ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 8
ฉบับ ตรงกับที่ออกอากาศทางทีวีมากที่สุดในสามโลก!!!
เตียงนอนในห้องพักบนตึกบ้านเสี่ยเจริญว่างเปล่า ไร้วี่แววของบูรพา ด้วยเขาอยู่ในห้องน้ำ และกำลังวักน้ำล้างหน้า บูรพามองเงาตัวเองในกระจก สีหน้าท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย ที่ตนเองถูกพี่ชายยิงต่อหน้าพ่อและคนรัก
บูรพาไม่สบายใจมาก เขานัดเจอธิชาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ในวันรุ่งขึ้น
ท่ามกลางแมกไม้น้อยใหญ่อันสดใสเขียวขจีในสวนสวย ธิชากับบูรพาเดินคุยกันมาตามทางอันร่มรื่น
“ตอนที่ยังไม่ได้ทำร้านรูป ฉันกับปูเคยมาสอนวาดภาพให้พวกเด็กๆ ที่นี่ ตอนนั้นมีนักเรียนไม่กี่คน แต่ก็สนุกกันมากเลย”
บูรพาไม่ได้ฟังธิชาพูด แต่กำลังเหม่อมองใบไม้ที่ร่วงกราวอยู่อย่างหวั่นๆ เหมือนนึกสังหรณ์ใจ
“ทีแรกยังหาสถานที่สอนไม่ได้ ฉันกับปูนึกว่าจะแย่แล้วซะอีก สองคนเที่ยววิ่งติดต่อหาที่กันให้วุ่น จนแล้วจนรอดก็หาไม่ได้สุดท้ายก็เลยมายึดที่หลวงซะเลย”
ธิชาหันไปเห็นบูรพาเอาแต่เหม่อลอย
“บูรพา...บูรพา” เธอรอจนบูรพาได้สติหันมาหา “คุณคิดอะไรอยู่เหรอ”
“ผมนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“วันนี้คุณดูไม่ค่อยสดชื่นเลย กังวลอะไรอยู่รึเปล่าค่ะ”
บูรพาส่ายหน้า พยายามฝืนยิ้มกลบเกลื่อน
“ธิชา ถ้าอีกหน่อยผมหายไป คุณจะทำยังไง”
“คุณหมายความว่ายังไงค่ะ ที่ว่าหายไป”
“หมายถึงผมไปอยู่ที่อื่น แล้วก็ไม่มีโอกาสติดต่อมาหาคุณอีก”
ธิชากลัว “ทำไมคุณถึงถามฉันแบบนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือค่ะ คุณบอกฉันได้มั้ย”
“ผมแค่ฝันไม่ค่อยดีน่ะ ฝันว่าตัวเอง” เขาใช้คำเลี่ยงๆ ว่า “ต้องเดินทางไกล”
คำพูดคำนั้นของบูรพาทำให้ธิชาพลอยหวั่นใจไปด้วย เมื่อเห็นบูรพาเงียบไป ธิชาก็ตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัยมาช้านาน
“บูรพาคะ มีอยู่เรื่องนึงที่ฉันไม่เคยถามคุณมาก่อนเลยไม่รู้ว่ามันจะสมควรรึเปล่า”
บูรพาพยักหน้าอนุญาต
“ตอนนี้คุณทำงานอะไรอยู่กันแน่ ทำไมพี่ชายของคุณเค้าถึงได้ปักเชื่อว่าคุณจะต้องทำผิดกฎหมาย”
“คุณไปสนใจอะไรคำพูดของเค้า”
“แต่เค้าเคยบอกฉันว่าเค้ากำลังจะจับคุณนะคะ”
บูรพาอึ้งไป
“บูรพาคะบอกฉันมาเถอะ คุณไปยุ่งเกี่ยวกับงานผิดกฎหมายรึเปล่า ฉันเห็นหนังสือพิมพ์ชอบลงข่าวอยู่เรื่อยว่าเสี่ยเจริญนายของคุณเป็นพวก...”
บูรพาตอบให้ว่า “ค้ายาเสพติด ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน”
“กับฉัน ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ มันสำคัญทั้งนั้น”
ธิชาเงียบไปหน้าเศร้าไปถนัดตา จนบูรพานึกสงสาร เขาใคร่ครวญสักพักก็ตัดสินใจ
“ธิชา ไว้ใจผม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องผิดหวังเด็ดขาด”
“ยังไงคุณก็จะไม่บอกชั้นอยู่ดีใช่มั้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่บังคับคุณหรอก”
บูรพาสวนทันที “ผมไม่ได้ทำ” ธิชามองจ้องหน้าเขานิ่ง “ถ้าผมบอกอย่างนี้ คุณจะเชื่อผมมั้ย”
ธิชามองหน้าบูรพานิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และโดยไม่คาดฝัน เธอโผเข้ามากอดเขาเอาไว้
ธิชากอดบูรพาเหมือนกับได้ปลดปล่อยซึ่งความสงสัยที่เก็บกดมาเนิ่นนาน
บูรพากอดตอบ ด้วยรู้สึกผิดลึกๆ ในใจที่ต้องปิดบังเธอ
ก่อนวันส่งมอบของ ที่ร้านกาแฟตกแต่งน่ารักเก๋ไก๋ บริเวณหน้าโรงแรมเวลานั้น ยากูซ่า 2 กำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ สักครู่ก็เห็นใครคนนั้นโผล่เข้ามาในร้าน
ยากูซ่า 2 “เราตกลงกันว่าจะไม่พบหน้ากันจนกว่าจะถึงเวลานัด”
ชายคนดังกล่าวนั่งลงและหันมาหา เผยให้เห็นว่าเป็นชัชชัย
“ผมรู้ แต่ผมมีข่าวร้ายจะมาเตือนพวกคุณ ตำรวจระแคะระคายเรื่องการนัดแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างปิดเป็นความลับ มีแค่คุณคิมูระ เสี่ยเจริญและก็คุณบูรพาเท่านั้นที่รู้เรื่อง”
“พวกคุณนัดกันวันพรุ่งนี้ ถูกรึเปล่า”
ยากูซ่า 2 อึ้งไปถนัดตา
ชัชชัยยิ้ม “ผมรู้ว่าพวกคุณไว้ใจได้ ป๋าผมก็คงไม่พูดเรื่องนี้กับคนอื่นแน่งานนี้มีแต่เจ้าบูรพาที่น่าสงสัยที่สุด”
“ทำไมคุณถึงไม่รายงานเรื่องนี้ให้คุณเจริญทราบ”
“ตอนนี้ป๋าเชื่อไอ้ขี้ประจบนั่นยิ่งกว่าผมซะอีก ขืนเอ็ดไปก็มีแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น”
“สรุปว่าเราต้องเลื่อนนัดครั้งนี้ออกไปก่อนงั้นเหรอ”
“ไม่จำเป็น ทางตำรวจยังไม่คิดที่จะจับพวกคุณ จนกว่าจะผลิตยาออกมาได้สำเร็จ ผมว่าถือโอกาสนี้ตัดไฟแต่ต้นลมซะเลยดีกว่า ให้ไอ้บูรพาออกมารับสินค้า แล้วก็เก็นมันซะ”
ยากูซ่า 2 อึ้งอีกรอบ
ชายคนหนึ่งนั่งรอและมองเหตุการณ์อยู่บนรถ กระทั่งเห็นชัชชัยจับมือร่ำลากับยากูซ่า 2 ก่อนจะปลีกตัวมาขึ้นรถ เผยให้เห็นว่าคนที่นั่งมองอยู่ในรถคือทัศน์ ชัชชัยส่งกาแฟที่ซื้อจากร้านมาให้
“เป็นอันว่าตอนนี้เราก็ได้รู้ทั้งเวลากับสถานที่นัดของมันเรียบร้อยที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกคุณล่ะ”
ทัศน์นิ่งรอฟัง
