xs
xsm
sm
md
lg

แนะ “บิ๊กตู่” เชิญ “หมอหทัย” ให้ข้อมูล “คนใกล้ชิด” เอี่ยวสินบนภาษีบาป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายแพทย์หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ที่ออกมาแฉว่า มีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการล็อบบี้จากคน 3 คน (ภาพจาก www.thaihealth.or.th)
แนะ “บิ๊กตู่” เชิญ “หมอหทัย ชิตานนท์” เข้าให้ข้อมูล หลังออกมาแฉ “คนใกล้ชิด” มีส่วนเกี่ยวข้องเงินสินบนภาษีบาป ด้าน “รองโฆษกรัฐ” แจงไม่มีเป้าหมาย “ยกเลิกเก็บภาษีบาป” ชี้ ทุกกองทุนที่ดำเนินอยู่ ต้องได้รับการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส

วันนี้ (10 ส.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการมองไกล ออกอากาศทางผ่านยูทิวบ์ ว่า กรณี นายแพทย์ หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย ออกมาระบุถึงการเตรียมพิจารณาให้ยกเลิกภาษีบาป เพื่อนำเงินภาษีบาปกลับคืนสู่บริษัทเหล้าบุหรี่ ว่า ขณะนี้มีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการล็อบบี้จากคน 3 คน คือ คนที่ชอบแอบอ้างว่าเป็นบัญชาจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคนที่พยายามชงเรื่องนี้ รวมทั้งคนที่ทำงานเรื่องยาสูบ ซึ่งบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ มีรายได้ถึง 80 พันล้านเหรียญต่อปี หรือ เกือบ 1 ใน 5 ของรายได้ทั้งปีที่ประเทศไทยได้ คือ 373.3 พันล้านเหรียญ ถือเป็นเงินทุนมหาศาลเพื่อใช้ล็อบบี้ที่เป็นเงินติดสินบน ซึ่งเฉพาะตัวเลขที่ตรวจสอบได้ในยุโรปบริษัทบุหรี่ใช้เงินล็อบบี้แต่ละปีถึง 300 ล้านเหรียญ

“ทำไม พลเอก ประยุทธ์ ยังนิ่งเฉย เพราะเป็นความเสียหายและความน่าเชื่อถือของประเทศชาติ จึงไม่ควรมองเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็ก ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเรียกตัว นพ.หทัย เข้ามาให้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย”

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลมีแนวความคิดจะยกเลิกการเก็บภาษีจากธุรกิจเหล้าบุหรี่ หรือที่เรียกว่า ภาษีบาปว่า ไม่อยากให้หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหวเกินเลยกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะรัฐบาลไม่เคยมีแนวความคิดจะยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดตามที่มีการกล่าวอ้าง หรือพยายามปลุกปั่นกระแสให้เกิดความสับสนในสังคม

ทั้งนี้ อยากเรียนว่าทุกฝ่ายควรใช้สติอย่าตีตนไปก่อนไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรพูดจาให้เกิดความเสียหายแก่รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เสนอแนวทางให้มีการตรวจสอบ เพราะยังไม่มีการดำเนินการยกเลิกการเก็บภาษีใด ๆ ทั้งสิ้น การออกมาพูดจาเกินเลยไปจากข้อเท็จจริงจะส่งผลเสียต่อหน่วยงานและองค์กรเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นแนวทางชัดเจนของรัฐบาล คือ การใช้จ่ายเงินของทุกส่วน ทุกกองทุน ควรได้รับการตรวจสอบ ถึงผลสัมฤทธิ์ของการใช้เงิน ประสิทธิภาพในการใช้จ่าย ความโปร่งใสของการอนุมัติเบิกจ่าย และที่สำคัญที่สุด คือ การใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนอย่างเคร่งครัด

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ คตร. เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของทั้ง สสส. และไทยพีบีเอส ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติโดยปกติ และที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้มอบหมายให้ คตร. ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีของทุกหน่วยงาน

ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้ คตร. เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของทั้ง สสส. และไทยพีบีเอส ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติโดยปกติ และที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้มอบหมายให้ คตร. ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีของทุกหน่วยงานและกองทุนต่าง ๆ ที่ใช้งบประมาณค่อนข้างสูงมาโดยตลอด โดยผลการตรวจสอบมีทั้งการปรับเปลี่ยนกิจกรรมโครงการให้เกิดความเหมาะสม การยกเลิกโครงการที่ไร้รายละเอียด ไร้ประสิทธิภาพ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินภาษีไม่ว่าจะมาจากภาษีใดเป็นไปอย่างโปร่งใสเกิดประโยชน์มากที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น