สมช. แจงปมชงรัฐตั้ง “กระทรวงความมั่นคง” เชื่อรองรับสถานการณ์ความมั่นคง ทั้งในประเทศ - ภูมิภาค หวังยกระดับ “กอ.รมน.” ให้รวมศูนย์หน่วยมั่นคงทั้งหมด ย้ำ ฝากสื่อสะท้อนภารกิจสันติสุข เพื่อความเจริญรุ่งเรืองเชื่อการเจรจาปม 3 ชายแดนภาคใต้ ชัดขึ้น
วันนี้ (10 ก.ย.) นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการ สมช. แถลงถึงกรณีแนวคิดการตั้งกระทรวงความมั่นคง ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ยังเป็นแค่แนวความคิดเท่านั้น เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา งานความมั่นคงขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทำงานหนักมาก เพราะต้องสั่งการด้านความมั่นคงทุกอย่าง ทุกกระทรวงมีกฎหมายเป็นของตัวเองทำให้ต่างคนต่างทำ ดังนั้น วิธีการที่จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น คือ ให้คนที่มีบารมี มีความรู้ความสามารถเป็นผู้สั่งการ ซึ่งตนคิดว่าเป็นภาระอันหนักหน่วงมากจึงรู้สึกเห็นใจ เราจึงพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคอยสนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประวิตร
เมื่อถามว่า กระทรวงความมั่นคงจะต้องให้ สมช. เป็นหลักในการทำงานหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐบาลควรที่จะมีที่ปรึกษาด้านความมั่นคง สมช. จะเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบาย ส่วนการบูรณาการและสั่งการที่ขณะนี้กระจายอยู่ ซึ่งหลายประเทศก็มีการตั้งกระทรวงความมั่นคง อาทิ เวียดนาม จีน เพื่อดูแลการป้องกันตามแนวชายแดน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ รวมถึงการทำงานด้านการต่างประเทศบางส่วน ส่วนจะยกระดับ กอ.รมน. ขึ้นมาเลยหรือไม่นั้นก็อาจเป็นไปได้ เพราะหากงานบางอย่างไปทับซ้อนการทำงานกันอยู่ เราก็นำ กอ.รมน. ไปฝากกองทัพไว้ เพราะยังไม่มีหน่วยในการบูรณาการ ซึ่งก็ถือเป็นภาระของกองทัพ ส่วนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ดูแลชายแดนไทยในขณะนี้กำลังจะเปิดประชาคมอาเซียน ดังนั้น การที่จะเป็นแนวป้องกันทางบกขณะนี้คำถามคือควรเป็นหน่วยงาน
เมื่อถามว่า สำหรับไทยมีระบบความมั่นคงที่แตกต่างจากประเทศอื่น คือ ให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ดูแลความมั่นคงภายใน กระทรวงกลาโหม (กห.) ดูแลความมั่นคงภายนอก ว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูความมั่นคงภายในแล้ว เนื่องจากงานค่อนข้างใหญ่ เพียงแค่การดูแลประชาชนในประเทศค่อนข้างมากทำให้การดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศ ในส่วนของ มท. ก็ใหญ่มากอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า จะนำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปรวมด้วยหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ตนยังไม่รู้ แต่ที่ สมช. คิดไว้นานแล้วเพียงแต่ว่าขณะนี้อย่างที่นายกฯ บอกว่า ปัญหาเฉพาะหน้ามีมากอยู่แล้ว แต่เราก็มีแผนที่จะนำเสนอ
นายอนุสิษฐ กล่าวว่า กรณีการเจรจาสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ขณะนี้เราไปหาความต้องการจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่เห็นแสงสว่างและทิศทางแล้ว แต่ไม่ว่าจะหารือกันอย่างไรก็แล้วแต่ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือความสุขและสันติของประชาชน แต่หากไปพูดกันในกรอบของความรุนแรง ท้ายสุดผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนในพื้นที่
“ขอฝากทางสื่อออกไปสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเพื่อสันติสุข เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของจังหวัดชายแดนภาคใต้” นายอนุสิษฐ กล่าว