“ประยุทธ์” ประชุม กพย. พัฒนาชาติ 20 ปี เพิ่มเป็น 17 เป้าประสงค์ พัฒนาอย่างยั่งยืนให้ไทยหลุดประเทศรายได้ต่ำ หนุนภาค ปชช. เข้มแข็ง ย้อนปรับวัตกรรมน้อย ทำการแข่งขันลดลง ตั้งอนุกก. ให้ดำเนินการให้ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ รธน. วาง 3 เป้าปรองดอง พิจารณาคนที่เข้ากระบวนการ ไม่เอาคนหลบหนี ยึด กม. กร้าวอย่าขู่ ดัก อ้างสิทธิฯไม่ได้ให้ทำผิด กม. มีบ่นวันนี้ทำงานแยะ ต้องอธิบายขับเคลื่อนจี 77 สั่ง กต. ทำแผน
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ว่า การประชุมนี้เพื่อการเตรียมการพัฒนาประเทศในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ หรือแผนการปฏิบัติงานสหประชาชาติที่ตนได้ไปประชุมมา ซึ่งจากเดิมทั้งหมด 8 เป้าประสงค์ 167 ทาเก็ต ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา วันนี้เพิ่มเป็น 17 เป้าประสงค์ ซึ่งมีหลายสาขาที่จะต้องพัฒนาร่วมกันให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เป็นการพัฒนาสหัสวรรษต่อไป เพื่อเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งตนได้ใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อธิบายให้นานาประเทศรับทราบว่าเราดำเนินการอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ต่ำเป็นประเทศรายได้ปานกลาง โดยส่งเสริมภาคประชาชนให้เกิดความเข้มแข็ง ช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและหลุดพ้นความยากจนมาได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นการปรับปรุงเศรษฐกิจแนวใหม่ของประเทศไทย มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น กระทั่งมีโรงงานต่าง ๆ ทำให้เราหลุดพ้นความยากจน แต่วันนี้ปัญหาของเรา คือ จากวันนั้นถึงวันนี้เราไม่เคยจัดทำแผนเศรษฐกิจพัฒนาที่ยั่งยืน จึงทำให้เศรษฐกิจที่เราเริ่มมาแล้ว 30 ปี มีการปรับปรุงให้เกิดความทันสมัย มีการใช้เทคโนโลยี วิจัยพัฒนา สร้างนวัตกรรมน้อยมาก จึงทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง ขณะเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รอบบ้าน เขามีตัวเลขในการพัฒนาสูงขึ้น เพราะเขาพัฒนาจากฐานที่พัฒนามาน้อยกว่าเราในช่วงอดีตที่ผ่านมา เพราะเราเป็นฐานการลงทุนมาก่อน แต่วันนี้ฐานการลงทุนเปลี่ยนไปเพราะสิทธิประโยชน์ ในประเทศเพื่อนบ้านเขาให้มากขึ้น ขณะที่เราติดขัดหลาย ๆ อย่างให้ไม่ได้ขนาดนั้น ฉะนั้น วันนี้เราต้องปรับเศรษฐกิจของเราใหม่ ฉะนั้น การจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนใน 3 เสาหลักสอดคล้องสหประชาชาติ คือสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ตรงนี้ต้องดำเนินการให้ได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ในที่ประชุมได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อที่จะดำเนินการให้ได้ และจะต้องเดินยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยใน 20 ปีข้างหน้าให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งมีประมาณ 6 ด้าน แต่จะเดินได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญที่จะเขียนออกมา และทำให้เกิดกลไกในการขับเคลื่อนต่อจากที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งวันหน้าต้องทำทั้งเรื่องการบริหาราชการแผ่นเดินในแนวใหม่ มีการบูรณาการ พัฒนาอย่างยั่งยืน และการสร้างความปรองดอง สร้างความสามัคคีคนในชาติ สร้างอุดมการณ์ อันนี้คือปรองดองอันที่หนึ่ง ส่วนปรองดองที่สองเป็นเรื่องของคดีความทางการเมืองต่าง ๆ เป็นปรองดองสองอย่างที่ต้องทำต่อในวันหน้า