“ผมบอกกับพวกมิสเตอร์คิมูระว่า ถ้าเก็บเจ้าบูรพาระหว่างทางขากลับ หลังจากได้รับสารเคมีแล้ว ตำรวจกับป๋าจะได้คิดว่าเป็นฝีมือของแก๊งอื่น”
“แต่ถ้าเราฉกสารเคมีมา พวกญี่ปุ่นมันก็ต้องรู้อยู่ดีว่าถูกคุณซ้อนแผน คุณไม่กลัวมีปัญหาเหรอไง”
ชัชชัยคุยโต “ก็นี่แหละไคลแม็กซ์คุณเอ๋ย ผมนอนคิดหัวแทบแตกกว่าจะนึกฉากปิดของแผนนี้ออก”
“ขนาดนั้นเชียว”
“เราจะไม่ปล้นเจ้าบูรพา แต่เราจะไปที่จุดนัด แล้วเก็บทุกคนที่มาเจรจาให้หมด ทั้งไอ้บูรพาทั้งไอ้ญี่ปุ่นหน้าโง่นั่น ตายเหี้ยนแบบนี้ แล้วตำรวจกับป๋าจะไปจับมือใครดม”
ทัศน์คิดชั่วลึกล้ำ “เป็นแผนที่ดีนะ...เกลี้ยงดี”
ทัศน์และชัชชัยมองหน้ากัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างระเบิดหัวเราะออกมา แต่พอพ้นสายตาชัชชัย ทัศน์ก็ลอบมองชัชชัยอย่างเจ้าเล่ห์
อีกฟาก คนขนยาเสพติดโดนสวมกุญแจมือไพล่หลังล่ามไว้กับเก้าอี้ในห้องสอบสวน กำลังให้ปากคำแก่ยักษ์และเสือในห้องนั้นด้วยสภาพอิดโรย
ตะวันฉายกำลังยืนมองอยู่ผ่านทางกระจกมอง สักครู่จ่าส่งก็เข้ามาสมทบ
“มันยอมพูดแล้วใช่มั้ย”
“ลื่นเลยครับหมวด ตอนแรกถามอะไรก็เอาแต่เงียบลูกเดียว พอเริ่มจะลงแดงขึ้นมาเท่านั้นปากคอสั่นสารภาพเกลี้ยงเชียวครับ”
“ติดยาเหรอ”
“ไม่แปลกหรอกครับหมวด ไอ้พวกนี้รู้ๆ กันอยู่ อัฐยายซื้อขนมยายประมาณนั้นแหละครับ ติดไปติดมาก็ลงมาขายเสียเองรู้สึกว่าเพิ่งจะมาทำได้ไม่กี่ครั้งเองครับ”
ตะวันฉายคิดอะไรขึ้นได้ “แปลว่าคิมูระไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหมอนี่มาก่อน”
“ไม่ครับ แต่มีคนรู้จักที่คิมูระไว้ใจแนะนำกันมาอีกที” จ่านึกสงสัย “หมวดถามทำไมเหรอครับ”
ตะวันฉายครุ่นคิด “ถ้าผมอ้างตัวเป็นมันล่ะ จ่าว่าพวกญี่ปุ่นมันจะรู้รึเปล่า”
บุญส่งคาดไม่ถึงว่าตะวันฉายจะเล่นมุขนี้ แต่ท่าทางตะวันฉายจดจ้องไปที่คนขนยาอย่างเอาจริง
ยักษ์ไขกุญแจให้ก่อกิจ เห็นก่อกิจเอื้อมมือซ้ายไปหยิบน้ำแข็งจากโถมาเคี้ยวหน้าตาสั่นกึกๆ
ท่าทางกำลังเสี้ยนยาจวนเจียนจะลงแดงอีกไม่ช้านี้
อ่านต่อหน้า 2
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะที่ตะวันฉายถือแฟ้มไปตามทางเดินในกองปราบ แต่แล้วก็ต้องชะงัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตารีบเดินผ่านๆ ไป
สิ่งที่ตะวันฉายไม่อยากเจอก็คือธิชาที่ยืนดักรอเค้าอยู่แล้ว แม้ธิชาจะเดินตามเร็ว แต่ตะวันฉายไม่มีทีท่าจะหยุดเดิน
“ยังโกรธฉันอยู่หรือคะ”
ตะวันฉายไม่เหลียวมามอง “ไม่ ผมแค่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรกับคุณตอนนี้”
“ผู้หมวด คุณให้โอกาสบูรพาอีกสักครั้งไม่ได้หรือคะถึงยังไงเค้าก็เป็นน้องของคุณ”
“คุณรู้ตัวรึเปล่า เรื่องที่คุณพูดมันผิดกฎหมายคุณกำลังขอให้เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อยู่นะ”
ธิชาปราดมาดักหน้าตะวันฉาย
“แต่บูรพาเขายืนยันกับฉันว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่คุณทำอยู่ทำไมคะผู้หมวดในเมื่อฉันยังเชื่อเค้าได้ คุณเป็นพี่ของเค้าแท้ๆ ทำไมถึงไม่ให้โอกาสเขา”
“ธิชา บางครั้งความชอบพอส่วนตัว ก็ทำให้เรามองบางสิ่งดีเกินกว่าที่มันเป็น”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“คุณสนิทกับเค้าจนลืมไปว่าความจริงเค้าเป็นคนร้าย”
ธิชาอึ้ง ตะวันฉายเดินเข้าไปในออฟฟิศ
ตะวันฉายเดินหนีเข้ามาในห้องทำงาน ธิชาตามมาและเริ่มกราดเกรี้ยวใส่ ประโยคแรก จากนั้นตะวันฉายก็โต้เถียงกลับบ้าง จนในที่สุดก็กลายเป็นต่างคนต่างระเบิดอารมณ์เข้าหากัน เพราะคนๆเดียวคือ บูรพา ต่างคนต่างพูดโดยไม่มีคนฟัง
“ผู้หมวดคะ ฉันรู้ว่าคุณลำบากใจที่ต้องทำแบบนี้ แต่ถ้าคุณอดทนและให้เวลากับบูรพาอีกหน่อย ดิฉันเชื่อว่าเค้าจะต้องกลับตัวได้แน่นอน”
“ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง คุณธิชา ผมรู้ว่าตอนนี้บูรพาอาจจะยังไม่ได้กระทำผิดด้วยความสมัครใจ แต่ตามตัวบทกฎหมาย ผมถือว่าเค้าผิด และคนผิดก็ต้องรับโทษ”
“คุณจะบอกว่าคุณไม่แคร์อีกแล้วว่าชีวิตของเค้าจะเป็นยังไง คุณคิดคะว่าการจับเค้าจะช่วยอะไรเค้าได้ มันมีแต่จะทำลายชีวิตของเขาให้แย่ลงไปอีก สิ่งที่คุณทำมันไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่มันเป็นการปัดภาระ ก็เพราะมีนายตำรวจที่เอาแต่ทำหน้าที่ไปส่งเดช โดยไม่สนใจความเป็นจริงอย่างคุณ พ่อฉันถึงต้องตายในคุก”
“คุณนึกว่าผมอยากทำแบบนี้งั้นเหรอ เพราะผมรักเค้า ผมถึงต้องจับเค้าให้ได้ ถึงคุณจะบอกว่าคุกมันเลวสำหรับเค้า แต่ความเป็นจริงมันคือที่ที่เค้าควรอยู่”
การโต้คารมจบลงด้วยคำพูดของตะวันฉาย ธิชาตบหน้าตะวันฉายอย่างลืมตัว ทำเอาตะวันฉายตะลึงงัน
ธิชาทั้งโกรธทั้งเสียใจ ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
“คุณเคยคิดมั้ยคะผู้หมวด จะดาวบนบ่าหรือหน้าที่การงานของคุณมันก็แค่หัวโขน แค่ละครฉากหนึ่งที่คุณต้องสวมบทบาทเท่านั้นแต่ความเป็นพี่เป็นน้อง มันไม่ใช่ เพราะมันคือสายเลือดที่อยู่ในตัวของคุณ กับบูรพา” ธิชาฝืนกลั้นน้ำตาอยู่สักพัก “ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้”
