ประธาน กมธ.ปฏิรูปกฎหมาย สปช.เชื่อปมระบบเลือกตั้ง ส.ส.-นายกฯ คนนอก-คปป. และ สถานการณ์การเมืองเป็นปัจจัยโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ปัดตบหน้า กมธ.ยกร่างฯ บอกเหมือนพ่อครัวทำอาหารใช้ชิม ถ้าไม่อร่อยก็ให้ผ่านไม่ได้ แนะร่างใหม่ล้ม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ เปิดกว้างการแสดงความเห็น ด้าน “สปช.นิรันดร์” โวเขียนในกลุ่มไลน์ 4 ข้อทำไมไม่รับ จนชาวบ้านคล้อยตาม ขณะที่ “กมธ.ไพบูลย์” บอก “กมธ.นาวิน” งดออกเสียงเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ส่วนตัวประเมินว่าสาเหตุที่สมาชิก สปช.จำนวน 135 คนลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญมี 2 ปัจจัยสำคัญด้วยกัน คือ 1. เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ระบบเลือกตั้ง ส.ส.ที่นำระบบสัดส่วนผสมมาใช้ ซึ่งจะทำให้มีพรรคการเมืองจำนวนมากเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎร อาจก่อให้เกิดการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองอีก เช่นเดียวกับการให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ที่จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีจากคนนอกไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะต้องบริหารผลประโยชน์ในสภาฯ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง 2. สถานการณ์ภายนอก โดยต้องยอมรับว่าเวลานี้มีกลุ่มคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากปล่อยให้ทำประชามติอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในวงกว้างได้อีก
“ในเมื่อโอกาสที่จะทำประชามติให้ผ่านเป็นไปได้ยาก เมื่อเราเห็นว่าข้างหน้าเป็นเหวแล้วยังจะกระโดดลงไปอีกหรือ และการที่สปช.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นการตบหน้าคณะ กมธ.ยกร่างฯ แต่อย่างใด เพราะต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ เปรียบเหมือนกับ กมธ.ยกร่างฯเป็นพ่อครัวทำอาหารมาให้ สปช.ชิม เมื่อไม่อร่อยจะให้บอกว่าผ่านคงไม่ได้” นายเสรีกล่าว
นายเสรีกล่าวว่า คิดว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 21 คนที่ตั้งขึ้นมาใหม่นั้นสามารถหยิบยกร่างรัฐธรรมนูญที่คณะ กมธ.ยกร่างฯได้ดำเนินการเอาไว้แล้วและรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ มาปรับใช้ แต่ควรยกเลิก คปป.เพราะเป็นคณะกรรมการที่มีอำนาจมากเกินไป รวมทั้งจะต้องเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมาร่วมแสดงความคิดเห็นในร่างรัฐธรรมนูญครั้งใหม่ อย่าไปรังเกียจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องร่วมมือกัน เหมือนกับการสร้างกำแพงเมืองจีนที่ต้องใช้คนจำนวนมากถึงจะประสบความสำเร็จ
ด้านนายนิรันดร์ พันธรกิจ สปช.ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ประชุม สปช.ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพราะตนได้เขียนข้อสังเกตไปยังกลุ่มไลน์ สปช.ที่มีจำนวนสมาชิก 197 ในช่วงเวลา 05.00 น.ของเช้าวันนี้ โดยระบุว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหากผ่านการลงมติแล้วจะเกิดผลเสียต่อบ้านเมือง จำนวน 4 ข้อ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่สมาชิกส่วนใหญ่คล้อยตาม โดย 1. หากร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านจะต้องจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 47 ล้านฉบับ ซึ่งจะถูกตั้งข้อสังเกตจากประชาชนว่าเพราะเหตุใดร่างรัฐธรรมนูญไม่มีคำปรารภที่ขัดต่อประเพณีที่การร่างรัฐธรรมนูญทุกครั้งจะต้องมี เรื่องนี้ สปช.ต่างจังหวัดจะต้องเป็นผู้ตอบคำถาม 2. หากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ก็มีแนวโน้มที่จะถูกคว่ำสูง เนื่องจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่เห็นด้วย จะทำให้สูญเสียเงินในการทำประชามติ 8,000ล้านบาทโดย 4,000 ล้านบาทแรกคือการทำประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน และอีก 4,000 ล้านบาท กับการทำประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 หลังจากที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คนได้ร่างขึ้น 3. หากร่างรัฐธรรมนูญจะมีการรณรงค์สนับสนุนการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ผ่านการทำประชามติจากกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เห็นต่างจากลุ่มการเมืองไม่เห็นด้วย ที่จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง และ 4.หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านจะเกิดประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องการนับคะแนนการลงประชมติว่าจะใช้เสียงส่วนใหญ่ของผู้ที่มาใช้สิทธิ หรือเสียงส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิในการลงประชามติ
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า สมาชิก สปช.ส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเห็นว่าสถานการณ์ยังมีความขัดแย้งและเศรษฐกิจยังมีปัญหา จึงเห็นว่าควรไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อลดความขัดแย้งและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนก่อน ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 เดือนซึ่งจะอยู่ที่ประมาณเดือนเม.ย.2559และกลับเข้าสู่กระบวนการประชามติ
“ไม่ทราบว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คนจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่คิดว่าควรนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจุบันมาเป็นหลักในการพิจารณาและปรับปรุงเนื้อหาในส่วนที่มีปัญหา” นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าสาเหตุที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สปช.ไม่ได้อยู่ที่การมี คปป. เพราะมีสมาชิก สปช.บางคนที่ไม่เห็นด้วยกับ คปป.เท่านั้น แต่อาจเป็นเรื่องของเนื้อหาในภาพรวม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนมีอิสระในการลงมติ และการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับกรณีที่ พล.ท.นาวิน ดำริกาญจน์ กมธ.ยกร่างฯ ใช้สิทธิงดออกเสียง ถือเป็นเอกสิทธิ์ตัวในฐานะ พล.ท.นาวิน เป็นสมาชิก สปช. เพราะคณะ กมธ.ยกร่างฯ มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญในบางประเด็น