้นผมจะไปหาที่ไหนกัน ทำไมคุณไม่เรียกร้องเอาจากตำรวจล่ะ หรือว่าผู้หมวดตะวันฉายของคุณ พึ่งพากันไม่ได้เสียแล้ว”
ชัชชัยนึกฉุนที่ทัศน์พูดจี้ใจดำ แถมยังได้ยินเสียงทัศน์หัวเราะหึๆ เย้ยหยัน แว่วมา
“เชิญขำให้พอ อีกเดี๋ยวแกก็ขำไม่ออกแน่ ยิ่งตอนที่ฉันฉีกหน้ากากเจ้านายของแกออกมา ว่ามีเบื้องหลังสกปรกแค่ไหน”
“ทำไมไม่มองทางกลับกันบ้างล่ะคุณชัช ท่านรองมีเพื่อนทำงานเป็นคอลัมนิสต์ตั้งเยอะแยะ เค้าอาจจะลงข่าวว่าว่าคุณกุเรื่องขึ้นมา เพื่อบีบให้ท่านช่วยเหลือคุณก็ได้นะ”
“ไม่หร้อก ถ้ามันได้เห็นหลักฐานของฉัน”
ทัศน์ชักหวั่น “คุณว่าอะไรนะ”
“กลับไปถามนายของแกดูสิ ถามว่ายังจำเรื่องที่ป๋าช่วยไว้เมื่อ 6 ปี ก่อนได้รึเปล่า เรื่องตัวเลขน่ะ”
ทัศน์ทวนคำพูดนั้นอย่างฉงนฉงายในใจ
“ตัวเลข”

ถัดมา เหล้าถูกรินลงแก้ว บารมียกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ท่าทีเคร่งขรึม เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของทัศน์จบลง
ทัศน์นั่งรอฟังคำตอบของท่านรองอยู่เงียบๆ ในห้องรับแขกนี้ ชั่วขณะหนึ่งบารมีก็หันมาสารภาพ
“เมื่อ 6 ปีก่อน ฉันได้ข่าวว่าตัวเองจะถูกสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน ดังนั้นฉันก็เลยต้องหาคนที่ฉันไว้ใจที่สุดมาเป็นนายหน้าแทน คนมีกิจการบิ๊กๆ เป็นของตัวเอง”
ทัศน์เอ่ยเสริมเป็นเชิงถาม “ผับของเสี่ยเจริญ”
บารมีพยักหน้า “ช่วงนั้นฉันต้องพึ่งมัน ให้คอยรับออเดอร์ยาแทนฉัน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มามันจัดการหมุนเข้าบัญชีของตัวเองเพื่อฟอกให้ดูเหมือนว่าเป็นรายได้จากผับและกิจการในเครืออื่นๆ ของมัน แล้วค่อยโอนมาให้ฉันในฐานะที่เป็นหุ้นส่วน”
“แบบนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ปัญหามันอยู่ที่ว่าเงินทองมากมายมหาศาลขนาดนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย ที่ระยำที่สุดก็คือเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ในภายหลัง ไอ้เสี่ยเจริญมันก็เลยขอร้องให้ฉันเซ็นกำกับรับรู้ยอดเงินในบัญชีทุกเดือน”
ทัศน์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หน้าเครียดทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง
“ฉันมันโง่เอง แต่สถานการณ์ตอนนั้น ฉันต้องเป็นฝ่ายง้อมันก็เลยไม่มีทางเลือกอื่น”
“เรายังอ้างได้ว่าเป็นการแบล็คเมล บัญชีนั่นถูกเมคขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง” ทัศน์ว่า
“งั้นเหรอ แล้วทำไมตัวเลขเข้าออกในบัญชีมันดันพอดิบพอดีกับตัวเลขในแบงก์ของฉันซะทุกเดือนล่ะ แกอย่าลืมนะทัศน์ หกปีก่อนระบบการเงินมันไม่ได้สลับซับซ้อนเหมือนสมัยนี้ ถ้าตรวจสอบกันขึ้นมาจริงๆ เราจบเห่แน่”
ทัศน์ครุ่นคิด “ทำไมเสี่ยเจริญไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน”
“มันไม่เอ่ยถึงแน่ เพราะถ้าบัญชีนั่นโผล่ออกมาตัวมันก็ต้องพังไปด้วย แต่กับไอ้เจ้าชัชชัยมันตรงกันข้าม ไอ้บ้านั่นมันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
ทัศน์หน้าเครียดจัด ใช้ความคิดหนัก
“แกมีทางจัดการเรื่องนี้มั้ยทัศน์”
ทัศน์วางแผนเงียบๆ ในใจ จนนึกอะไรขึ้นได้ รีบพลิกกดหน้าจอมือถือดู หน้าจอโชว์เบอร์ของชัชชัยที่โทร.เข้ามาเมื่อสักครู่นี้

