แถลงผลงานรอบปี สมช. “อนุสิษฐ” เผยเสนอนโยบายยุทธศาสตร์หลายเรื่อง เสนอปรับ พ.ร.บ.สมช.ให้ทันสมัย กันภัยไซเบอร์ ย้ำชาติต้องมีแผนกันภัยคุกคาม ยังไม่ชัดตั้ง ก.มั่นคง เผย ขอเพิ่มบุคลากรแก้ไฟใต้ ชี้แนวโน้มดีอาจเลิก กม.ฉุกเฉินบางที่ รับบึ้มราชประสงค์ปมค้ามนุษย์ โยนจีน-ตุรกี คุยกันปมอุยกูร์ ไร้ปัญหา “ทวีป” ข้ามห้วยคุมต่อ เชื่อนายกฯ ให้ตนช่วยงานต่อ รับยังไม่ถูกทาบนั่ง สปท.แต่พร้อมถ้าเกิดประโยชน์
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงผลงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาอยู่เราภายใต้กติกาใหม่ของการจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมา สมช.ได้ทำหน้าที่ต่อเนื่องจากนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาฯ สมช.คนที่แล้ว โดยมีการนำเสนอนโยบายและยุทธศาสตร์หลายเรื่อง ทั้งการเสนอแผนการบูรณาการความมั่นคง เพื่อให้เตรียมความพร้อมของชาติในการเผชิญวิกฤต อาทิ นโยบายความมั่นคงทางทะเลซึ่งมีมูลค่ากว่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. และยังทำหน้าที่กำหนดกรอบการทำงานในเรื่องการบริหารจัดการชายแดน เพื่อรองรับการเปิดประเทศร่วมกับอาเซียนในปลายปีนี้ และยุทธศาสตร์การเมืองและความมั่นคงของอาเซียน
เลขาธิการ สมช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีการเสนอยุทธศาสตร์ข่าวกรองแห่งชาติเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยเป็นกรอบทำงานด้านการข่าวที่จะทำให้กลไกการทำงานด้านการข่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเตรียมเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.สภาความมั่นคงแห่งชาติฉบับล่าสุดให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการเปลี่ยนองค์ประกอบของสมาชิก สมช. มีการเอาสัดส่วนงานด้านความมั่นคงเข้ามามีส่วนร่วม เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามไซเบอร์ ดังนั้น สมช.มีอำนาจหน้าที่ทำให้นโยบายมีการเชื่อมโยงการบริหารแผ่นดินและการบริหารงบประมาณเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริง ทั้งนี้ หากผ่านการเห็นชอบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แล้วจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป
นายอนุสิษฐกล่าวว่า ยังมีการทบทวนเรื่องการก่อการร้ายสากลที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากเดิม เพราะก่อนหน้านี้การก่อการร้ายมีรูปแบบชัดเจน มีองค์กรที่อ้างตัวในการปฏิบัติที่ชัดเจนและมีข้อเรียกร้อง แต่ขณะนี้เป็นการกระทำขององค์กรในประเทศหนึ่งต่ออีกประเทศหนึ่ง เพื่อส่งผลไปยังประเทศหนึ่ง จึงต้องมีการปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อให้ตอบสนองต่อสถานการณ์เหล่านี้
นายอนุสิษฐกล่าวด้วยว่า ขอฝากก่อนที่จะเกษียณว่างานด้านความมั่นคงเป็นเรื่องของทุกคน เป็นเรื่องของประเทศชาติ สิ่งที่ทำเพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ หลายเรื่องไม่สามารถพูดได้ แต่หลายเรื่องก็ถูกกำหนดไว้เป็นยุทธศาสตร์ เช่น ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ที่จะนำไปผนวกร่วมกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาลด้วย อนาคตจะได้เห็นมิติด้านต่างๆ โดยสังคมก็ต้องมีการปรับตัวในระยะต่อไป ซึ่งภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นสิ่งที่ประเทศชาติต้องมีแผนในการเผชิญภัยคุกคามเหล่านั้น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการพิจารณาตั้งกระทรวงความมั่นคง นายอนุสิษฐกล่าวว่า เป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้น แต่งานความมั่นคงต้องมีการบูรณาการงานกันในทุกเรื่องเพื่อให้มีเอกภาพ แต่ต้องประเมินถึงความคุ้มค่าในการตั้งกระทรวงซึ่งจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้ระบุอยู่ในยุทธศาสตร์ 20 ปี แต่อาจจะตั้งขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะกิจเท่านั้น หากมีความจำเป็นต่อประเทศก็ต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่าจุดอ่อนด้านความมั่นคงที่น่าเป็นห่วงคืออะไร นายอนุสิษฐกล่าวว่า งานในเชิงบูรณาการมีความสำคัญ เพราะวันนี้ภัยคุกคามมีความหลากหลาย หลายหน่วยงานจึงต้องเชื่อมโยงชุดข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา ภัยคุกคามใหม่นอกจากเรื่องภัยธรรมชาติแล้วยังมีภัยเรื่องโรคระบาดคน สัตว์ ภัยที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ภัยจากกระแสความรุนแรงในโลกที่เติบโต ขอบเขตการเคลื่อนย้ายของคน สิ่งของ โดยเฉพาะในอนาคตการเปิดอาเซียน ซึ่งต้องมีการทบทวนความร่วมมือในส่วนนี้ ประเทศไทยต้องพัฒนาประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง งานด้านข่าวกรอง และการใช้ข้อมูลที่หลากหลายเพื่อเชื่อมโยงและแก้ไขปัญหาได้ทันที