ธิชาผละหนีไป ตะวันฉายรู้สึกลังเลไม่แน่ใจว่าตนทำถูกอยู่หรือไม่
กลับถึงบ้านตะวันฉายพาตัวเองมานั่งล้างเท้า เช็ดตัวให้พ่อ และนวดยาไล่เลือดลมให้ที่ขา
จ่าเวศกำลังดูทีวีเพลิน ภาพบนจออาจเป็นภาพข่าวตำรวจยิงคนร้าย
ตะวันฉายถามขึ้นด้วยท่าทีอันลังเล “พ่อครับ”
จ่าเวศหันมา
“ตั้งแต่รับราชการมา พ่อเคยเจอคดีไหนที่ทำให้พ่อลำบากใจบ้างมั้ยครับ อย่างเช่นคนที่พ่อรู้จักก่อปัญหาซะเอง”
“เจอสิ ตำรวจทุกคนเจอเรื่องแบบนี้ทั้งนั้นแหละไม่เพื่อนก็ญาติ ไม่งั้นก็ลูกเมียตัวเอง” จ่าใช้ความคิด “พ่อน่ะก็เคยจับเพื่อนของแม่แกเข้าคุก ตอนนั้นดันมาเล่นไพ่กันที่ข้างบ้านเรา แม่แกงี้บ่นพ่อเสียหูชาเป็นอาทิตย์”
“ทำไมพ่อถึงเลือกแบบนั้นล่ะครับ ความจริงพ่อแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ได้”
จ่าเวศนึกทบทวนเหตุผลในตอนนั้น “เวลาที่พ่อไม่รู้ว่าอะไรมันดีที่สุดพ่อก็จะเลือกอะไรที่มันถูกต้องตามกฎที่สุดแทน บางครั้ง...ดีเลวมันวัดกันยากเหลือเกินเจ้าฉายแต่ถูกหรือผิด มันมีเขียนเอาไว้ให้เห็น มันชัดเจนกว่าถ้าจะใช้มันเป็นเครื่องตัดสินใจ”
ตะวันฉายฟังแล้วครุ่นคิดตาม
เวลาผ่านไปอีก กลายเป็นเวลากลางดึก ที่หน้ารูปถ่ายครอบครัว ตะวันฉายนั่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพัง อีกสักครู่เขาจึงลุกไปจุดธูปไหว้บอกกล่าวแม่ผู้ล่วงลับ
“แม่ยกโทษให้ผมด้วย แต่นี่เป็นทางเดียวที่ผมจะช่วยเจ้าบูรพา ผมจะต้องจับมันให้ได้”
วันรุ่งขึ้น ทุกคนเตรียมพร้อมแล้วในออฟฟิศทีมตะวันฉาย ในกองปราบ
จ่าบุญส่งกำลังติดหนวดปลอมให้ตะวันฉาย และแต่งแผลเป็นที่หน้าให้เหมือนกับคนขนยา ตะวันฉายอยู่ในเสื้อผ้าคล้ายๆ คนขนยา เป็นสูทเน่าๆ ส่วนเสือกำลังเช็คคำถามกับตะวันฉาย
เสือดูโพย “ชื่อ”
ตะวันฉายตอบว่า “กิจ ก่อกิจ มีลูกสองคน เป็นคนอยุธยา”
ยักษ์กำลังสอดเครื่องรับส่งวิทยุลงใต้ฟองน้ำบุกระเป๋าขนยาก่อนจะปิดลงตามเดิม โดยปล่อยให้สายอากาศโผล่แลบออกมาเล็กน้อย
“แต่ก่อนทำงานอะไร” เสือถาม
“ธุรการบริษัทก่อสร้าง”
“ชอบผู้หญิงแบบไหน”
ตะวันฉายเงยหน้ามองคนถาม “มันคงไม่ถามเรื่องนี้หรอกมั้ง”
“ถ้าเกิดมันถามล่ะครับ”
“ขาว สูง”
“ขออนุญาตนะครับหมวด ไอ้กิจมันไม่ห้อยพระ”
บุญส่งชี้ที่คอผู้หมวด ตะวันฉายถอดพระออกให้จ่าเก็บไว้
บุญส่งส่งผ้าเช็ดหน้าให้ “อย่าลืมหาวบ่อยๆ นะครับหมวด คอยใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเอาไว้ด้วย จะได้เหมือนคนติดผงหน่อย”
ยักษ์ส่งปากกาให้ “หมวดครับ ไอ้นี่มันส่งคลื่นได้แค่ 300 เมตรหมวดต้องพูดอะไรดังๆ นิดนึงนะครับ”
“หมวด ถ้าเกิดอะไรขึ้น หมวดต้องถ่วงเวลาไว้ก่อนนะไม่เกิน 5 นาทีพวกผมจะเข้าไปถึงตัว” เสือกำชับ
สามคนแย่งกันเตือนเสียงระงมฟังไม่ได้ศัพท์
จนตะวันฉายต้องรีบตัดบท “เอาล่ะๆ ทุกคน ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมจำได้หมดแล้ว”
ทุกคนท่าทางยังลังเลด้วยความเป็นห่วงตะวันฉาย
“เปลี่ยนตัวดีกว่านะครับหมวด งานนี้มันอันตรายมากให้ไอ้ยักษ์ไปแทนละกันครับ”
เสือบอก ยักษ์แอบเหล่ๆ กลัวได้ไปจริงๆ
“แผนนี้ผมเป็นคนคิด ผมควรจะเป็นคนรับผิดชอบให้ยักษ์อยู่ทางนี้น่ะถูกแล้ว”
ยักษ์แอบโล่งอก ในขณะที่เสือนึกกังวล
ทางด้านชัชชัยหย่อนตัวลงนั่งหน้าโต๊ะ เบื้องหน้าเสี่ยเจริญกำลังรออยู่แล้ว โดยมีเจิมฉัตรกำลังเสิร์ฟชาให้ เจิมฉัตรแอบเหลือบมองชัชชัยตลอดเวลา
“วันนี้แกมีธุระอะไรรึเปล่า”
ชัชชัยส่ายหน้าเซ็งๆ
“บูรพาต้องเดินทางไปรับของ”
“แล้วป๋าจะมาบอกผมทำไม ก็ไหนว่าเรื่องนี้จะให้มันเป็นคนรับผิดชอบ”
“นี่ใจคอแกไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยกันบ้างเลยหรือไง”
“ก็ป๋าไว้ใจมันนักไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้มันไปจัดการเองสิ” ชัชชัยตั้งแง่
เสี่ยเจริญเสียงดังใส่ “ฉันอยากให้เค้าไปด้วย งานนี้บูรพาต้องการคนคุ้มกัน ถ้าแกขืนปฏิเสธต่อไป ไม่ต้องโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ชัชชัยนิ่งอึ้ง เจิมฉัตรเหลือบมองชัชชัยอย่างนึกเป็นห่วง
บูรพากำลังตรวจตราอาวุธ เตรียมออกจากห้องพัก สายตาของเขาหันมาเหลือบเห็นรูปวาดของธิชาเข้า รูปเรือที่กำลังแล่นไปสู่แสงตะวันยามเช้า บูรพาเอื้อมมือมาแตะที่รูปเหมือนขอเป็นกำลังใจ ก่อนจะออกไปจากห้อง
ชัชชัยกำลังโทรศัพท์อยู่ในรถอย่างหัวเสีย กดสายหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับ เห็นไอ้ปอดที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับได้แต่เฝ้ามองงงๆ
“ไอ้บ้าเอ๊ยดันปิดมือถือ แล้วกูจะยกเลิกแผนการยังไงวะ”
“มีอะไรหรือครับคุณชัช”
ชัชชัยหงุดหงิด “เงียบไปเลยมึง กำลังจะตายห่าอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง”
ไอ้ปอดบ่นอุบอิบ “ก็ไม่เคยบอกแผนกูเลย จะรู้ได้ไงวะ”
ชัชชัยได้ยินก็ขยับปากจะด่า แต่พอดีบูรพาเดินมาขึ้นรถเสียก่อน
“ออกเดินทางได้แล้ว”
อ่านต่อหน้า 3
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 8 (ต่อ)
อีกฟากยากูซ่า 2 เปิดประตูห้องออก เห็นตะวันฉายสวมแว่นดำในคราบคนส่งยายืนถือกระเป๋ารออยู่
