ASTVผู้จัดการรายวัน-โฆษก ส.นักข่าวฯ ออกแถลงการณ์ โวย “ประยุทธ์” กล่าวหาสื่อรับเงินเขียนโจมตีรัฐ ยันไม่มีนโบาย ชี้เป็นนายกฯ ย่อมถูกวิจารณ์ได้ ป้องสื่อสิ่งพิมพ์ทำตามกฎหมาย เข้าใจรู้สึกแย่เจอบี้เรื่องบ่อน ย้อนเป็นเพราะไม่มีความชัดเจน ด้านเจ้าตัวขอโทษเสียงดังไปหน่อย วอนสื่อดูอารมณ์ก่อนถาม เผยไม่คิดคุย บก.ข่าวแล้ว เชื่อคุยไปก็เหมือนเดิม ระแวงสื่อเดินหนี คิดว่าบอยคอต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มิ.ย.) นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชนว่ารับใบสั่งมาเพื่อเขียนข่าวถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดีเพื่อให้ได้เงิน
นายมานพกล่าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าผู้สื่อข่าวคนใดได้รับใบสั่งมาเขียนโจมตีรัฐบาลเพื่อให้ได้เงินตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง นายกฯได้ใช้คำว่า “เขียน” ซึ่งย่อมเป็นที่หมายความได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดกับสื่อมวลชนประเภทสิ่งพิมพ์เป็นหลัก ในฐานะตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อด้านสิ่งพิมพ์ จึงไม่อาจยอมรับหรือนิ่งเฉยได้กับข้อกล่าวอ้างที่เหวี่ยงแห แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่ในฐานะผู้นำประเทศที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. ย่อมชอบธรรมที่จะใช้อำนาจนั้นดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเอาผิดได้
“การเหมารวมของท่านนายกฯ ต่อผู้สื่อข่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะปัญหาใหญ่ของนายกฯ คือ การแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่หลายฝ่ายก็ให้กำลังใจ แต่เมื่อก้าวเข้ามาสู่อำนาจ นายกฯ ก็ไม่อาจปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของไทยที่ผ่านมา” นายมานพกล่าว
** คาดคงเสียขวัญจากปมกาสิโน
นายมานพกล่าวว่า สื่อสิ่งพิมพ์ดำเนินกิจการตามกฎหมายประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง มีที่มาที่ไปของรายได้ รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สอบถามนายกฯ ถึงการทำงานในด้านต่างๆ ก็ล้วนแต่รับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ จากบริษัทตามข้อตกลงเท่านั้น การกล่าวหาของนายกฯ ที่ว่า รู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่งของผู้สื่อข่าว อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวไม่เคยมอง พล.อ.ประยุทธ์เป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกฯ ก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ มองว่า ปัญหาของสังคมไทยยืดเยื้อ เรื้อรัง และหมักหมม ลำพังความตั้งใจของนายกฯ ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างออกไป
“นายกฯ คงรู้สึกแย่กับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการให้มีกาสิโน แต่เป็นเพราะนายกฯ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ก็ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะคนที่นำเสนอประเด็นต่อสังคม ล้วนแต่เป็นบุคคลที่นายกฯ ให้ความเห็นชอบในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น สปช.” นายมานพกล่าว
** นายกฯนึกว่านักข่าวบอยคอต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณที่สื่อมวลชนมักนำเสนอข่าวว่านายกฯ อารมณ์เสียว่า วันนี้เขียนโจมตีตนไปหมด อยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะประชาชนคงไม่ชอบให้เขียนข่าวแบบนี้ กลายเป็นตนผิดหมด ส่วนสื่อมีอำนาจพิเศษ ถามได้ทุกอย่าง สื่อต้องพิจารณากันเองบ้างว่าเรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่อง ก็อย่าถาม เราเป็นประชาชนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีสิทธิเหนือกว่าตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ตำหนิเรื่องการทำหน้าที่สื่อ กลุ่มนักข่าวสายเศรษฐกิจประจำทำเนียบรัฐบาลประมาณ 10 คน ที่ยืนฟังอยู่ ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์นายกฯ อย่างกะทันหันโดยพร้อมเพรียงกัน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่า “เป็นอะไรกันเหรอ” ซึ่งนักข่าวสายเศรษฐกิจกลุ่มดังกล่าวได้หันมาตอบว่า จะไปฟังแถลงผลการประชุมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่ตึกนารีสโมสร ขณะที่สื่อสายการเมืองรีบบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า เขาไม่ได้เดินหนีหรือบอยคอตอะไร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ทีหลังจะเดินออกกะทันหันแบบนี้ก็ต้องบอกว่า ขออนุญาตด้วย นึกว่าโมโหแล้วเดินหนีไป
“อะไรต่างๆ ที่มันหงุดหงิด ไม่ใช่ผมอยากหงุดหงิด ผมไม่เคยดูถูกท่านซักคน เพียงแต่เวลาท่านถาม ขอให้ดูอารมณ์ผมนิดหนึ่ง ผมจะตอบ ผมก็ดูอารมณ์ของผม และดูอารมณ์ท่าน ผมไม่ใช่ศัตรูท่าน แต่ทำไมมันจองล้างจองผลาญกันหนัก ผมไม่เข้าใจ มันก็เป็นสื่อเลือกข้างเหมือนเดิม ไม่อยากจะพูด อยากให้ทุกคนใจเย็นกันบ้าง ถ้าทุกคนใจร้อนหมด ผมก็ใจร้อน ซึ่งผมใจร้อนกว่าท่านอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** เมินเรียก บก.