คณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทยเชียร์แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล อ้างเป็นแนวทางเดียวกับทักษิโณมิกส์ ขณะเดียวกัน ห่วง “สมคิด” ตีโจทย์ไม่แตก เมินพึ่งพาการส่งออก อ้างเป็นเสาหลักเสื่อมจะเกิดปัญหาแน่ ชี้ตัวเลขทุกด้านลด เพราะต่างชาติไม่ยอมรับระบบการปกครองของไทยขณะนี้ แถมร่าง รธน.ใหม่ไม่เป็นประชาธิปไตย
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาทของรัฐบาลว่า ถือเป็นแนวทางเดียวกับแนวเศรษฐกิจที่สื่อต่างประเทศเรียกว่าทักษิโณมิกส์ เช่นกองทุนหมู่บ้าน หรือการส่งเสริมสินค้าโอทอป เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และไม่อยากให้มีการใช้วาทกรรมว่าเป็นประชานิยมที่น่ารังเกียจอีกต่อไป เพราะไม่ว่ารัฐบาลใดก็ควรนำมาใช้และต่อยอด เพื่อช่วยประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ปัญหาเสาหลักทางเศรษฐกิจเสื่อมตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจคนใหม่ได้เคยพูดเอง ยังไม่ได้รับการแก้ไข
“การที่นายสมคิดมองว่าการส่งออกที่มีสัดส่วนสูงเป็นปัญหา แทนที่จะเห็นเป็นความสำเร็จจากอดีตจะทำให้นายสมคิดแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ประเทศไทยจะต้องหันมาพัฒนาสินค้าให้ส่งออกได้มากขึ้น ไม่ใช่เมื่อส่งออกลดลงแล้วมาบอกว่าส่งออกเป็นปัญหาและจะไม่พึ่งการส่งออก เพราะทุกประเทศที่พัฒนามาส่งออกได้มากแล้วไม่มีใครหวนกลับไปได้”
นายพิชัยกล่าวด้วยว่า หากอยากจะพัฒนาประเทศต่อไปก็ต้องพัฒนารายได้และกำลังซื้อของประชาชนภายในประเทศควบคู่ไปด้วย จึงอยากให้นายสมคิดได้เร่งแก้ปัญหาการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้นักลงทุนยังห่วงว่าจะโดนแซงก์ชันจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) หากประเทศไทยยังไม่กลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีการลงทุนน้อย ในอนาคตก็จะมีการส่งออกลดลงไปด้วย อีกทั้งการที่นายสมคิดบอกว่าไม่สนใจจีดีพี และประเทศไทยจะโตได้เพียง 2-3% เท่านั้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่น่าจะถูก เพราะศักยภาพไทยควรโตได้ปีละ 5-6% มิเช่นนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้ ขนาดประเทศมาเลเซียที่มีจีดีพีต่อหัวสูงกว่าไทยเท่าตัวยังสามารถโตได้ 5% และก่อนเกิดการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ก็สามารถจะโตได้ 5-6% ทุกปี ดังนั้น การที่ไทยจะโตได้ลดลงก็น่าจะมีผลมาจากการอยู่ในระบอบที่ต่างประเทศไม่ยอมรับ การตัดสินขึ้นอยู่กับคนจำนวนไม่กี่คน มีความเสี่ยงในการผิดพลาดสูง ซึ่งนายสมคิดจะต้องอธิบายปัญหานี้ให้ชัดเจน
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จะยิ่งสร้างปัญหาให้มากขึ้น ผมขอยืนยันกับผู้ทวงถามว่า หากรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหานี้นำมาใช้ ผมจะไม่ลงเลือกตั้งอย่างแน่นอน และอยากฝากถามกลับไปว่า เพลงเราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นานหายไปไหน และจะเป็นไปตามสัญญาหรือไม่”