xs
xsm
sm
md
lg

ทร.และ ตร.น้ำภูเก็ต ช่วยลูกเรือปลอดภัยทั้งหมด กัปตันเผยเกาะฝาลังเอาชีวิตรอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทัพเรือภาคที่ 3 และตำรวจน้ำภูเก็ต ร่วมกันช่วยเหลือลูกเรือที่ประสบเหตุเรือล่มกลางทะเลได้อย่างปลอดภัย ทั้งเรือบรรทุกสินค้า และเรือเบ็ดราว ด้านกัปตันเผยนาทีรอดตายเกาะฝาลังน้ำแข็งพลาสติกเอาชีวิตรอดจนได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยทั้ง 6 คน

มื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (8 ก.ค.) เรือตรวจการณ์ ต.814 ควบคุมเรือโดย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต ได้นำลูกเรือของเรือขนส่งสินค้ากัมพูชา 7 คน ที่ประสบเหตุเรือขนโขดหินที่บริเวณหัวเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต มาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่ง ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งเรือลำดังกล่าวประสบเหตุชนโขดหิน ทำให้เรือรั่ว ที่บริเวณเกาะเฮ ม.3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และมีลูกเรือ 10 คน ติดลอยคออยู่ในทะเลเมื่อช่วงสายของวันนี้

พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง ผกก.3 กก.8 บก.รน. กล่าวว่า เรือขนส่งลำดังกล่าว ได้เดินทางมาจากประเทศพม่า เพื่อไปประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อเจอคลื่นสูงทำให้กัปตันเรือตัดสินใจนำเรือเข้าหลบคลื่นบริเวณปลายเกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต แต่ระหว่างนำเรือเข้าหลบคลื่นทางกัปตันเรือไม่ทราบว่า บริเวณดังกล่าวมีหินโสกโครกเป็นจำนวนมาก ทำให้ชนหินโสโครกเข้าอย่างแรง และน้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็ว ลูกเรือก็ได้ลอยอยู่ในทะเลเพื่อรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ลูกเรือลำดังกล่าวเป็นชาวอินโดนีเซีย 6 คน และเป็นชาวพม่า 4 คน ซึ่งทุกคนปลอดภัย แต่ทางแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้ง 10 ราย

ต่อมา เมื่อเวลา 13.20 น. วันเดียวกัน เรือหลวงชลบุรี นำโดย นาวาตรีภัณฑภณ ศกุระรงคะ ผู้บังคับเรือหลวงชลบุรี และเจ้าหน้าที่ทัพเรือได้ให้การช่วยเหลือลูกเรือประมงเบ็ดราว ชื่อ “นาวายุทธกิจ 1” จำนวน 6 คน ที่ถูกคลื่นซัดใกล้อับปาง เหตุเกิดห่างเกาะราชาน้อย ม.3 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ออกไปทางทิศตะวันออก 16 ไมล์ทะเลเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยได้นำมาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยฯ โดยมีทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ สำหรับลูกเรือประมงเป็นคนไทย 3 คน และแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 3 คน

นายพนม แสงจันทร์ อายุ 38 ปี กัปตันเรือเบ็ดราวชื่อ “นาวายุทธกิจ 1” เปิดเผยนาทีชีวิตว่า ได้ออกเรือจากท่าเทียบเรือรัษฎา ต.รัษฎา เมืองภูเก็ต เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) พร้อมคนในเรือรวม 6 คน เพื่อไปหาปลาที่หน้าเกาะราชาใหญ่ เมื่อเรือถึงบริเวณหน้าเกาะโหลน ได้เกิดคลื่นลมแรงไม่สามารถขับเรือฝ่าคลื่นไปได้ จึงเข้าหลบบริเวณหลังเกาะโหลน ระหว่างนั้นเรือน้ำมันใกล้หมดจึงเดินเรือไปเติมน้ำมันจากเรืออีกลำหนึ่งที่อยู่บริเวณใกล้กัน และได้กลับมาหลบคลื่นที่เกาะโหลนเช่นเดิม และบอกทุกคนอย่าปล่อยมือจากฝาลังเด็ดขาด ระหว่างนั้นก็ถูกคลื่นซัดไปมาอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จนใกล้หมดแรง และเห็นเฮลิคอปเตอร์ของเจ้าหน้าที่บินวนอยู่ จึงพยายามโบกมือขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่มองไม่เห็น แต่ไม่นาน เรือหลวงชลบุรี ได้วิ่งเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