ยากูซ่า 2ทัก “ก่อกิจ”
ตะวันฉายพยักหน้า แล้วเดินเข้ามา ถูกยากูซ่า 1 ค้นอาวุธแต่ไม่พบ ขณะที่ยากูซ่า2 ก็เข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างแก่คิมูระ ท่าทางเหมือนสงสัยตะวันฉาย
ตะวันฉายนั่งลง และก้มหัวโค้งให้คิมูระ
คิมูระถามเป็นภาษาอังกฤษว่า “แกชื่อก่อกิจเหรอ”
ตะวันฉายตอบว่า “ครับ”
“เพื่อนของฉันที่เมืองไทยเค้าการันตีแกว่าเชื่อใจได้”
ตะวันฉายขยับตัว แต่ถูกยากูซ่า1 ชักปืนจ่อเข้าขมับ เขาชี้ไปที่กระเป๋ายา คิมูระพยักหน้าให้ยากูซ่า 1 ลดปืนลง ตะวันฉายหยิบกระเป๋ามาวางบนโต๊ะ แล้วเปิดให้คิมูระตรวจตราของในกระเป๋า เห็นว่าสารเคมีอยู่ครบ
คิมูระยิ้ม “เยี่ยมมาก ระหว่างที่มานี่มีตำรวจติดตามแกบ้างรึเปล่า”
ตะวันฉายบอก “ไม่มีครับ”
“งั้นก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน”
คิมูระยื่นมือซ้ายออกมาจะยื่นให้จับ
“โทษทีที่ญี่ปุ่นเค้านิยมมือซ้ายกันน่ะ”
ตะวันฉายยื่นมือขวา แล้วรีบเปลี่ยนเป็นมือซ้าย
“ฉันกับแกไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เพื่อนของฉันเค้าแนะนำแกว่าชอบอะไรที่แรงๆ ฉันก็เลยเตรียมของขวัญไว้ให้”
ยากูซ่า 2 หันมาหา ส่งกล่องเล็กใบหนึ่งให้ตะวันฉาย เมื่อเปิดดูจึงเห็นว่าเป็นอุปกรณ์เสพผงครบชุด ตะวันฉายหน้าเจื่อน
ยากูซ่า2บอกสำทับคุณภาพ “เกรด A เชียวนะ ระดับเซียนอย่างแกไม่มีพลาดอยู่แล้วนี่”
ตะวันฉายออกตัว “ปกติผมไม่เล่นของตอนทำงาน”
“แต่ที่ฉันได้ยินมา ไม่เป็นอย่างนั้นนี่นา” ยากูซ่า 2 มองเหล่
คิมูระแทรกขึ้นเป็นอังกฤษว่า “รออะไรอยู่อีกล่ะ เชิญตามสบายเถอะ คุณก่อกิจ”
ตะวันฉายทำใจสักพัก ก็ตัดสินใจถอดสูทออกถลกแขนเสื้อขึ้น และดำเนินการเสพยาอย่างคล่องแคล่ว
ปลายเข็มปักเข้าเนื้อ เลือดถูกสูบเข้าหลอดก่อนหนึ่งหนก่อนจะอัดยาเข้าไปสู่เส้นเลือดตามรูปแบบมืออาชีพ ตะวันฉายเหงื่อแตกพลั่ก หน้าซีด
“เป็นยังไงบ้าง คุณก่อกิจ” ยากูซ่า 2 ถาม
ตะวันฉายแข็งใจยิ้ม “สุด สุดยอด”
คิมูระยิ้มให้ตะวันฉาย เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
รอสักครู่คิมูระจึงหันมาทางยากูซ่า 2 บอกเป็นญี่ปุ่นว่า “พามันเดินทางไปด้วย”
“ครับ”
รถของเสือจอดอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามโรงแรม เห็นยักษ์ที่ไปดูต้นทางข้ามถนนมาบอกบุญส่งกับเสือ
“ออกมากันแล้วจ่า”
“แล้วผู้หมวดล่ะ”
“พวกมันพาขึ้นรถไปด้วย”
เสือตาเหลือก “อะไรนะ”
บรรยากาศตรงจุดนัดเจรจา เปล่าเปลี่ยว เงียบหงอย ออกไปทางวังเวง รถบูรพาขับแล่นเข้ามาจอดในนั้นฝุ่นตลบ
บูรพาก้าวลงจากรถ ตามด้วยชัชชัยที่ตามลงมาด้วยสีหน้าหวาดระแวง สายตาคอยกวาดมองว่าพวกทัศน์ซ่อนอยู่มุมไหน
“มันมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ ไอ้ทัศน์ เห็นรึเปล่าว่ากูมาด้วยอย่าเสือกยิงนะโว๊ย”
ชัชชัยมองไปเห็นแสงสะท้อนอยู่ไกลๆลิบๆ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่
ตรงจุดซุ่มของทัศน์ กฤชนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ขณะที่ยุทธกำลังเตรียมปืนไรเฟิล ทัศน์ลดกล้องส่องทางไกลลง พรายยิ้มชั่วออกมา
“ชัชชัยอยู่ในนั้น”
ยุทธชะงัก “ถ้ากราดยิงลงไป ชัชชัยอาจโดนลูกหลงด้วยนะครับ”
ทัศน์ยิ้ม ยักไหล่พรืด “ใครสนล่ะ”
เสือ บุญส่ง และยักษ์ขับรถตามพวกคิมูระมาติดๆ
ส่วนในรถคิมูระ สายตาของตะวันฉายเริ่มมองเห็นทุกอย่างรอบตัวเบลอ หลอนไปหมด
เขาอยู่ในอาการคลื่นเหียนผะอืดผะอม และเวลานี้เริ่มหนาวสั่น
ยากูซ่า 1 เหลือบเห็นรถเสือทางกระจกหลัง จึงหันไปมองคิมูระเป็นเชิงบอกให้มอง คิมูระพยักหน้าให้สัญญาณ
ยากูซ่า 1 หักพวงมาลัยเลี้ยวรถกลับอย่างเร็ว ก่อนจะเพิ่มความเร็วพุ่งแนบหายไป
ยักษ์ตกใจร้องบอก “เฮ้ย มันรู้ตัวแล้วหมู่”
“ไอ้เสือ รีบตามมันไปเร็ว” จ่าเร่ง
เสือเลี้ยวรถตามพวกยากูซ่าไป
รถของพวกยากูซ่าแล่นเข้ามาจอดในอาคารร้าง คิมูระเดินลงจากรถ โดยมียากูซ่า 1 และ ยากูซ่า 2 ช่วยกันหอบตัวตะวันฉาย และกระเป๋าตามมาด้วย ทั้งหมดเปลี่ยนรถเป็นอีกคัน
ยากูซ่า1 เปิดกระเป๋ายาออก และถ่ายสารเคมีใส่กระเป๋าใบใหม่
กระเป๋ายาใบเก่าถูกโยนทิ้ง นั่นหมายความว่าอุปกรณ์สอดแนมที่ยักษ์ซ่อนไว้กระเด็นออกมาโดยไม่มีใครสนใจ
ตะวันฉายเสียหลักทรุดลงข้างรถ และขยับคอโอ้กอ้ากจะอาเจียนแต่ไม่มีอะไรออกมา
“สงสัยที่แกสูบเข้าไปจะเป็นของปลอม เซียนผงอย่างแกไม่น่าประสาทอ่อนอย่างนี้เลยนี่หว่า” ยากูซ่า 2 ยิ้มหยัน
ตะวันฉายไม่มีแรงจะตอบ
“เคยมีคนบอกมั้ยว่าท่าทางแกคล้ายตำรวจ”
“เมียผม บอกว่าผมหน้าเหมือน...เทศกิจ” ตะวันฉายว่า
ยากูซ่า 2 ยิ้มหันไปแปลให้คิมูระฟัง คิมูระแค่นหัวเราะมองตะวันฉายอย่างสมเพช
เวลาผ่านไปอีกสักเล็กน้อย รถคันใหม่ของคิมูระแล่นออกไปทางหนึ่ง ขณะที่รถของเสือเพิ่งแล่นมาถึง
ยักษ์ลดวิทยุลง “ศูนย์วิทยุแจ้งว่าสัญญาณขาดหายไปแถวนี้หมู่”
“นั่นไงเจอแล้ว”
รถแล่นมาจอดข้างกระเป๋าที่ถูกทิ้งอยู่กับพื้น เสือเห็นสภาพแล้วก็บอกออกมา
“เรียกกำลังเสริมเหอะจ่า ผมว่าผู้หมวดเสร็จมันแน่แล้ว”
