นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ระหว่างนำคณะสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปเยือนสมาคมนักข่าวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชนว่ารับใบสั่งมาเพื่อเขียนข่าวถึงรัฐบาลในทางที่ไม่ดี เพื่อให้ได้เงินว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันว่าผู้สื่อข่าวคนใดได้รับใบสั่งมาเขียนโจมตีรัฐบาล เพื่อให้ได้เงินตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง
โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ใช้คำว่า "เขียน" ซึ่งย่อมเป็นที่หมายความได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดกับสื่อมวลชนประเภทสิ่งพิมพ์เป็นหลัก ในฐานะตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อด้านสิ่งพิมพ์ จึงไม่อาจยอมรับหรือนิ่งเฉยได้กับข้อกล่าวอ้างที่เหวี่ยงแห แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเกิดจริง แต่ในฐานะผู้นำประเทศที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ย่อมชอบธรรมที่จะใช้อำนาจนั้นดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเอาผิดได้ แต่การเหมารวมของนายกรัฐมนตรีต่อผู้สื่อข่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะปัญหาใหญ่ของนายกรัฐมนตรี คือการแก้ไขปัญหาของประเทศที่หลายฝ่ายก็ให้กำลังใจ แต่เมื่อก้าวเข้ามาสู่อำนาจ นายกรัฐมนตรีก็ไม่อาจปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของไทยที่ผ่านมา
นายมานพ กล่าวด้วยว่า สื่อสิ่งพิมพ์เป็นของเอกชน ดำเนินกิจการตามกฎหมายประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง มีที่มาที่ไปของรายได้ รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงการทำงานในด้านต่างๆ ก็ล้วนแต่รับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ จากบริษัทตามข้อตกลงเท่านั้น การกล่าวหาของนายกรัฐมนตรีที่ว่า รู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่งของผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวไม่เคยมอง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ท่านก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้
โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ปัญหาของสังคมไทยยืดเยื้อ เรื้อรัง และหมักหมม ลำพังความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะใช้อำนาจนั้นอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม นายกรัฐมนตรีจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างออกไป เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจปัญหาสำคัญๆ ของประเทศ ก็เป็นความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงท่าทีในเรื่องที่สังคมให้ความสนใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่
นายมานพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงรู้สึกแย่กับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการให้มีกาสิโน แต่ก็เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เมื่อไม่มีความชัดเจนก็ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะคนที่นำเสนอประเด็นต่อสังคมล้วนแต่เป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นคนสุดท้าย และนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ นายมานพ และคณะ จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินเวียดเจ็ต จากสนามบินนานาชาติ นอย ไบ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 17.50 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 19.45 น. และจะนัดประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน เวลา 10.00 น.
โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ใช้คำว่า "เขียน" ซึ่งย่อมเป็นที่หมายความได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดกับสื่อมวลชนประเภทสิ่งพิมพ์เป็นหลัก ในฐานะตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อด้านสิ่งพิมพ์ จึงไม่อาจยอมรับหรือนิ่งเฉยได้กับข้อกล่าวอ้างที่เหวี่ยงแห แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นจะเกิดจริง แต่ในฐานะผู้นำประเทศที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หากพบการกระทำดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ย่อมชอบธรรมที่จะใช้อำนาจนั้นดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเอาผิดได้ แต่การเหมารวมของนายกรัฐมนตรีต่อผู้สื่อข่าว ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะปัญหาใหญ่ของนายกรัฐมนตรี คือการแก้ไขปัญหาของประเทศที่หลายฝ่ายก็ให้กำลังใจ แต่เมื่อก้าวเข้ามาสู่อำนาจ นายกรัฐมนตรีก็ไม่อาจปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของไทยที่ผ่านมา
นายมานพ กล่าวด้วยว่า สื่อสิ่งพิมพ์เป็นของเอกชน ดำเนินกิจการตามกฎหมายประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง มีที่มาที่ไปของรายได้ รัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ ผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงการทำงานในด้านต่างๆ ก็ล้วนแต่รับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ จากบริษัทตามข้อตกลงเท่านั้น การกล่าวหาของนายกรัฐมนตรีที่ว่า รู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เป็นความเจ็บปวดอย่างยิ่งของผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวไม่เคยมอง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นศัตรู การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและการซักถามเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศ ข้อท้วงติงหรือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ท่านก็ย่อมมีช่องทางในการชี้แจงและดำเนินการตามกฎหมายได้
โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ปัญหาของสังคมไทยยืดเยื้อ เรื้อรัง และหมักหมม ลำพังความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะใช้อำนาจนั้นอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม นายกรัฐมนตรีจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างออกไป เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจปัญหาสำคัญๆ ของประเทศ ก็เป็นความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงท่าทีในเรื่องที่สังคมให้ความสนใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่
นายมานพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงรู้สึกแย่กับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการให้มีกาสิโน แต่ก็เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เมื่อไม่มีความชัดเจนก็ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา เพราะคนที่นำเสนอประเด็นต่อสังคมล้วนแต่เป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นคนสุดท้าย และนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ นายมานพ และคณะ จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินเวียดเจ็ต จากสนามบินนานาชาติ นอย ไบ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 17.50 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 19.45 น. และจะนัดประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน เวลา 10.00 น.