“ประยุทธ์” ขออย่าตื่นตระหนกเอียซา ผิดก็ต้องยอมรับ กำลังแก้ อย่าตีโพยตีพายกระทบลงทุน ไม่กลัวสื่อเขียนโจมตี แต่ขอความเป็นธรรม อย่าถามเรื่องไม่ใช่เรื่อง รับอารมณ์เสีย บ่นนักข่าวสายเศรษฐกิจไม่ขอตัวเดินหนีไปทำข่าวอื่น ยันไม่เคยดูถูกสื่อ แต่ถามดูอารมณ์บ้าง ฉะสื่อเลือกข้างจองล้างจองผลาญ ไม่แคร์ ส.นักข่าวฯ แถลงโต้ โวยถูกว่าไม่ทำงาน แนะเขียนให้ต่างชาติเชื่อถือ เมินคุยกอง บก.สื่อ เหตุคุยแล้วไม่ดีขึ้น
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซา) จะมีการประกาศท่าทีต่อมาตรฐานการบินของประเทศไทยว่า ไม่มี ทำไมจะให้เขามีอะไร เขายังไม่ประกาศ ถ้าประกาศก็แย่นะสิ ถ้าเขายังไม่ประกาศก็อย่าเพิ่งไปตื่นตระหนก ก็แก้กันต่อไปจะทำอะไรได้ ก็ผิดกติกาเขาต้องยอมรับความผิดบ้าง ซึ่งเวลานี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่และก็แก้มามากกว่าทุกคนที่แก้มา แต่ขึ้นอยู่กับเขาจะให้หรือไม่ อย่าเพิ่งไปตีโพยตีพาย เขาอาจจะให้เป็นใบเหลืองต่อไปก็ได้ ทำไมต้องไปคิดในแง่ร้าย ใครเป็นคนให้ ใช่ตนหรือเปล่า
“ในเมื่อเราผิดกติกาก็ต้องแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ว่ากันไปกันมาจนแย่ไปกว่าเดิม การใช้จ่ายรัฐแย่กว่าเดิม การลงทุนแย่กว่าเดิม พูดกันแต่เรื่องแบบนี้ถามว่าได้อะไรขึ้นมา การลงทุนที่จะมาลงทุนก็เลิกทั้งหมด ขอถามว่าใครจะรับผิดชอบแทนผม นั้นแหละผมขอสื่อแค่นี้ วันนี้เขียนโจมตีผมนู่นนี่เยอะไปหมด แต่ผมไม่ได้กลัวอยู่แล้ว อยากเขียนก็เขียนไป แต่ต้องให้ความเป็นธรรมผม ซึ่งผมจะไปถามคนทั้งประเทศสิว่าเขาจะว่าอย่างไร หลายคนเขาก็ไม่ชอบเขียนแบบนี้ ทำไมต้องเขียนแบบนั้น เขียนว่าผมไปกดดันไม่ให้พูด ทำไมท่านมีอำนาจเหนือผมตรงไหนว่ะหะ กลายเป็นผมผิดหมด เออสื่อต้องมีอำนาจพิเศษ ถามได้ทุกอย่าง ก็เป็นเรื่องของนายกฯอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็อย่าตอบ คุณต้องกลับไปถามกันเองบ้าง เรื่องบ้างเรื่องไม่ใช่เรื่องคุณก็อย่าถามผม สิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีสิทธิเหนือกว่าผม เป็นประชาชนเท่ากัน ทุกคอลัมน์ทุกหนังสือพิมพ์เขียนตลอดว่านายกฯ อารมณ์เสีย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ บ่นเรื่องสื่อที่ทางเชื่อมตึกสันติไมตรี นักข่าวสายเศรษฐกิจประจำทำเนียบรัฐบาลประมาณ 10 คนที่ยืนอยู่ด้วยกัน จู่ๆ ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์นายกฯ อย่างกะทันหันโดยพร้อมเพรียงกัน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับพูดว่าทำไม เป็นอะไรกัน ซึ่งนักข่าวสายเศรษฐกิจกลุ่มดังกล่าวได้หันมาตอบว่าจะไปฟังแถลงผลการประชุมเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตึกนารีสโมสร ขณะที่สื่อสายการเมืองรีบบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่าเขาไม่ได้เดินหนีหรือบอยคอตอะไร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าทีหลังจะเดินออกกะทันหันแบบนี้ก็ต้องบอกว่าขออนุญาต นึกว่าโมโหแล้วเดินหนี ไปฟังแถลงแล้วก็เขียนกันด้วย
