นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 สั่งให้ “ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ” นั่งเก้าอี้ ป.ป.ช.ต่อไปจนกว่ากรรมการชุดใหม่จะมาทำหน้าที่ พร้อมปลดล็อกให้ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ หากกรรมการเหลือ 5 คนค่อยหยุดปฏิบัติหน้าที่และสรรหา
วันนี้ (16 ก.ย.) ราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 28/2558 เรื่องให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยระบุว่า ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2558 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 กําหนดให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ดํารงตําแหน่งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558 นั้น
บัดนี้ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอีก 4 คน ได้แก่ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย, นายภักดี โพธิศิริ, นายวิชา มหาคุณ และนายวิชัย วิวิตเสวี จะครบวาระการดํารงตําแหน่งในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558 ด้วยเช่นกัน แต่จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 12 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จึงเห็นสมควรให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยเช่นกัน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไปจนกว่าประธานกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่จะเข้ารับหน้าที่
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 16 กันยายน พุทธศักราช 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ส่วนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 29/2558 เรื่อง การเลือกกรรมการแทนตําแหน่งที่ว่างในคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และการดําเนินการเพื่อสรรหาผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ระบุว่า โดยที่สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับองค์กรอิสระเพื่อความเป็นธรรมและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอันจําเป็นต้องดําเนินการโดยด่วนอันเนื่องจากกรณีกรรมการตรวจเงินแผ่นดินขอลาออกจากการดํารงตําแหน่งทําให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเหลืออยู่ไม่ถึงจํานวนตามที่กฎหมายกําหนด เป็นเหตุให้กรรมการเท่าที่เหลืออยู่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ ซึ่งมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อการใช้บังคับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน นอกจากนั้น ยังมีกรณีที่ผู้ได้รับการสรรหาให้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญต้องลาออกจากตําแหน่งหน้าที่เดิมภายในเวลาที่กําหนดแต่บางครั้งแม้ลาออกจากตําแหน่งหน้าที่เดิมแล้วก็ยังไม่อาจดําเนินการแต่งตั้งผู้นั้นให้ดํารงตําแหน่งใหม่ในองค์กรอิสระได้ เนื่องจากการสรรหายังได้ไม่ครบจํานวนจึงต้องทอดระยะเวลาออกไปเป็นเวลานานอันไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับการสรรหาไว้แล้วและจําเป็นต้องลาออกจากตําแหน่งหน้าที่เดิม กรณีจึงมีความจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดินและแก้ไขข้อขัดข้องทางกฎหมาย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ยกเว้นการใช้บังคับมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 71/2557 เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยไม่ต้องดําเนินการสรรหาและคัดเลือกบุคคลใดแทนตําแหน่งที่ว่าง จนกว่าจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ 2 ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระเพิ่มเติมอีก หากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินนั้นยังมีจํานวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ และให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ในกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามวรรคหนึ่งเลือกกรรมการคนหนึ่งขึ้นทําหน้าที่ประธานกรรมการ
ข้อ 3 ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระและเป็นเหตุให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินนั้นมีจํานวนน้อยกว่าห้าคน ให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหยุดการปฏิบัติหน้าที่ และให้ดําเนินการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามข้อ 3 แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 71/2557 เรื่อง การสรรหาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงวันที่ 27 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 ในระหว่างนั้นให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ใช้อํานาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 48/2557 เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดํารงตําแหน่งแทนตําแหน่งที่ว่าง ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
“ในกรณีที่มีการสรรหาบุคคลเพื่อดํารงตําแหน่งแทนตําแหน่งที่ว่างเกินกว่าหนึ่งคนแต่มีผู้ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบไม่ครบจํานวน และมีกรณีที่ผู้ได้รับเลือกต้องประชุมและเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลหรือประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ การลาออกจากการเป็นบุคคลตาม (1) (2) หรือ (3) หรือแสดงหลักฐานให้เป็นที่เชื่อได้ว่าตนได้เลิกประกอบวิชาชีพอิสระตาม (4) ของมาตรา 207 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ผู้ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบต้องกระทําภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับเลือกหรือได้รับความเห็นชอบครบจํานวน”
ข้อ 5 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 16 กันยายน พุทธศักราช 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