ค่ำคืนนี้ ชัยชัยนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ในห้องนอนชั้นบน กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายกับบรรยากาศอุดอู้รอบตัว สักครู่ก็กดปิดทีวี และเริ่มมองหาอะไรสนุกๆ ทำ

ยักษ์กำลังนั่งจดเช็คเทปให้ปากคำของผู้ต้องหา ในขณะที่จ่าบุญส่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จนั่งตัดเล็บตีนอยู่ ก่อนจะเหลือบเห็นชัชชัยเดินหน้าตาเซ็งลงมาจากข้างบน
บุญส่งกับยักษ์เหลียวมองหน้ากัน ก่อนที่ต่างคนก็ต่างนั่งหันหน้าหนีชัชชัยกันหมด
“อะไรล่ะคุณตำรวจ เห็นผมเป็นตัวเสนียดไปแล้วหรือไง แค่เดินลงมาแค่นี้ต้องหันหน้าหนีกันหมด”
จ่าประชด ”มีธุระอะไรให้พวกผมรับใช้ไม่ทราบครับคุณชัชชัย”
“เบื่อ เหงา อยากหาคนคุยด้วย”
“อ้อเหรอ เหงาเป็นเหมือนกันเหรอ แหมไอ้ผมก็นึกว่าคุณชัชชัยเค้าจะชินแล้วซะอีกนะจ่า สันดานอย่างนี้ไม่ยักรู้ว่าต้องการเพื่อน”
ชัชชัยจะเดินออกไปสูดอากาศหันมาสั่งจ่าส่ง
“เบื่อโว้ย โทร.หาหมอนวดหน่อย อยากนวดตีน”
จ่าบุญส่งเดินมาหาชัชชัย
“อยากนวดหรอครับ อ๋อได้ครับผม”
บุญส่งปิดประตูแกดล็อคแล้วหันไปสั่งยักษ์
“เฮ้ยยักษ์ ล็อคประตูทั้งหมดเว้ย ปล่อยมันอยู่ร้อนๆ ข้างนอกฮ่าๆๆ
ชัชชัยฉุนกึก จ่าส่งและยักษ์หัวเราะกันอย่างสะใจ