จากนั้นนายกฯ ได้กล่าวต่อว่า “อะไรต่างๆ ที่มันหงุดหงิดไม่ใช่ผมอยากหงุดหงิด และผมไม่เคยดูถูกท่านซักคน เพียงแต่เวลาท่านถามขอให้ดูอารมณ์ผมนิดหนึ่ง ผมจะตอบผมก็ดูอารมณ์ของผม และดูอารมณ์ท่าน ผมไม่ใช่ศัตรูท่านซักสื่อ แต่ทำไมมันจองล้างจองผลาญกันหนัก ผมไม่เข้าใจ มันก็เป็นสื่อเลือกข้างเหมือนเดิมนั้นแหละ ไม่อยากจะพูด อยากให้ทุกคนใจเย็นกันบ้าง ถ้าทุกคนใจร้อนหมด ผมก็ใจร้อน ซึ่งผมใจร้อนกว่าท่านอยู่แล้ว เวลาผมจำกัด ผมเริ่มทุกอย่างให้ได้เป็น 100 เรื่องโดยจะเริ่มทำส่วนที่ 1 ขณะส่วนที่ 2 ที่ทำไม่ได้จะส่งต่อให้รัฐบาลหน้า”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เห็นแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็แถลงไป เวลาอย่างนี้เล่นงานตน เวลาพวกคุณทำความผิด ไอ้สมาคมทำอะไรให้ตนบ้าง มีไหม เมื่อถามว่าสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ แถลงข่าวปฏิเสธไม่ใช่เรื่องจริงจากกรณีที่นายกฯ ระบุว่านักข่าวได้รับใบสั่งให้เขียนถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ตนเห็นแล้ว แล้วทำไมไปทำนองนั้น วิธีการเขียนมันเขียนแบบนั้น ไม่ได้โกรธกันอยู่แล้วเพียงแต่มีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดา ก็ต้องคิดงานอะไรต่างๆ เยอะเพื่อขับเคลื่อนคนทั้งประเทศ สั่งการทั้งประเทศ ไม่ใช่นั่งฟังเขาเสนอมาแล้วอนุมัติอย่างเดียว ทั้งริเริ่มแล้วเอาข้อเสนอมาตัดสินใจจากที่นู่นที่นี่ มีทั้งงานฟังก์ชันและงานนโยบายที่ 20 กว่าเรื่อง งานวาระแห่งชาติอีก รวมถึงต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน ที่พูดมาทั้งหมดกี่เรื่องแล้วมาหาว่า ตนไม่ทำอะไรเลยเป็นธรรมกับตนหน่อย หนังสือพิมพ์เขียนก็ไม่รู้ ใครพูดก็ไม่รู้ ไปหามา เอามาวัดกันที่ผ่านมากับที่ตนทำวันนี้ทำอะไรไปบ้าง อย่ามาพูดเปล่าๆ
เมื่อถามว่า สื่อที่เป็นมิตรกับนายกฯ ก็มีเยอะ นายกฯ กล่าวว่า “เป็นมิตรทุกสื่อ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน แต่ไม่ใช่มีอำนาจเหนือผม ไม่ใช่ ผมไม่มีอำนาจเหนือท่าน และท่านไม่มีอำนาจเหนือผม แค่นั้นเอง เราต้องร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ ให้ต่างชาติเขาให้เกียรติเรา ให้ต่างชาติมองว่าประเทศไทยคลี่คลายความขัดแย้งได้ในเวลานี้ ทำไมไม่เขียนทำนองนี้ ถ้าเขียนแบบทุกวันนี้การค้าการลงทุนก็ไม่มา การท่องเที่ยวก็จะถอยออกไป สิ่งที่ผมพูดทุกวันนี้เป็นทั้งอนาคตและทุกวันนี้ ทำไมไม่เอามามองบ้าง ว่ามันจะดีขึ้นเดี๋ยวนายกฯ คนนี้ก็ไปแล้ว แล้วไปคาดหวังกับคนหน้าที่จะมาทำต่อ เขียนอย่างนี้สิ อย่างอื่นก็กระเซ้าเย้าแหย่ธรรมดา ผมไม่ได้โกรธ แต่เขียนในเชิงที่ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย และเรื่องการเมืองอยู่นั้นแหละ วันนี้การเมืองยังไม่เกิด ยังไม่มี เดี๋ยวค่อยไปทะเลาะกันตอนมีการเมืองก็แล้วกัน ผมไม่ทะเลาะกับใครอยู่แล้ว คนจะเป็นจะตายน้ำท่าก็ไม่มี คิดอยู่ทำอย่างไรจะให้มีน้ำ มีรายได้ให้เกษตรกร”
เมื่อถามว่า อยากจะคุยกับบรรณาธิการบริหารแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เอา ทำไมต้องคุย เขาขึ้นตรงบังคับบัญชากับตนหรืออย่างไร ก็ไม่ได้ขึ้น ตอนเข้ามาใหม่ๆ คุยไปแล้วก็ไม่เห็นดีขึ้น ไม่คุยแล้ว ขี้เกียจคุย แต่ถ้าคุยแล้วก้าวหน้าก็จะคุย ถ้าคุยแล้วเหมือนเดิมไม่คุย พอแล้วเสียเวลา ต้องให้เกียรติกันบ้างสิแค่นั้น ตนก็ให้เกียรติสื่ออยู่แล้ว แต่อย่ามาก้าวก่ายสิทธิของตน
“เชิญผู้บริหารสื่อมาคุยก็ดีหมด ครับๆ ผม พี่ เดี๋ยวเราคุยกันนอกรอบ วันรุ่งขึ้น 3 วันด่าใหม่ แล้วผมจะไปคุยทำไม โอเคนะ ขอบคุณทุกคน เสียงดังไปบ้างก็ขอโทษ”