บูรพายืนรอการมาถึงของคิมูระ ในขณะที่ชัชชัยยังยืนอยู่ห่างๆ สายตาคอยเหล่มองไปอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะถูกยิงที่ไหนและเมื่อไหร่
บูรพาเห็นรถของคิมูระ ก็หันขยับจะเข้าไปบอกชัชชัย
“มันมากันแล้ว”
บูรพาหันขยับจะปรึกษาชัชชัย แต่ชัชชัยถอยกรูดเสียวตกเป็นเป้ากระสุนร่วมกับบูรพา
“มีอะไร”
“เปล่า แต่มึงจะพูดอะไรก็พูดไปสิ ไม่ต้องมายืนใกล้ๆ กูหรอก”
มองจากที่จุดซุ่มของทัศน์ พอเห็นรถของคิมูระแล่นเข้ามา ทัศน์ก็พรายยิ้มหันไปสั่งการ
“ยุทธ เตรียมลงมือได้”
ยุทธยกปืนขึ้นเล็งเป้า
อ่านต่อหน้า 4
ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 8 (ต่อ)
คิมูระก้าวลงมาจากรถพร้อมยากูซ่าทั้ง 2 และทิ้งให้ตะวันฉายนั่งอยู่บนรถ ตะวันฉายมองออกไปจากรถเห็นบูรพา แต่สติยังเลอะเลือนเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้
“บูรพา”
บูรพายังไม่ทันเห็นตะวันฉาย เขาก้าวเข้ามาหาคิมูระพร้อมชัชชัยที่คอยยืนห่างๆ ท่าทางยังระแวงว่าจะโดนลูกหลง
บูรพายิ้มทักทาย “คุณคิมูระ”
คิมูระเพียงแต่พยักหน้า
“รอนานรึเปล่าคุณบูรพา” ยากูซ่า 2 ทัก
“ไม่นาน ของเรียบร้อยรึเปล่า”
“ทุกอย่างพร้อม” ยากูซ่า 2 มองชัชชัย “ไม่นึกว่าคุณจะมาด้วยคุณชัช”
ชัชชัยยิ้มอิหลักอิเหลื่อเต็มที บูรพามองไปในรถเห็นเงาคนนั่งอยู่
“วันนี้พวกคุณมีคนมาเพิ่ม”
“เค้าเป็นคนขนสารตั้งต้นมาเมืองไทย และก็เป็นคนที่คุณชัชชัยถามหา”
ชัชชัยหูผึ่งอย่างงุนงง ใครวะ
ยากูซ่า2พูดต่อว่า “คุณบูรพาคงไม่รู้ว่าข่าวการนัดพบของเราวันนี้มีการรั่วไหล เนื่องจากฝีมือของสายตำรวจคนนึง เราต้องขอบใจคุณชัชที่เตือนให้เราระวังตัวแต่แรก”
บูรพาประหลาดใจ ขณะที่ชัชชัยเปลี่ยนมุมยืนให้อยู่ห่างบูรพาให้มากที่สุด
“สายตำรวจ”
ยากูซ่า2ยิ้มบอก “ไม่ต้องตกใจ ตอนนี้เราได้ข้อสรุปแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวการนัดพบของเรา”
พลาง ยากูซ่า2 หันไปพยักหน้าให้ยากูซ่า1 เดินไปลากตัวสายตำรวจคนนั้นลงมา ตะวันฉายไม่มีแรงยืน พอถูกลากออกมาก็ทรุดฮวบลงกับพื้น
บูรพามองตะลึงตะไลเมื่อเห็นว่าสายตำรวจที่ว่าคือใคร
ที่จุดซุ่มของทัศน์ ทัศน์เองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร และมีหรือเขาจะจำตะวันฉายไม่ได้ ทัศน์รีบคว้าปากกระบอกปืนของยุทธกดต่ำลง
“อย่าเพิ่งยิง มีตำรวจอยู่ที่นี่”
“อะไรนะครับ” กฤชงง
“ผู้หมวดตะวันฉาย” เขาเหลือบมองไปรอบๆ “อาจจะมีตำรวจคนอื่นอยู่แถวนี้”
ส่วนที่จุดเจรจา ยากูซ่า2 เดินมาค้ำหัวตะวันฉาย ชักปืนจ่อกบาล
“มีคำถามอะไรมั้ยคุณตำรวจ”
“แกไม่เคยเห็นหน้าของก่อกิจ” ตะวันฉายอ่อนแรงเต็มทน
“พวกเราไม่เคยเห็น แต่เราได้ยินข้อมูลมาว่า” ยากูซ่า 2 เน้นคำตอนท้าย “ก่อกิจถนัดมือซ้าย”
ตะวันฉายอึ้ง นึกขึ้นได้ ว่าตอนก่อกิจอยู่ในห้องสอบสวนมันใช้มือซ้ายหยิบน้ำแข็ง
และที่โรงแรม ยากูซ่า 2 ยื่นมือซ้ายจะมาจับมือกับตะวันฉาย แต่ตะวันฉายกลับยื่นมือขวาตะวันฉายสลด รู้ตัวว่าชะตาถึงฆาต ได้แต่มองไปที่บูรพา
บูรพาก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าทุกอย่างจะปิดฉากลงแบบนี้
ฟากเสือกำลังขับรถมาราวกับจะบินร้อนรนใจสุดขีด พลางช่วยยักษ์ชะเง้อมองหาตามสองข้างทาง ในขณะที่จ่าบุญส่งกำลังแจ้งศูนย์วิทยุ
“นี่จ่าบุญส่งพูด ตอนนี้เรากำลังติดตามคดีของเสี่ยเจริญกันอยู่เข้าใจว่าขณะนี้ข่าวได้รั่วไหล หัวหน้าทีมของเราถูกคนร้ายคุมตัวไป เราต้องการความช่วยเหลือด่วน”
รถตำรวจหลายคันแล่นออกจากกองปราบ
“กระจายข่าวออกไป ระดมกำลังเสริมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อค้าหาตัวผู้หมวดตะวันฉาย ภายในหนึ่งชั่วโมง”
บุญส่งหันมาหาเสือและยักษ์กำชับว่า
“ห้ามช้ากว่านั้น เพราะทุกวินาทีหมายถึงชีวิตของผู้หมวด”
บูรพานำกระเป๋าสารเคมีมาเก็บบนรถ ก่อนจะหันไปมองเหตุการณ์ที่จุดเจรจา เห็นตะวันฉายกำลังถูกยากูซ่า1 ซ้อมอย่างหนักหน่วง ท่ามกลางความสะใจของคิมูระ ในขณะที่ชัชชัยกำลังงุนงงว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมมีตำรวจจริงเข้ามาในเหตุการณ์
ตะวันฉายโดนซ้อมจนบักโกรกหมดสภาพ ถ่มเลือดในปากออกมา คิมูระพูดกับตะวันฉายเป็นภาษาญี่ปุ่น ยากูซ่า2 แปล
“เคยได้ยินเกมชื่อ 15 / 3 / 30 มั้ยคุณตำรวจ ที่ญี่ปุ่นพวกเราชอบเกมนี้กันมาก กติกาง่ายๆ เวลาเราจับตำรวจหรือสายตำรวจได้ เราจะให้เวลาเหยื่อวิ่งหนีไปก่อนล่วงหน้า 15 วินาที พวกเราจะมีกระสุนอยู่กันคนละแค่ 3 นัด ภายใน 30 วินาที ถ้ายังยิงคุณไม่ได้เป็นอันจบเกม เราจะปล่อยคุณไป”
บูรพาอึ้งรู้ว่าตะวันฉายไม่รอดแน่ คิมูระหันมาถามเป็นอังกฤษว่า
“มีใครสนใจลองเล่นบ้างมั้ย”
ชัชชัยยังลังเล บูรพาสบตากับตะวันฉาย แล้วตัดสินใจชักปืนออกมาถอดแม็กกระสุนออกมาเขี่ยกระสุนทิ้งจนเหลือ 3 นัด
ตะวันฉายอึ้ง เห็นสีหน้าอันเหี้ยมเกรียมของบูรพา นึกว่าน้องจะเล่นด้วยเพราะอยากฆ่าตน
“ก็น่าสนุกดี ดีกว่ายืนอยู่เฉยๆ” ชัชชัยชักสน
“งั้นเชิญผู้หมวด 15 วินาที” ยากูซ่ากวนตีน
ตะวันฉายยืนขึ้น เห็นคนที่เล่นมี คิมูระ ชัชชัย และบูรพา ที่เตรียมปืน ส่วนยากูซ่า 2 จับเวลา
“หนึ่ง สอง สาม สี่...”