สื่อคุยอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เห็นแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เวลาอย่างนี้มาเล่นงานตน แต่เวลาพวกคุณทำความผิด สมาคมไม่เคยทำอะไร ไม่ได้โกรธกันอยู่แล้ว เพียงแต่มีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดา ก็ต้องคิดงานอะไรต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนคนทั้งประเทศ สั่งการทั้งประเทศไม่ใช่นั่งฟังเขาเสนอมาแล้วอนุมัติอย่างเดียว ทั้งริเริ่มแล้วเอาข้อเสนอมาตัดสินใจ รวมถึงต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน อยากให้เป็นธรรมกับตนบ้าง
เมื่อถามว่า สื่อที่เป็นมิตรกับนายกฯ ก็มีมาก นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นมิตรทุกสื่อ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ไม่ใช่มีอำนาจเหนือตน เราต้องร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ ให้ต่างชาติให้เกียรติเรา ให้ต่างชาติมองว่าประเทศไทยคลี่คลายความขัดแย้งได้ในเวลานี้ ถ้าเขียนแบบทุกวันนี้การค้า การลงทุนก็ไม่มา การท่องเที่ยวก็จะถอยออกไป สิ่งที่ผมพูดทุกวันนี้เป็นทั้งอนาคต และปัจจุบัน แต่กลับมาเขียนในเชิงว่าตนไม่ได้ทำอะไรเลย และก็ย้ำแต่เรื่องการเมือง ทั้งที่วันนี้การเมืองยังไม่เกิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีพูดคุยกับบรรณาธิการแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนเข้ามาใหม่ๆ คุยไปแล้วก็ไม่เห็นดีขึ้น ก็ไม่คุยแล้วขี้เกียจคุย แต่ถ้าคุยแล้วก้าวหน้าก็จะคุย ตนให้เกียรติสื่ออยู่แล้ว แต่อย่ามาก้าวก่ายสิทธิของตน วันนี้ที่เชิญผู้บริหารสื่อมาคุยก็ดีหมด แต่ผ่านไป 3 วันก็ด่าใหม่
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “วันนี้เสียงดังไปบ้างก็ขอโทษ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 มิ.ย.) นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชนว่ารับใบสั่งมาเพื่อเขียนข่าวถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดีเพื่อให้ได้เงิน
นายมานพกล่าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าผู้สื่อข่าวคนใดได้รับใบสั่งมาเขียนโจมตีรัฐบาลเพื่อให้ได้เงินตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง นายกฯได้ใช้คำว่า “เขียน” ซึ่งย่อมเป็นที่หมายความได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดกับสื่อมวลชนประเภทสิ่งพิมพ์เป็นหลัก ในฐานะตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อด้านสิ่งพิมพ์ จึงไม่อาจยอมรับหรือนิ่งเฉยได้กับข้อกล่าวอ้างที่เหวี่ยงแห แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่ในฐานะผู้นำประเทศที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. ย่อมชอบธรรมที่จะใช้อำนาจนั้นดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเอาผิดได้
“การเหมารวมของท่านนายกฯ ต่อผู้สื่อข่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะปัญหาใหญ่ของนายกฯ คือ การแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่หลายฝ่ายก็ให้กำลังใจ แต่เมื่อก้าวเข้ามาสู่อำนาจ นายกฯ ก็ไม่อาจปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของไทยที่ผ่านมา” นายมานพกล่าว
** คาดคงเสียขวัญจากปมกาสิโน
นายมานพกล่าวว่า สื่อสิ่งพิมพ์ดำเนินกิจการตามกฎหมายประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง มีที่มาที่ไปของรายได้ รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สอบถามนายกฯ ถึงการทำงานในด้านต่างๆ ก็ล้วนแต่รับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ จากบริษัทตามข้อตกลงเท่านั้น การกล่าวหาของนายกฯ ที่ว่า รู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่งของผู้สื่อข่าว อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวไม่เคยมอง พล.อ.ประยุทธ์เป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกฯ ก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ มองว่า ปัญหาของสังคมไทยยืดเยื้อ เรื้อรัง และหมักหมม ลำพังความตั้งใจของนายกฯ ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างออกไป