รถของเคี้ยงจอดซุ่มหลบมุมอยู่ ในรถมีจ๊อดเป็นคนขับ เคี้ยงกับบูรพานั่งอยู่เบาะหลัง เคี้ยงกำลังใช้กล้องส่องทางไกลเข้ามาในเซฟเฮ้าส์
“ใช่ไอ้ชัชชัยรึเปล่าเฮีย” จ๊อดถาม
“ท่าจะใช่ คนของเรารายงานมาไม่พลาดไอ้จ๊อด มันกบดานอยู่ที่นี่จริงๆ”
“แล้วจะเอาไงต่อล่ะเฮีย กลับไปตามพวกมาถล่มมันดีมั้ย” จ๊อดถาม
บูรพาท้วง “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ตำรวจนั่งกันอยู่เต็มบ้านไม่เห็นหรือไงแถมที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากกองปราบ ขืนซี้ชั้วบุกเข้าไป เรานั่นแหละจะโดนถล่ม”
เคี้ยงเห็นด้วย “จริงของไอ้บูรพามัน แล้วนี่จะเอายังไงดีวะ”
ทั้งหมดต่างหยุดคิดแผนการใหม่ จนจ๊อดเหลือบเห็นรถตู้คันหนึ่งแล่นผ่านไปจึงชี้ให้ดู
“เฮ้ย ดูไอ้รถตู้คันนั้นสิ”
บูรพามองตาม “คันไหน”
“นั่นไง มันแล่นมานี่รอบที่สองแล้วนะ รอบแรกมันแว้บมาตอนบ่าย ขับมาทางเดิมแล้วก็เลี้ยวออกไปแบบนี้เลย ผมจำได้”
“เอ็งแน่เหรอวะว่าไม่ได้จำผิด” เคี้ยงไม่เชื่อนัก
“โธ่เฮีย จ๊อดกุญแจผี มีเหรอจะจำยี่ห้อรถไม่ได้ คอยดูนะพอเลยเซฟเฮ้าส์ไปแล้ว มันจะต้องเลี้ยว”
เคี้ยงกับบูรพามองตามรถไป ปรากฏว่ารถไม่เลี้ยว แต่จอดห่างจากเซฟเฮ้าส์ไปเล็กน้อยเท่านั้น
“ไหนไอ้จ๊อด ไหนเอ็งบอกว่าเลี้ยว ปัดโธ่ไอ้นี่ทำโม้แล้วมาบอกว่าจ๊อด กุญแจผี ถุย”
บูรพาเหลือบเห็นอะไรเข้า “เฮียเคี้ยง”
เคี้ยงมองตามไป พบว่าบัดนี้รถตู้ซึ่งจอดลงตรงมุมมืด มีคนทยอยลงมา
สามคนเห็นกฤชและยุทธลงมาจากรถ ยุทธตรวจตราอาวุธปืน ในขณะที่กฤชรับคำสั่งจากทัศน์ที่นั่งรอบนรถ
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของ จ๊อด เคี้ยง และบูรพา
“คนของท่านรองบารมี มันต้องการตัวชัชชัยเหมือนกัน” บูรพาว่า
“ลงมือตัดหน้ามันดีมั้ยเฮีย” จ๊อดหันมาทางเคี้ยง

“รอดูไปก่อน” เคี้ยงยิ้มพึงพอใจ “ไม่แน่ งานนี้พวกเรามีสิทธิ์ชุบมือเปิบ”

อ่านต่อตอนที่ 15



"หมอผี" ตอนที่ 9  "ผีเปรต"
"หมอผี" ตอนที่ 9 "ผีเปรต"
ภายใน สำนักงานหมอผี ตอนกลางวัน ในจอโทรทัศน์ เป็นภาพยนตร์เก่าที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเปรต ภาพเปรตตัวสูงหลอกหลอนผู้คน จอห์นนี่จิบยาธาตุลดอาการท้องเฟ้อ นั่งดูทีวีกับมหาเนิร์ด จอห์นนี่นั่งกินขนมป๊อปคอร์นไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน รอบๆ ตัวของเขามีเศษป๊อปคอร์นร่วงอยู่ และมันก็กระเด็นมาถูกมหาเนิร์ด มหาเนิร์ดคอยเก็บเศษป๊อปคอร์นลงในถ้วย จอห์นนี่ก็หยิบป็อปคอร์นจากในถ้วยกินต่อ มหาเนิร์ดว่า เปรตมีจริงมั้ย น่าจะมีนะพี่จอห์นนี่ อย่างเคยได้ยินมั้ย เปรตวัดสุทัศน์ ยังไงเหรอ เค้าว่ากันว่า ที่วัดสุทัศน์ฯ มักมีเปรตออกมาตอนกลางคืน แล้วที่วัดเนี่ย เขามีภาพวาดบนฝาผนังที่มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต ใครได้ไปวัดนี้ก็ต้องไปดู มันเป็นภาพของพระสงฆ์ยืนพิจารณา เปรตนอนพาดกายอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น