ตะวันฉายได้สติก็เริ่มวิ่ง แต่ด้วยอาการเมายาทำให้ร่างกายซวนเซล้มลงก่อนจะขยับวิ่งไปต่อ เสียงนับไล่หลังมาเรื่อยๆ บูรพาลุ้นระทึกมองตาม ขณะตะวันฉายวิ่งไปล้มไป
ยากูซ่า 2 จับเวลา “10 11 12 13 14” มันเงยหน้า เมื่อถึง “15”
บูรพาลุ้น คิมูระ ชัชชัย เดินมาเรียงแถวยกปืนเล็งไปที่ตะวันฉาย ยากูซ่า2 จับเวลาใหม่
“อีก 15 วินาที”
คิมูระยิงกระสุนนัดแรก ตะวันฉายสะดุ้งเฮือก กระสุนพลาดเป้า เฉี่ยวห่างไปเล็กน้อย ตะวันฉายแข็งใจเดินต่อ ชัชชัยยิงกระสุนนัดแรก กระสุนพลาดเป้าเช่นกัน
“โธ่เว้ย” ชัชชัยหงุดหงิด
ยากูซ่า2มองมายังตะวันฉาย “ตาคุณแล้วคุณบูรพา”
บูรพายกปืนยิง ทิ้งจังหวะลุ้น เล็งนาน
จนชัชชัยโวย “เฮ้ย อย่ากินเวลานักสิวะ”
บูรพาลั่นไกยิงกระสุนห่างจากเป้าหมายไปมาก
“ยิงอะไรของมึงวะ กระสุนห่างไปเป็นคืบ”
คิมูระยกปืนเล็งยิงนัดที่สอง คราวนี้กระสุนแล่นเข้าเจาะที่ต้นขาของตะวันฉายล้มลงช้าๆ
บูรพาตะลึง ชัชชัยยกปืนเล็งจะยิงนัดสองกะว่าโดนแน่ บูรพารีบยกปืนยิงตัดหน้าชัชชัย ทำเอาชัชชัยสะดุ้งปืนลั่นกระสุนพลาดเป้า มันโวยอีกเช่นเคย
“เฮ้ย ดูตาม้าตาเรือบ้างสิวะ”
บูรพาไม่ตอบ เหลือบมองไปที่คิมูระเล็งยิงนัดสุดท้าย กระสุนคิมูระแล่นเข้าเป้าอีกถูกเข้าที่ช่วงเอวพอดี ร่างตะวันฉายล้มลงอีกครั้ง
ชัชชัยยกปืนเล็งนัดที่สอง ปรากฎว่ากระสุนถากตะวันฉายไป ตะวันฉายออกแรงคลานหนี
“ระยำ”
คิมูระมองมาที่บูรพา ขณะบูรพามองไปที่ยากูซ่า2
“หมดเวลาแล้ว คุณคิมูระ เกมนี้จบลงแล้ว”
คิมูระยิ้มชั่ว พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ยากูซ่า2 แปลให้ตามธรรมเนียม
“คุณคิมูระว่าเกมยังไม่จบ เพราะผมกับเพื่อนยังไม่ได้เล่น”
ยากูซ่า1 เตรียมกระสุนให้เหลือสามนัด กะจะยิงตะวันฉาย บูรพาใจหายวับ หน้าเสียรีบตัดบท
“ถ้างั้นก็ไม่ต้อง ผมจัดการเอง”
คิมูระอนุญาต บูรพาเดินไปหาตะวันฉายไม่สนใจรักษากติกาอะไรแล้ว
ส่วนตะวันฉายกำลังคลานหนีอย่างลำบากยากเย็น พยายามชันกายขึ้นยืน
บูรพาเดินใกล้เข้าไป มือง้างนกปืน บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน เหมือนเป็นบทสรุปของโศกนาฏกรรมอีกบทหนึ่งในชีวิต
ตะวันฉายยืนขึ้น โงนเงนไปมา หันมาเห็นบูรพาเดินมาประชิดตน และยกด้ามปืนหวดเข้าเต็มขมับ ร่างตะวันฉายเซลงคุกเข่า บูรพากดปืนจ่อที่หว่างคิ้ว
“หลับตา”
ตะวันฉายหลับตาลงอย่างเตรียมใจพร้อมรับความตาย ที่น้องชายเป็นผู้หยิบยื่นให้
แววตาบูรพาดูอำมหิตผิดมนุษย์ ก่อนจะเล็งปืน แต่ลดปากกระบอกปืนลงที่หัวไหล่ ตรงใกล้ๆ คอ แรงกระสุนดีดร่างตะวันฉายหงายผลึงไปกับพื้น
บูรพายืนมองเห็นคิมูระกับชัชชัยตามมาสมทบ คิมูระเห็นตะวันฉายนอนเลือดท่วมคอก็พอใจเอ่ยชมบูรพาก่อนจะผละไป
“ไนซ์ ช็อต”
ชัชชัยมองร่างตะวันฉายและมองบูรพาอย่างเคลือบแคลง
“ทำไมต้องยิงคอด้วยวะ”
“ตายช้าๆ ไม่ทรมานกว่าหรือไง”
ระหว่างนี้ ที่จุดซุ่มดูของทัศน์ เขากำลังมองเหตุการณ์ผ่านกล้องส่องทางไกล เห็นคิมูระกับชัชชัยเดินกลับไปขึ้นรถ ส่วนบูรพายังยืนดูร่างของตะวันฉายอยู่
บูรพาเหลือบดูด้วยหางตา จนแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกต จึงหยิบมือถือมากดหมายเลข และโยนทิ้งไว้ข้างตัวตะวันฉาย ทัศน์สังเกตเห็นเข้าก็ประหลาดใจและสนใจ เขาเฝ้ามองดูอีกสักระยะ จนเห็นรถของคิมูระและบูรพาแล่นไปจากที่นั่น
“อะไรของมันวะ หรือว่ามันเป็นสายตำรวจจริงๆ”
ตะวันฉายนอนเลือดท่วม เหลือบมองมาที่โทรศัพท์ แล้วมองตามรถบูรพาไป
ในรถที่ห้อทะยานมาราวกับจะบินนั้น โทรศัพท์มือถือของเสือดังขึ้น เสือหันไปบอกยักษ์
“ยักษ์ รับโทรศัพท์แทนที”
ยักษ์รับสาย “ฮัลโหล ใครวะ เอ้าเงียบอยู่ได้ คนกำลังยุ่งอยู่นะโว๊ย”
เสียงตะวันฉายดังออกมาเบาหวิว “ผมเอง”
“ผู้หมวด ผู้หมวดอยู่ที่ไหน” ยักษ์ตกใจสุดขีด “ว่าไงนะครับ”
รถเสือแล่นเลี้ยวเปลี่ยนทางกะทันหัน คล้ายกับได้รู้จุดหมายใหม่
เร็วเท่าที่จะเร็วได้ ประตูฉุกเฉินผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเปิดผลัวะ เห็นเสือ ยักษ์ จ่าส่งช่วยกันเข็นเตียงนำเข้ามา โดยมีบุรุษพยาบาลวิ่งตามมาติดๆ ใจร้อนมาก กลัวถึงมือหมอไม่ทัน
ตะวันฉายหายใจแผ่วๆ เลือดจากบาดแผลไหลเป็นวงกว้างชุ่มเตียง ในสายตาอันพร่าเลือนตะวันฉายเห็นผู้คนรอบตัววุ่นวายโกลาหลเป็นการใหญ่
“ตามหมอมาเร็ว” เสือตะโกน
ยักษ์หันมาปลอบ “ผู้หมวด ทำใจดีๆ ไว้นะครับ”
“ผู้หมวด แข็งใจไว้ก่อน ลืมตาไว้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะครับหมวด”
คำพูดของจ่าบุญส่ง เป็นข้อความสุดท้ายที่ตะวันฉายได้ยิน ก่อนสติของเขาจะดับวูบลงไป
กลางดึก บ้านจ่าเวศตกอยู่ในความมืด จนกระทั่งได้ยินเสียงกดกริ่ง และเสียงเรียกของเสือดังมาจากหน้าบ้าน
“คุณลุง..คุณลุงครับ คุณลุง”
จ่าเวศเข็นรถเข็นมาที่หน้าประตู ร้องถามออกไป โดยยังไม่ยอมเปิดประตูเพราะกลัวจะเป็นคนร้าย
“นั่นใคร”
“ผมดาบเสือครับ ผมเป็นลูกน้องผู้หมวดตะวันฉาย”
จ่าเวศจึงยอมเปิดประตูออกไปดู เห็นเสือยืนอยู่ข้างรถที่จอดหน้าบ้าน
“ดาบเสือหรอ มีอะไรถึงมาค่ำมืดดึกดื่นป่านนี้” พลันนึกขึ้นได้ “แล้วเจ้าฉายแล้วล่ะ เจ้าฉายอยู่ที่ไหน”
เสืออึดอัดเต็มทน “ผู้หมวดถูกยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
จ่าเวศตกใจ “อะไรนะ เจ้าฉายถูกยิง”
ยักษ์กับบุญส่งนั่งรอคอตกอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ทั้งสองยังอยู่ในชุดเดิม ท่าทางยังไม่ได้พักผ่อนทั้งคู่ ยักษ์ได้ยินเสียงรถเข็นใกล้เข้ามาจึงมองไป บุญส่งมองตาม ทั้งสองยืนขึ้น
เสือเข็นรถเข็นพาจ่าเวศเข้ามา จ่าเวศมีสีหน้าร้อนรนใจมากๆ
