“หมอประกิต” ยันร้านค้าไม่ต้องส่งรายงานการขายบุหรี่ได้กี่ซองต่อปีให้รัฐบาล ชี้ สมาคมค้ายาสูบฯบิดเบือนข้อมูล เผยรายงานเฉพาะผู้ผลิตและผู้นำเข้า เพื่อกำหนดเป็นนโยบายและวางแผนควบคุม วอนเลิกบิดเบือนหวังล้ม กม. ยาสูบฉบับใหม่
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณี นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการสมาคมการค้ายาสูบไทย ให้ข้อมูลถึงร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ มีการกำหนดให้ร้านค้าปลีกส่งรายงานประจำปีแก่รัฐบาล เป็นการสร้างภาระและเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งร้านค้า ว่า ข้อเท็จจริงคือ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวในมาตรา 39 กำหนดให้เฉพาะผู้ผลิตและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบเท่านั้น ที่ต้องส่งรายงานการประกอบการแก่รัฐบาล เพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและวางแผนควบคุมยาสูบ และเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทบุหรี่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร้านค้าปลีกตามที่นางวราภรณ์กล่าวอ้าง เพื่อบิดเบือน เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่ร้านค้าปลีกรายงานว่าขายบุหรี่ร้านละกี่ซองต่อปี ซึ่งการกำหนดมาตรการให้บริษัทส่งรายงานนี้เป็นไปตามข้อกำหนดข้อ 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกที่ว่าด้วยการป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ คือ โรงงานยาสูบไทยมีการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการในแต่ละปี ให้แก่หน่วยงานราชการ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ขณะที่บริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่ทำธุรกิจในเมืองไทยปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อโรงงานยาสูบและสังคมไทย โดยขณะที่โรงงานยาสูบมีการเปิดเผยผลกำไรปีละ 6 พันล้านบาท แต่ข้อมูลกำไรของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติต้องอาศัยนักวิชาการองค์การอนามัยโลกเป็นผู้คิดคำนวณ จากข้อมูลยอดขายบุหรี่ของบริษัทนี้ในประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้สมาคมการค้ายาสูบไทย ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ยุติการบิดเบือนข้อเท็จจริง อันเป็นกลยุทธ์ที่สมาคมนี้ใช้เพื่อล้มร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ มาตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา และขณะนี้ได้พยายามให้ข้อมูลเท็จแก่สมาชิก สนช. รวมทั้งข้อมูลที่ว่า ให้ผู้ค้าปลีกส่งรายงานประจำปีด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณี นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการสมาคมการค้ายาสูบไทย ให้ข้อมูลถึงร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ มีการกำหนดให้ร้านค้าปลีกส่งรายงานประจำปีแก่รัฐบาล เป็นการสร้างภาระและเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งร้านค้า ว่า ข้อเท็จจริงคือ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวในมาตรา 39 กำหนดให้เฉพาะผู้ผลิตและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบเท่านั้น ที่ต้องส่งรายงานการประกอบการแก่รัฐบาล เพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและวางแผนควบคุมยาสูบ และเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทบุหรี่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับร้านค้าปลีกตามที่นางวราภรณ์กล่าวอ้าง เพื่อบิดเบือน เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่ร้านค้าปลีกรายงานว่าขายบุหรี่ร้านละกี่ซองต่อปี ซึ่งการกำหนดมาตรการให้บริษัทส่งรายงานนี้เป็นไปตามข้อกำหนดข้อ 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกที่ว่าด้วยการป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ คือ โรงงานยาสูบไทยมีการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการในแต่ละปี ให้แก่หน่วยงานราชการ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ขณะที่บริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่ทำธุรกิจในเมืองไทยปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อโรงงานยาสูบและสังคมไทย โดยขณะที่โรงงานยาสูบมีการเปิดเผยผลกำไรปีละ 6 พันล้านบาท แต่ข้อมูลกำไรของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติต้องอาศัยนักวิชาการองค์การอนามัยโลกเป็นผู้คิดคำนวณ จากข้อมูลยอดขายบุหรี่ของบริษัทนี้ในประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้สมาคมการค้ายาสูบไทย ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ยุติการบิดเบือนข้อเท็จจริง อันเป็นกลยุทธ์ที่สมาคมนี้ใช้เพื่อล้มร่าง พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ มาตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา และขณะนี้ได้พยายามให้ข้อมูลเท็จแก่สมาชิก สนช. รวมทั้งข้อมูลที่ว่า ให้ผู้ค้าปลีกส่งรายงานประจำปีด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่