นายอนุสิษฐกล่าวต่อว่า ขณะนี้ สมช.ได้รับมอบหมายในการบูรณาการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ไม่มีบุคลากร มีเพียงตนคนเดียว จึงต้องใช้บุคลากรจากหน่วยงานอื่น ซึ่งตนเตรียมเสนอต่อ ครม.ให้เพิ่มบุคลากรอีก 48 ตำแหน่ง และหากยังไม่เพียงพอก็จะต้องขอบุคลากรในปีงบประมาณต่อไปอีก และการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้ยังคงต้องดำเนินการต่อไป โดยเวทีการพูดคุยต้องดำเนินการต่อและขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดี อาจจะมีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในบางอำเภอที่ปลอดภัยและไม่มีการเคลื่อนไหว
ส่วนกรณีระเบิดที่แยกราชประสงค์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สรุปว่ามีมูลเหตุจากการค้ามนุษย์นั้น นายอนุสิษฐกล่าวว่า หากดูจากภาพข่าวต่างๆ ที่ออกมาคงเป็นเช่นนั้น เพราะต้องยอมรับว่าการค้ามนุษย์ของไทยมีมาก และรัฐบาลนี้เอาจริงในการแก้ปัญหา ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ถูกตัดตอน แต่หากปล่อยไว้ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็อาจจะมากกว่านี้ เพราะสหรัฐฯ ก็ยังจับตาการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ของไทยอยู่ ความเชื่อมโยงที่ไทยส่งชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน จากการไปดูชีวิตของชาวอุยกูร์ที่จีนก็มีการประกอบศาสนกิจได้ตามปกติ มีความเป็นอยู่ที่ดี แต่หากมีบางกลุ่มที่ประสบความรุนแรงนั้นตนก็ไม่ทราบได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีชาวอุยกูร์ที่อยู่ในไทยจำนวน 59 คน ซึ่งจะต้องให้จีนและตุรกีหารือร่วมกัน เพราะเป็นเรื่องของสองประเทศต้องคุยกัน ถึงแม้ว่าไม่มีการส่งกลับ แต่ผลกระทบต่อขบวนการค้ามนุษย์ก็ยังมีอยู่ ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลมีการดำเนินงานที่ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม จากเหตุดังกล่าวต้องทบทวนในหลายส่วน เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลจากตำรวจสากล ข้อมูลทะเบียนอาชญากรของ สตช. เพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้น รวมถึงทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุ นายอนุสิษฐกล่าวว่า ในกระบวนการมีทั้งพาสปอร์ตปลอมและเครื่องมือทุกอย่างครบถ้วนหมด หากประเมินจากองค์ประกอบเหล่านี้และนำไปเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ก็มีความเป็นไปได้สูง ทั้งนี้ตนก็ไม่อาจทิ้งประเด็นความเป็นไปได้อื่นๆ แต่ยอมรับว่าเกิดจากแรงกดดันจากขบวนการการค้ามนุษย์
เมื่อถามว่า สรุปแล้วนายเมียไรลี ยูซูฟู หนึ่งในผู้ต้องหาคดีระเบิดแยกราชประสงค์เป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า เขาถือสัญชาติจีนและเป็นชาวอุยกูร์ที่อาศัยอยู่จีน
เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ว่าที่เลขาฯ สมช.คนใหม่ มาจากหน่วยงานอื่นนั้นจะมีปัญหาต่อการสานงานต่อหรือไม่ นายอนุสิษฐกล่าวว่า สมช.มีโครงสร้างและทิศทางการทำงานที่เข้มแข็ง และมีนโยบายการทำงานอยู่แล้ว ตนจึงไม่เป็นห่วงเรื่องนี้พล.อ.ทวีปเข้ามาก็เป็นการกำกับดูแลและประสานงานกับรัฐบาล ส่วนงานด้านบริหารทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็ต้องทำงานต่อ
เมื่อถามว่า เมื่อปลดเกษียณแล้ว นายกฯ ขอให้มาช่วยงานด้านความมั่นคง จะมาช่วยหรือไม่ เลขาฯสมช. กล่าวว่า คิดว่าหากตนไปคุยกับนายกรัฐมนตรีว่าอยากจะทำ เชื่อว่านายกฯ คงไม่ปฏิเสธ และถ้าได้ทำก็จะทำอย่างเต็มที่
นายอนุสิษฐยังตอบผู้สื่อข่าวกรณีหากมีการทาบทามให้ร่วมเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะยินดีร่วมหรือไม่ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการทาบทาม แต่หากมีการทาบทามก็ต้องพิจารณาว่าหากเข้าไปแล้วจะทำงานได้เต็มที่หรือไม่ และที่ผ่านมาตนก็ทำงานหนัก ถ้าไปอยู่ตรงจุดไหนแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศ ตนก็จะทำ