“อาการเป็นยังไงบ้าง”
“หมอกำลังผ่ากระสุนอยู่ครับ อีกสักครู่ก็คงออกมาแล้ว” ยักษ์บอก
“จับตัวคนร้ายได้รึเปล่า”
ทุกคนเงียบกันหมด จ่าเวศทั้งแค้นใจ ทั้งเสียใจ
“ไอ้พวกวายร้าย ไอ้พวกเดรัจฉาน ขอให้กรรมตามสนองมันตายไปขอให้นรกไม่ต้องผุดต้องเกิด โธ่เจ้าฉาย ลูกพ่อ”
เสือ ยักษ์ และจ่าบุญส่งเฝ้ามองจ่าเวศด้วยความสงสาร ยังไม่ทันจะปลอบใจหมอก็เปิดประตูออกมาก่อน
ยักษ์รีบถาม “ผู้หมวดเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แผลที่บริเวณช่องท้องกับที่ต้นขา ไม่สาหัสเท่าไหร่ แต่ตรงหัวไหล่ คงต้องพักฟื้นอีกสักระยะเพราะการใช้แขนอาจจะมีปัญหา” หมอบอก
“แล้วตอนนี้เยี่ยมได้มั้ยครับ” จ่าเวศถาม
“คงทำได้แค่เข้าไปดูอาการ เข้าเยี่ยมคงไม่ได้ เพราะคนไข้ยังไม่รู้สึกตัวเลยครับ”
ทุกคนมองไปที่ห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วง จ่าเวศมีทางร้อนรนอยากเข้าไปเยี่ยมลูก
เห็นตะวันฉายขาโยงด้วยสายยางระเกะระกะ เครื่องช่วยหายใจดังฟืดฟาด ภาพแพนไปฝั่งตรงข้ามเห็นจ่าเวศกับยักษ์ เสือและจ่าส่ง มองทะลุห้องกระจกด้วยความห่วงใย
คืนนั้น เมื่อบูรพาเดินกลับเข้ามาในไนต์คลับพร้อมชัชชัยและไอ้ปอด แต่ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อพบว่าไนต์คลับไม่ได้เปิดทำการ ภายในมีเสี่ยเจริญยืนรออยู่กับลูกสมุน ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ จ๊อดถูกคุมตัวไว้ แม้จะไม่ได้พันธนาการท่าทางยังปลอดภัยอยู่ แต่ก็ตกอยู่ในวงล้อมของสมุนคนอื่น
“ป๋า นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”
“ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอถ้างานนี้มีอะไรผิดพลาดแกจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
“แกต้องตอบคำถามของฉันให้ได้บูรพาตำรวจมาจากไหน ข่าวการนัดพบของเรารั่วไหลได้ยังไง”
“ตำรวจนั่นตามรอยมาทางคิมูระ คนที่ต้องรับผิดชอบควรจะเป็นเค้าต่างหาก”
“แต่คิมูระเพิ่งโทรมาบอกฉัน เค้าได้ข่าวมาอย่างชัดเจนว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในฝ่ายเรา และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือแก”
“ใครเป็นคนให้ข่าว”
ชัชชัยกลัวเรื่องวกเข้าตัว รีบชักปืนจ่อหัวบูรพาเพื่อเบนความสนใจ
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกน่า แกต่างหากจะแก้ตัวว่ายังไง”
จ๊อดแทรกขึ้น “คุณชัช คนอย่างไอ้บูรพามันไม่มีทางเนรคุณป๋าเด็ดขาด”
ชัชสวนทันควัน “มึงรู้ได้ไง หรือมึงเป็นสายตำรวจอีกคน”
“อ้าวเฮ้ย งี้มันหาเรื่องใส่ความกันนี่หว่า”
จ๊อดฮึดฮัดจะลุกขึ้น แต่ถูกไอ้ปอดเอาปืนจ่อไว้อีกคน จ๊อดคิดๆดูแล้วเห็นว่านั่งลงดีกว่า
บูรพาหันไปบอกกับเสี่ยเจริญอย่างร้อนรน
“ป๋า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผมเป็นพวกตำรวจล่ะก็ ป๋ายิงผมได้เลยแต่ขออย่างเดียว อย่าให้เพื่อนของผมต้องมาเดือดร้อนเพราะคำกล่าวหาลอยๆ แบบนี้”
“คนอย่างฉันทำอะไรมีหลักการ รับรองไม่ตัดสินความปรักปรำใครง่ายๆ เด็ดขาด” เสี่ยใช้ความคิด “งานของเรามาถึงขั้นนี้ สารตั้งต้นก็ได้มาแล้ว ดังนั้นทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไป แต่ในระหว่างนี้ไอ้จ๊อดต้องถูกคุมตัวเอาไว้เพื่อเป็นนายประกันแทนแก”
“ป๋า แต่ไอ้จ๊อดไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
เสี่ยเจริญมองบูรพาก่อนจะขยับไปใกล้ ริบปืนของเขามาถือไว้
“นี่เป็นทางออกที่รอมชอมที่สุดแล้วสำหรับแก บูรพา จ๊อดจะถูกกักตัวจนกว่าฉันจะสืบสาวเรื่องนี้เรียบร้อย ระหว่างนี้แกดูแลเรื่องการผลิตยาต่อไป แต่การตัดสินใจทุกอย่างฉันจะยกอำนาจให้ชัชชัยเป็นคนจัดการแทน”
ชัชชัยหันมาขยับมือยิบยับให้บูรพา บูรพาไม่ใส่ใจเพราะห่วงแต่จ๊อดเท่านั้น
เสี่ยเจริญนั่งจิบเครื่องดื่มฟังเพลงจากนักร้องคนโปรด อรวี สัจจานนท์ อยู่เงียบๆ ริมสระ ท่าทางดูเหงาๆ ห่างออกไปมีสมุนคอยเดินไปมารักษาความปลอดภัยเต็มขั้น
“ที่ผ่านมาเด็กของเราทุกคน ใครที่ถูกจับได้ว่ามีเอี่ยวกับตำรวจ จะต้องถูกป๋าลงโทษขั้นรุนแรงเสมอ” เจิมฉัตรเอ่ยขึ้น
“ฉันรู้
เมื่อเหล้าในแก้วพร่อง เจิมฉัตรก็รินเติมให้
“แต่กับบูรพาป๋าไม่ได้ทำอย่างนั้น ระวังเด็กๆ ของเราจะไม่พอใจเอานะคะป๋า”
เสี่ยเจริญฉุน “ใครกันแน่ที่ไม่พอใจ ฉันว่าคงมีแต่เจ้าชัชเท่านั้นแหละที่หงุดหงิดเรื่องนี้ เธออย่าห่วงเลยเจิมฉัตร ฉันเตรียมแผนจัดการเอาไว้แล้ว ถ้าบูรพามันคิดไม่ซื่อจริงๆ รับรองว่ามันต้องเสร็จฉันแน่”
เจิมฉัตรได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ แกล้งทำออเซาะ
“ถ้างั้นป๋าจะมัวมานั่งกลุ้มอยู่ทำไมอีกล่ะคะ รีบเข้านอนไม่ดีกว่าเหรอ นี่ก็ดึกมากแล้วนะคะ”
“ฉันนอนไม่หลับ เจิมฉัตร เธอยังสาว คงไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้” เสี่ยเจริญพึมพำ “การถูกคนที่เราไว้ใจหักหลังครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบค่อนชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่ควรยินดีเลย”
“ป๋ายังมีเจิมนะคะ เจิมภักดีต่อป๋าเสมอ”
“จริงเหรอ”
เจิมฉัตรดึงมือเสี่ยเจริญมาแนบแก้ม จุมพิตราวกับข้าทาสสัตย์ซื่อ
“อย่าลืมสิคะ ป๋าเป็นผู้มีพระคุณของเจิม เป็นคนชุบเลี้ยงเจิมมา เจิมจะทรยศได้ยังไง”
เสี่ยเจริญลูบหัวเจิมฉัตรอย่างนึกอุ่นใจ
รุ่งเช้า มองผ่านกระจกสตูดิโอเข้าไป เห็นปูกำลังนั่งทำบัญชีอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ในขณะที่ธิชากำลังฉีดสเปรย์รดน้ำต้นไม้อยู่ จนพอปูอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็ร้องเรียกธิชาเสียงดังลั่น
