สภาการ นสพ.แหยงฟัน “หมัดเหล็ก” แพร่บทความเท็จ “ภัทระ” โยนอนุฯ พิจารณา

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ยังไม่ลงมติกรณี “หมัดเหล็ก” เขียนบทความเท็จอ้างอียูมีมติคว่ำบาตรไทยจนกว่าจะมีเลือกตั้ง “ภัทระ” โยนอนุฯ ทำเรื่องสอบถาม “ไทยรัฐ” ก่อนค่อยพิจารณา สรุปเองไม่ได้ กรรมการอาวุโสตำหนิขาดความกล้าหาญ

จากกรณีบทความของผู้ใช้นามปากกา “หมัดเหล็ก” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้ระบุว่ากลุ่มประเทศยุโรปลงมติไม่คบไม่ค้าไม่ร่วมมือกับประเทศไทยจนกว่าจะมีการเลือกตั้งก่อน และต่อมากระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่าเป็นความเท็จ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร โดยมีนายภัทระ คำพิทักษ์ ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังพิจารณาวาระต่างๆ ผ่านไปแล้ว ในวาระสุดท้ายซึ่งเป็นเรื่องอื่นๆ นายอำนาจ จงยศยิ่ง กรรมการผู้หนึ่งซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ เสนอให้ที่ประชุมพิจารณากรณีคอลัมนิสต์นามปากกา “หมัดเหล็ก” ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขียนบทความว่า สหภาพยุโรป หรือ EU ลงมติคว่ำบาตรไทยอย่างเป็นทางการ มีเนื้อหาโดยสรุปว่าที่ประชุมสหภาพยุโรปลงมติคว่ำบาตรประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และงดความร่วมมือความช่วยเหลือต่างๆ แม้แต่การเดินทางมาเยือนประเทศไทยถูกระงับทั้งหมดจนกว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง หลังบทความนี้แพร่ออกไป กระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ผู้อ่านและนักหนังสือพิมพ์ต่างๆ วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง และกล่าวเป็นทำนองเดียวกันว่าจะเฝ้ารอดูว่าองค์กรสื่อต่างๆ จะดำเนินการอย่างไร จึงขอถามว่าสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่

น.ส.บุญรัตน์ อภิชาตไตรสรณ์ รองประธานฝ่ายกิจการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า กรณีนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เป็นความเสียหายแก่ประเทศ แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็รอดูว่าองค์กรสื่อจะดำเนินการอย่างไร กรณีนี้เป็นเจตนาสร้างความเสียหาย มิใช่ความผิดพลาดโดยไม่เจตนา นายจักรกฤชณ์ แววคล้ายหงส์ กรรมการฝ่ายวิชาการ กล่าวว่าเรื่องนี้ถ้าสภาจะทำก็ต้องทำจริงจังเดินหน้าให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวผลกระทบอะไรที่จะติดตามมาอย่าทอดทิ้งกัน พร้อมกับยกตัวอย่างกรรมการในสมัยก่อนที่พิจารณาเรื่อง “วิม” ซื้อสื่อ ซึ่งตั้งกรรมการเดินหน้าจนสรุปได้ว่ามีความเป็นจริงโดยไม่หวั่นว่าหนังสือพิมพ์ที่ถูกสอบขู่ว่าจะลาออกจากการเป็นสมาชิก แต่กรรมการก็ไม่หวั่น กรณี “หมัดเหล็ก” นี้ตนเห็นว่าสภาการฯ ก็น่าจะทำเรื่องนี้ ส่วนนายสวิชย์ บำรุงสุข ประธานอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ความเห็นว่า เนื่องจากไทยรัฐก็เป็นสมาชิกของสภาการฯ เราควรทำหนังสือสอบถามไปยังกองบรรณาธิการไทยรัฐก่อนว่า เขาดำเนินการอย่างไรในกรณีนี้แล้วหรือไม่

นายภัทระกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างละเอียด ต้องระวังว่าจะเป็นเครื่องมือของคนอื่น เราควรจะหาความจริงก่อนดีหรือไม่ ตนไม่ห้ามที่จะทำ แต่ในทางการเมืองอย่าเพิ่งไปปะทะ ควรให้อนุกรรมการทำหนังสือถามไทยรัฐไปก่อนว่าเรื่องนี้ทำอะไรบ้างแล้ว พอได้ข้อเท็จจริงแล้วค่อยให้อนุกรรมการพิจารณา ระวังว่าเราจะถูกสังคมถามว่าทำไมการ์ตูนเซียเขียนอย่างนี้ทุกวันได้อย่างไร หรือเรื่องของโตโน่และแตงโมทำไมอยู่เฉยๆ กรรมการอีกรายกล่าวว่า เรื่องนี้สังคมกำลังจับตามองสภาการหนังสือพิมพ์ว่าจะทำอะไรได้แค่ไหนกับสมาชิกสำคัญรายนี้ ถ้าทำได้ก็จะเป็นที่ศรัทธาว่าไม่ใช่เสือกระดาษหรือเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง เหมือนกับที่ สปช.ด้านสื่อมวลชนตำหนิว่าไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม

นายสุนทร จันทร์รังสี กรรมการก่อตั้งและเป็นรองประธานสภาการหนังสือพิมพ์คณะกรรมการชุดที่ 6 กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐแม้เป็นสมาชิกสำคัญ แต่มีสถิติละเมิดจริยธรรมเสมอ และคนไทยรัฐส่วนใหญ่เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีจริยธรรม ซึ่งในยุคของตนประธานสภาคือนายปราโมทย์ ฝ่ายอุประ ซึ่งเป็นคนสำคัญของกองบรรณาธิการไทยรัฐ แต่ยินดีเสมอที่จะรับการร้องเรียน และเมื่อมติออกมาให้แก้ไขเยียวยาหรือขอโทษ ไทยรัฐก็ยินดีปฏิบัติตามทุกประการ ตนเชื่อมั่นไทยรัฐว่าไม่มีจิตใจเหมือนบางฉบับ กรณีนี้ควรอย่างยิ่งที่สภาจะต้องรับดำเนินการทันทีในวันนี้ และออกข่าวในสื่อต่างๆ ให้เป็นที่ทราบทั่วกันเหมือนคณะกรรมการในอดีต

นายภัทระพยายามอภิปรายว่า ให้อนุกรรมการฝ่ายร้องทุกข์หรือฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภครับเรื่องนี้ไปพิจารณาหาหลักฐานก่อนเพื่อความรอบคอบ

รศ.ดร.ดรุณี หิรัญรักษ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายวิชาการให้ความเห็นว่า กรรมการฝ่ายพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ยังมีจุดอ่อนที่มีคนหนังสือพิมพ์ด้วยกันเป็นกรรมการ ควรที่จะมีเพียงคนภายนอกเพื่อมิให้มีความเกรงใจ หรือจะโยนไปให้กรรมการฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค เป็นการส่อให้เห็นว่าสภาการฯ ไม่มีเอกภาพ เกิดกรณีแล้วก็โยนเรื่องกันไปมา ตนไม่ขอลงมติ ขณะที่นายภัทระบอกว่าลงมติไม่ได้เพราะขณะนี้กรรมการไม่ครบองค์ประชุม

นายสุนทรกล่าวว่า ตนไม่ผิดหวังนายภัทระผู้เป็นประธานเลย เพราะตนไม่เคยหวังอะไร ทราบดีว่าไม่มีความกล้าหาญ แต่ตนไม่เข้าใจว่าแล้วจะประชุมไปทำไม ควรเลิกประชุมทันทีถ้าลงมติกันไม่ได้ และเดินออกจากที่ประชุม หลังจากนั้นที่ประชุมสนทนาเรื่องต่างๆ อีกเล็กน้อยจึงเลิกประชุม

อนึ่ง เมื่อวันที่ 13 ก.ค. คอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เขียนโดย “หมัดเหล็ก” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้ลงบทความเรื่อง “แรงเสียดทานประชาธิปไตย” มีเนื้อหาในทำนองว่า ที่ประชุมสหภาพยุโรปลงมติคว่ำบาตรประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ความตกลง ความร่วมมือความช่วยเหลือ แม้แต่การเดินทางมาเยือนประเทศไทย ถูกระงับทั้งหมด บนเงื่อนไขจนกว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปแล้วค่อยคุยกันใหม่ ตอนนี้ระงับความสัมพันธ์ชั่วคราว และในวันต่อมา วันที่ 14 ก.ค.สหภาพยุโรป หรืออียู แถลงผ่านเพจเฟซบุ๊ก “European Union in Thailand” ชี้แจงว่าข้อความในบทความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และต่อมาเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ก็ได้ลบบทความนี้ออกจากเว็บไซต์