“สำหรับการปรองดองของคดีที่ว่ากันในเรื่องนิรโทษกรรมที่พูดกัน ผมยังไม่รู้ว่าจะไปได้แค่ไหน แต่ผมวางเป้าหมายหลัก ๆ ไว้ หนึ่งสองสาม โดยระยะที่หนึ่ง คือ คนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมีการตัดสินแล้ว อันนี้ต้องพิจารณาก่อน อันที่สองที่กำลังอยู่ในกระบวนการเมื่อได้ข้อยุติมาแล้วก็นำมาพิจารณาต่อ ส่วนที่สามใครที่ยังหลบหนีอยู่ไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมก็ปรองดองไม่ได้อยู่แล้ว มันต้องเอากฎหมายมาเป็นเกณฑ์ไม่ใช่เอาตามความพอใจ ผมไม่ชอบให้ใครมาขู่ว่าถ้าไม่ปรองดองแล้วไม่สงบ ก็ลองดูสิ กฎหมายเขามีไว้ทำอะไร มีไว้ให้ดูถูก มีไว้ให้เล่นเหรอ” นายกฯกล่าว พร้อมกับถามสื่อว่า อยากปรองดองไหม อยากให้บ้านเมืองสงบหรือไม่ อ้าวไม่ตอบ ๆ อยากไหม อยากแล้วต้องทำยังไง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาอยู่ตรงที่คนไม่รับขบวนการตัดสินแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า อยู่ต่างประเทศแล้วในประเทศไม่มีเลย หรือที่ไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎหมาย พอจะทำอะไรก็อ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิทธิมนุษยชนไม่ได้หมายความว่าให้คนทำผิดกฎหมายได้ แต่สิทธิมนุษยชนเขาทำให้ดูแลสิทธิของผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิด ถูกรังแก และเป็นไปตามประชาคมโลก แต่บ้านเรามีกฎหมายอยู่ ถ้ากฎหมายประกาศไปแล้วถ้าทำผิดก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่พอทำไม่ได้เพราะไม่ชอบทำตามกฎหมายทุกคนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียม ทำอะไรก็ได้ เสรีภาพทุกอย่าง
“ถ้าแบบนี้ไม่มีทำอะไรได้ทุกเรื่อง พัฒนาอะไรก็ไม่ได้ เศรษฐกิจมันก็เป็นอยู่อย่างนี้ แก้ไม่ได้ วันข้างหน้าก็เป็นอยู่อย่างนี้ แถมความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นมาอีก เพราะไม่ยุติกันทุกคนไม่มอง ไม่นึกถึงประเทศชาติมันก็จบแค่นี้ มันมีคนสองข้างทะเลาะกันอยู่แล้ว ข้างที่สามก็มาประชาธิปไตย สรุปก็เหมือนเดิม และจะเอายังไงกับผมก็ไม่รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พร้อมกับถามสื่อว่าจะเอาอะไรอีกล่ะ ขณะที่สื่อตอบว่า พอแล้ว ทำให้นายกฯถึงกับกล่าวว่า “เอ้อ ขอบคุณเว้ย วันนี้ทำงานเยอะแล้ว เมื่อเช้าก็ประชุมเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอะไรมาเยอะแยะ การประชุมวันนี้ได้บอกไปว่าต้องอธิบายให้สังคมโลกเข้าใจเรื่องการขับเคลื่อนจี 77 โดยวันนี้ได้สั่งการกระทรวงการต่างประเทศให้เป็นหลักในการจัดทำแผน ทำโรดแมปว่าเราจะประชุมกับเขาอย่างไร ขับเคลื่อนด้วยวิธีไหน เข้าใจไหม” นายกฯกล่าวพร้อมกับโค้งตัว ขอบคุณครับ