“ธิชา อ่านข่าวนี้ยัง”
ธิชาออกมารับ และเปิดคลี่ดูหัวข่าว
“นี่แกดูสิ มีข่าวผู้หมวดสุดหล่อของแกโดนยิง” ปูชี้พาดหัว
ธิชามองรูปประกอบข่าวเป็นรูปตะวันฉายลงเด่นหราอยู่หน้าหนึ่ง “ดับยอดมือปราบ จ่อเผาขนสามนัดซ้อนปางตาย”
ธิชาใจหายวับ “ตะวันฉาย”
โจกระวีกระวาดแต่งตัวสะพายกระเป๋าจะออกไปข้างนอก และไม่ลืมพรมน้ำหอมที่ต้นคอหลังหู
“พรมซะหน่อย ผู้หมวดจะได้สดชื่น”
โจคว้าม้วนหนังสือพิมพ์ขยับจะออกไป แต่พอดีตุ๊กเพิ่งซื้อโจ๊ก ปลาท่องโก๋ กลับมาเห็นเข้า
“อีโจ มึงจะรีบไปไหน”
ตุ๊กเหล่มองหนังสือพิมพ์ในมือโจก็เริ่มเดาออก
“แหม หนังสือพิมพ์ยังไม่ทันวางก็วิ่งหน้าตั้งมาเชียวนะมึง”
“ก็ หน้าบันเทิงมึงไม่เห็นข่าวเหรอ กูจะไปสมัคร เดอะ สตาร์”
ตุ๊กไม่เชื่อ “อย่างมึงเนี่ยนะจะไปสมัคร เดอะ สตาร์ มึงอย่ามาอ้อล้อ กูอ่านจากที่ตลาดมาแล้ว มึงจะไปเยี่ยมไอ้ตำรวจที่ถูกยิงนั่นใช่มั้ย”
“เอาอะไรมาพูด ตำหร่งตำรวจอะไรอีกวะ เหลวไหลว่ะบอกว่าไม่ได้เป็นสายก็ไม่ได้เป็นสิวะ”
โจลื่นผ่านตุ๊กออกไปจนได้ ตุ๊กตะโกนตาม
“รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจนะอีโจ คอยดู มึงถูกจับได้ น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า”
เสือจอดรถรอโจอยู่ที่สนามเด็กเล่น จนเห็นโจรีบวิ่งแนบมาขึ้นรถ
“รอนานมั้ยเสือ”
“อื้อหือ…” เสือเปิดกระจก “ไปถูกหมาที่ไหนเยี่ยวรดมาเหรอคุณโจ”
“นี่ ปัสสาวะหมาอะไรของนาย น้ำหอมขวดนี้แพงนะยะ หุ้นกันซื้อกับนังตุ๊กขวดล่ะตั้ง 250
ผู้หมวดอาการเป็นยังไงบ้าง”
เสือเอามืออุดจมูก “ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อคืนหมอยังไม่ได้ให้เยี่ยมเลย ตกลงจะไปโรงบาลกันเลยรึเปล่า”
“ไปที่ตลาด แวะซื้อของเยี่ยมก่อน”
เสือพยักหน้าแล้วออกรถไป ตุ๊กแอบซุ่มดูอยู่ เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น
“โจเอ๊ยโจ จับได้คาหนังคาเขาเลยมึง”
ด้านจ่าเวศนั่งหน้าขรึมเฝ้าอาการของตะวันฉายอยู่ข้างเตียง นึกโกรธอยู่ในใจว่าใครที่ยิงลูกตน
“เสียดายว่าตัวเองเกษียณ ไม่อย่างนั้นลุงต้องออกไปลากคอไอ้วายร้ายที่ยิงเจ้าฉายมาให้ได้” ยิ่งพูดจ่ายิ่งแค้น “ไอ้พวกหนักแผ่นดิน ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านยังไม่พอ มันยังกำแหงกล้ายิงได้กระทั่งตำรวจ”
“ทำใจดีๆ ไว้ก่อนเถอะครับคุณลุง เห็นหมอบอกว่าผู้หมวดพ้นขีดอันตรายแล้ว ถ้ายังไงอีกเดี๋ยวก็คงจะฟื้น” ยักษ์ปลอบ
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ นี่ถ้าเจ้าฉายมันเป็นอะไรไปลุงคง”
จ่าเวศหน้าสลด ยักษ์สงสาร
“ผู้หมวดไม่มีญาติคนอื่นเลยหรือครับ”
“มีแต่ญาติห่างๆ แล้วก็น้องชายอีกคนนึง”
บุญส่งงง “น้อง ผู้หมวดมีน้องชายด้วยหรือครับ”
“มีสิ อายุไล่เลี่ยกันนี่ล่ะ ตอนเด็กๆ แสบพอๆ กันเลย แม่เค้าตั้งชื่อไว้คล้องกันว่าบูร...”
ตะวันฉายรู้สึกตัว ครางออกมาว่า “พ่อ”
จ่าเวศตื่นเต้น “ฉาย เจ้าฉายรู้สึกตัวแล้วหรือลูก แกเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” จ่าบอกยักษ์ “หลานชายช่วยออกไปตามหมอที บอกว่าผู้หมวดตะวันฉายฟื้นแล้ว”
“ครับผม”
ยักษ์รีบลนลานออกไป จ่าเวศรีบปลอบลูก
“ฉาย ไม่เป็นไรนะลูก ปลอดภัยแล้วนะ”
ถัดมาประตูห้องเปิดออก บุญส่งผายมือเชิญธิชาที่ถือช่อดอกไม้เข้ามา
“เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ยักษ์ปิดประตู ธิชามองไปเห็นตะวันฉายนอนอยู่บนเตียง ร่างกายยังมีสายน้ำเกลือระโยงระยางก็สงสาร ตะวันฉายยิ้มให้ธิชาท่าทางยังเพลียๆอยู่ โดยมีจ่าเวศนั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างๆ
“สวัสดีค่ะผู้หมวด”
ธิชามองมาที่จ่าเวศ
ตะวันฉายเลยแนะนำ “นี่คุณพ่อผม พ่อครับนี่ธิชา เป็น…เป็นเพื่อนผมเอง”
ธิชาไหว้ “สวัสดีค่ะคุณลุง”
จ่าเวศรับไหว้ยิ้มเป็นมิตรให้ “จ้ะ ตามสบายนะหนู แจกันอยู่ทางโน้นแน่ะ”
“ค่ะ”
ธิชาคว้าแจกันไปเติมน้ำในห้องน้ำ จ่าเวศแอบกระซิบกับตะวันฉาย
“เฮ้ย ตาถึงนี่หว่า ทำไมไม่พาไปเจอพ่อที่บ้านบ้างวะเจ้าฉาย”
“พ่อ คุณธิชาเค้าเป็นแค่เพื่อนผมเท่านั้นเอง”
ธิชาได้ยินเสียงจ่าเวศกระซิบลูกชายเรื่องตนก็ยิ้มขำ
“แกไม่ต้องมาปิดพ่อเจ้าฉาย ชิชะๆ เขินล่ะสิท่า”
จ่าเวศคาดคั้นกับตะวันฉาย
“ขาวๆ แบบนี้ โหงวเฮ้งเมียตำรวจแหงๆ”
ตะวันฉายหน้าเสียมองไปที่ธิชา ที่เดินออกมาและพอได้ยินเข้าก็สลดวูบ ตะวันฉายนึกสงสารธิชา จ่าเวศไม่เข้าใจสถานการณ์เห็นต่างคนต่างเงียบก็เลยเปิดโอกาสให้
“พ่อออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บนึงนะ” จ่ายิ้มให้ธิชา “ฝากเจ้าฉายด้วยนะหนู”
เวลาผ่านไปอีกหน่อย ธิชานั่งเฝ้าไข้ตะวันฉาย สายตาของเธอจับจ้องที่บาดแผลของเขา
“คุณพ่อของคุณน่ารักนะคะ”
“ผมไม่ได้เห็นพ่อยิ้มนานแล้ว”
“ฉันดีใจมากที่คุณปลอดภัย”
“จริงหรอครับ”
“ได้ตัวคนร้ายที่ยิงคุณรึเปล่าคะ”
ตะวันฉายส่ายหน้า
“เมื่อเช้านี้ฉันอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคดีของเสี่ยเจริญ” ธิชามองหน้าตะวันฉาย “คนร้ายคงไม่ใช่…”
ตะวันฉายรีบแทรก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบูรพา คุณวางใจเถอะ ผมไม่ได้เจอเค้าในที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ”
ธิชากังวลใจไม่หาย “จริงๆเหรอคะ แต่ตอนแรกที่คุณตามคดีนี้คุณบอกว่าคนที่คุณกำลังจะจับเป็นเค้า”
“เค้ายังโชคดี ถ้าคุณเจอเค้าก็ฝากด้วยก็แล้วกันว่าผมขอร้อง อย่าทำให้พ่อต้องเสียมากไปกว่านี้”
ธิชาพยักหน้า ยิ้มบางๆ ด้วยความโล่งอก โดยไม่ทันเห็นว่าสีหน้าตะวันฉายเครียดจัด
อ่านต่อตอนที่ 9