xs
xsm
sm
md
lg

“สรรเสริญ” ยันรัฐไม่มีธงถอดยศทักษิณ - ย้ำไม่เลิกเก็บภาษีบาป แต่สอบโปร่งใส สสส.-ไทยพีบีเอส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลไม่มีธงถอดยศ “ทักษิณ” ดำเนินไปตามขั้นตอน ไม่ใช่ความรู้สึก หรืออารมณ์ วอนเลิกสร้างความวุ่นวาย พร้อมระบุไม่มีเป้าหมายยกเลิกเก็บภาษีบาป ชี้ทุกกองทุนที่ดำเนินอยู่ควรได้รับการตรวจสอบ

วันนี้ (10 ส.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลไม่มีธง หรือต้องการชี้นำไปในทางหนึ่งทางใด ทุกอย่างขึ้นกับข้อเท็จจริงแห่งการกระทำและข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ ขณะที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกันว่า ที่สุดแล้ว การดำเนินการจะออกมาในลักษณะใด ด้วยเหตุผลอะไรและข้อกฎหมายใด

“เรื่องการถอดยศอดีตนายกฯ ดำเนินไปตามขั้นตอนมาโดยตลอด เมื่อมีผู้ร้องก็มีการพิจารณาตามระเบียบเงื่อนกฎหมายที่มีอยู่ ไม่ใช่เรื่องของการดำเนินการช้าไป เร็วไป หรือคิดทำร้ายใคร ช่วยเหลือใคร ทั้งสิ้น อยากเรียนทุกท่านว่าการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่สามารถใช้อารมณ์ความรู้สึก หรือ ความต้องการของคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้งได้ ทุกอย่างมีกฎระเบียบและทุกคนควรเคารพกฎกติกานั้น เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศชาติต้องการพลังความสามัคคีของทุกฝ่าย เรากำลังจะก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดนมากขึ้น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการในประเทศ ซึ่งทุกคนต้องพร้อมรับภาวะการเปลี่ยนแปลงนั้น หากประเทศต้องมาเสียพลังกับการสร้างความสับสนวุ่นวาย และพยายามก่อกวนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล จะยิ่งส่งผลเสียต่อการเตรียมพร้อมของประเทศ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายเลิกเล่นการเมืองแต่หันมาใส่ใจพัฒนาบ้านเมืองของเราในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้

นอกจากนี้ พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลมีแนวความคิดจะยกเลิกการเก็บภาษีจากธุรกิจเหล้าบุหรี่ หรือที่เรียกว่า ภาษีบาป ว่า ไม่อยากให้หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวเกินเลยกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะรัฐบาลไม่เคยมีแนวความคิดจะยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ตามที่มีการกล่าวอ้างหรือพยายามปลุกปั่นกระแสให้เกิดความสับสนในสังคม

“อยากเรียนว่าทุกฝ่ายควรใช้สติ อย่าตีตนไปก่อนไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรพูดจาให้เกิดความเสียหายแก่รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เสนอแนวทางให้มีการตรวจสอบ เพราะยังไม่มีการดำเนินการยกเลิกการเก็บภาษีใด ๆ ทั้งสิ้น การออกมาพูดจาเกินเลยไปจากข้อเท็จจริง จะส่งผลเสียต่อหน่วยงานและองค์กรเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นแนวทางชัดเจนของรัฐบาล คือ การใช้จ่ายเงินของทุกส่วน ทุกกองทุน ควรได้รับการตรวจสอบ ถึงผลสัมฤทธิ์ของการใช้เงิน ประสิทธิภาพในการใช้จ่าย ความโปร่งใสของการอนุมัติเบิกจ่าย และที่สำคัญที่สุด คือ การใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนอย่างเคร่งครัด” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของทั้งสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สสท.) หรือ ไทยพีบีเอส ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติโดยปกติ และที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้มอบหมายให้ คตร. ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีของทุกหน่วยงาน และกองทุนต่าง ๆ ที่ใช้งบประมาณค่อนข้างสูงมาโดยตลอด โดยผลการตรวจสอบมีทั้งการปรับเปลี่ยนกิจกรรมโครงการให้เกิดความเหมาะสม การยกเลิกโครงการที่ไร้รายละเอียด ไร้ประสิทธิภาพ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินภาษี ไม่ว่าจะมาจากภาษีใดเป็นไปอย่างโปร่งใสเกิดประโยชน์มากที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น