กระทั่งเช้าวันนี้ ได้นำเรือออกจากเกาะโหลนมุ่งหน้าไปเกาะราชาใหญ่ เพื่อหาปลาอีกครั้ง แต่คลื่นลมแรง และได้ซัดเข้าบริเวณด้านท้ายเรือทำให้เรือแตก น้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็ว จึงประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่และเรือที่อยู่ใกล้เคียง ตนและลูกเรืออีก 5 คน จึงได้ตัดสินใจเกาะฝาลังน้ำแข็งพลาสติก เพื่อเอาชีวิตรอด

ทางด้าน นาวาตรีภัณฑภณ ศกุระรงคะ ผู้บังคับเรือหลวงชลบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับการประสานงานจากผู้บังคับบัญชา พล.ร.ท.สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ว่าให้ออกช่วยเรือประมงเบ็ดราวที่อับปางกลางทะเล จึงนำเรือออกมาทำการช่วยเหลือ และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตามที่ได้แจ้งพิกัดไว้ ปรากฏว่า ไม่เจอผู้ประสบเหตุ เจอแต่ซากเรือลอยเกลื่อนอยู่กลางทะเล จึงให้เจ้าหน้าที่บนเรือใช้กล้องส่องทางไกลค้นหา และพบผู้ประสบภัยเกาะฝาพลาสติกอยู่ 6 คน โดยห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 ไมล์ทะเล จึงนำเรือเข้าไปช่วยเหลือ โดยใช้เชือกโยนไปให้ผู้ประสบภัยจับ จากนั้นให้นักประดาน้ำนำเสื้อชูชีพลงไปให้ผู้ประสบภัยสวมก่อนนำทั้งหมดขึ้นเรือ และนำขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

พล.ร.ท.สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงความพร้อมในการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลในพื้นที่อันดามัน ว่า ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 3 นั้น พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ขอให้ผู้ที่จะต้องประกอบกิจกรรมทางทะเลในช่วงที่มีการประกาศเตือนเกี่ยวกับสภาพคลื่นลมว่ามีความรุนแรงก็ควรจะเชื่อฟัง และติดตามข่าวอากาศอย่างต่อเนื่อง

“กรณีที่เกิดเหตุทางทะเลในระยะนี้จะใช้กำลังทางอากาศเป็นหลัก เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง โดยใช้เครื่องบินลาดตระเวนแบบดอร์เนียร์ 1 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ เมื่อสภาพคลื่นลมเบาลงก็ได้สั่งการให้เพิ่มจำนวนเรือเข้ามาร่วมปฏิบัติภารกิจด้วย คือ เรือหลวงชลบุรี โดยร่วมกับหน่วยงานในเครือข่าย”

พล.ร.ท.สายันต์ กล่าวว่า ปัญหาอุปสรรคในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ หากมีฝนตกหนัก และคลื่นลมแรงจะทำให้การทำงานลำบาก เนื่องจากเรือไม่สามารถออกได้ ขณะเดียวกัน อากาศยานก็มีจำกัดในเรื่องของทัศนวิสัยในการขึ้นต้นหา สิ่งที่กังวลคือ การที่ไม่สามารถค้นหาผู้ประสบภัยได้ในเวลาอันสั้นทำให้ญาติพี่น้องมีความทุกข์ใจ

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น