“นายกฯ คงรู้สึกแย่กับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการให้มีกาสิโน แต่เป็นเพราะนายกฯ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ก็ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะคนที่นำเสนอประเด็นต่อสังคม ล้วนแต่เป็นบุคคลที่นายกฯ ให้ความเห็นชอบในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น สปช.” นายมานพกล่าว
** นายกฯนึกว่านักข่าวบอยคอต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณที่สื่อมวลชนมักนำเสนอข่าวว่านายกฯ อารมณ์เสียว่า วันนี้เขียนโจมตีตนไปหมด อยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะประชาชนคงไม่ชอบให้เขียนข่าวแบบนี้ กลายเป็นตนผิดหมด ส่วนสื่อมีอำนาจพิเศษ ถามได้ทุกอย่าง สื่อต้องพิจารณากันเองบ้างว่าเรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่อง ก็อย่าถาม เราเป็นประชาชนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีสิทธิเหนือกว่าตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ตำหนิเรื่องการทำหน้าที่สื่อ กลุ่มนักข่าวสายเศรษฐกิจประจำทำเนียบรัฐบาลประมาณ 10 คน ที่ยืนฟังอยู่ ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์นายกฯ อย่างกะทันหันโดยพร้อมเพรียงกัน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่า “เป็นอะไรกันเหรอ” ซึ่งนักข่าวสายเศรษฐกิจกลุ่มดังกล่าวได้หันมาตอบว่า จะไปฟังแถลงผลการประชุมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่ตึกนารีสโมสร ขณะที่สื่อสายการเมืองรีบบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า เขาไม่ได้เดินหนีหรือบอยคอตอะไร ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ทีหลังจะเดินออกกะทันหันแบบนี้ก็ต้องบอกว่า ขออนุญาตด้วย นึกว่าโมโหแล้วเดินหนีไป
“อะไรต่างๆ ที่มันหงุดหงิด ไม่ใช่ผมอยากหงุดหงิด ผมไม่เคยดูถูกท่านซักคน เพียงแต่เวลาท่านถาม ขอให้ดูอารมณ์ผมนิดหนึ่ง ผมจะตอบ ผมก็ดูอารมณ์ของผม และดูอารมณ์ท่าน ผมไม่ใช่ศัตรูท่าน แต่ทำไมมันจองล้างจองผลาญกันหนัก ผมไม่เข้าใจ มันก็เป็นสื่อเลือกข้างเหมือนเดิม ไม่อยากจะพูด อยากให้ทุกคนใจเย็นกันบ้าง ถ้าทุกคนใจร้อนหมด ผมก็ใจร้อน ซึ่งผมใจร้อนกว่าท่านอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** เมินเรียก บก.สื่อคุยอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เห็นแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เวลาอย่างนี้มาเล่นงานตน แต่เวลาพวกคุณทำความผิด สมาคมไม่เคยทำอะไร ไม่ได้โกรธกันอยู่แล้ว เพียงแต่มีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดา ก็ต้องคิดงานอะไรต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนคนทั้งประเทศ สั่งการทั้งประเทศไม่ใช่นั่งฟังเขาเสนอมาแล้วอนุมัติอย่างเดียว ทั้งริเริ่มแล้วเอาข้อเสนอมาตัดสินใจ รวมถึงต้องแก้ปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน อยากให้เป็นธรรมกับตนบ้าง
เมื่อถามว่า สื่อที่เป็นมิตรกับนายกฯ ก็มีมาก นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นมิตรทุกสื่อ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ไม่ใช่มีอำนาจเหนือตน เราต้องร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ ให้ต่างชาติให้เกียรติเรา ให้ต่างชาติมองว่าประเทศไทยคลี่คลายความขัดแย้งได้ในเวลานี้ ถ้าเขียนแบบทุกวันนี้การค้า การลงทุนก็ไม่มา การท่องเที่ยวก็จะถอยออกไป สิ่งที่ผมพูดทุกวันนี้เป็นทั้งอนาคต และปัจจุบัน แต่กลับมาเขียนในเชิงว่าตนไม่ได้ทำอะไรเลย และก็ย้ำแต่เรื่องการเมือง ทั้งที่วันนี้การเมืองยังไม่เกิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีพูดคุยกับบรรณาธิการแต่ละสำนักพิมพ์อีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนเข้ามาใหม่ๆ คุยไปแล้วก็ไม่เห็นดีขึ้น ก็ไม่คุยแล้วขี้เกียจคุย แต่ถ้าคุยแล้วก้าวหน้าก็จะคุย ตนให้เกียรติสื่ออยู่แล้ว แต่อย่ามาก้าวก่ายสิทธิของตน วันนี้ที่เชิญผู้บริหารสื่อมาคุยก็ดีหมด แต่ผ่านไป 3 วันก็ด่าใหม่
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “วันนี้เสียงดังไปบ้างก็ขอโทษ”
