เมื่อเวลา 16.40 น. วานนี้ (23 มิ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุม ผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี–เจ้าพระยา–แม่โขง ครั้งที่ 6 ที่กรุงเนปยิดอ ประเทศเมียนมาว่า ทุกอย่างผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ปัญหาทุกเรื่องทั้งหมดอย่างไรตนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะต้องทำให้ดีที่สุด วันนี้ไม่ดี วันข้างหน้าก็ต้องดี หรือจะให้วันนี้ดี แล้ววันข้างหน้าล้มละลาย ก็คงต้องเลือกเอา เงินทองจะได้ใช้กันให้หมดไป เป็นหนี้เป็นสิน สุดท้ายก็ล้มละลาย อยู่ที่ทุกคน หากต้องการให้ประเทศสงบสุข ก็ต้องคิดใหม่
"ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับนักข่าว แต่ทุกวันนี้ก็เขียนโจมตีผมทุกวัน แต่ละเล่ม เขียนโจมตีทั้งนั้น ผมขี้เกียจจะพูด ผมทำเยอะ แต่ไม่มีใครเขียนในสิ่งที่ผมทำ หรือเขียนก็น้อยมาก แต่ให้ความสนใจกับความขัดแย้งมาก ความขัดแย้งก็มาก การเมืองก็แย่ ดินฟ้าอากาศก็แย่ เกษตรกรไม่มีรายได้ คนเรียกร้องจะขึ้นค่าแรง ผมถามว่า จะเขียนให้บ้านเมืองมันสงบได้หรือไม่ ทุกคนต่างก็รู้ว่า ทุกอย่างคือปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของโลก แต่สื่อไม่เคยลดราวาศอกในเรื่องเหล่านี้เลย พอผมพูด ก็หาว่าผมปิดบังความจริง ทุกคนรู้กันหมด ต้องช่วยกันคิด และให้เวลาเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน เพราะปัญหาต่างๆ เกิดมาหลายสิบปีแล้ว เพราะโครงสร้างไม่ได้ทำและแก้ไข วันนี้เรากำลังเริ่มแก้ที่โครงสร้างทั้งหมด ทั้งภาคการเกษตร น้ำ สาธารณูปโภค กฎหมาย ทุกอย่างแก้หมด แต่สื่อก็เขียนว่าผมไม่มีผลงานอะไรเลย การปฏิรูปไม่ได้ทำเลย ผมเสียใจอยู่เหมือนกันแหละ ดันเกิดมาอยู่ประเทศนี้ ก็ต้องเสียใจ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีการคิดของคนไทย ไม่ใช่ว่าตนจะไม่สงสาร ที่ทำทุกวันนี้ก็เพราะสงสารคนจน สงสารผู้ที่มีรายได้น้อย รู้ดีว่าลำบากแค่ไหน ถ้าไม่สงสารคนจน ตนไม่อยู่หรอก เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้จะทำไปเพื่อใคร ทุกประเทศที่ตนเดินทางไปร่วมประชุม ต่างก็มีความก้าวหน้า ไม่เห็นมีใครพูดในเรื่องของความขัดแย้ง ทุกประเทศอยากให้ยุติความขัดแย้ง มีแต่ประเทศเรา ที่พยายามจะขุดกันออกมา ทั้งเรื่องนู้น เรื่องนี้ แล้วบอกว่า เราไปปิดกั้น ถ้าปิดกั้นจริง มันไม่เป็นเช่นนี้หรอก
" ผมเองไม่ต้องมาอารมณ์เสียอย่างนี้ ถ้าจะปิดกั้น ก็ปิดไปเลย ปิดทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ซึ่งก็น่าจะเกรงใจผมบ้าง ไม่มีเลย อยากจะเขียนอะไร เขียน อยากจะด่าอะไร ก็ด่า หลายคนก็ไม่ได้เลือกผมเข้ามาทั้งสิ้น ไม่มีใครเลือกผมเข้ามาอยู่แล้ว ผมดันอยากเข้ามาเอง คงอยากเข้ามามีผลประโยชน์ หรือเปล่าไม่รู้นะ สื่อถึงได้เขียนกันนักหนา ว่ามีผลประโยชน์ตรงนั้น ตรงนี้ ผมเข้ามาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้คนไทยทุกคน ไม่ได้มาเพื่อใครทั้งสิ้น แต่วันนี้กลับถูกแบ่งพวกกันไปทั้งหมด จนหลายคนหมดกำลังใจในการทำงาน ข้าราชการเองก็แย่ เพราะผมก็ต้องกวดขัน ขณะเดียวกัน ก็ถูกโจมตี เขาก็ไม่รู้จะไปกันอย่างไรแล้ว ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ 90 กว่าเปอร์เซนต์ ก็เกิดความท้อแท้ ครม.ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ผลประโยชน์เขาก็ไม่ได้ แต่ก็ถูกด่าถูกว่าทุกวัน ไม่มีให้กำลังใจ อยากถามว่า ใครจะทำงานให้ แล้วจะมาเอาอะไรจากผม เบื่อ ไม่อยากที่จะบ่น"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่าง ตนคิดเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาสิโน หรือเรื่องอื่นๆ ถ้าสื่ออยากจะต่อว่า ก็ขอให้ไปต่อว่าพวกนักการเมืองที่ออกมาพูดบ้างสิ กล้ากันหรือไม่ ไปถามดูซิว่าพูดกันทำไม ปฏิรูปคืออะไร ไปถามกันบ้าง โดยเฉพาะบรรดาอดีตรัฐมนตรีต่างๆ ไปถามเขาสิว่า ต้องการให้ปฏิรูปอย่างไร ไม่ใช่มาไล่ถามตนทุกวันอย่างนี้ บอกทุกวัน ทำให้ทุกวัน แต่ไม่ฟัง หรือฟังก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จะถามให้มีเรื่องกันให้ได้ ตนไม่ได้โกรธผู้สื่อข่าว เพราะรู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เขียนดีเขาก็ไม่ลงให้ เขียนไม่ดี ท่านอาจจะได้สตางค์ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่จ่ายเงินให้พวกท่าน ก็รู้อยู่ บรรณาธิการ รีไรท์เตอร์ ก็ต้องคอยทำหน้าที่ตรวจข่าวอยู่แล้ว ถ้าเขียนดี เขาก็ไม่ลง
ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า นักข่าวทุกคนได้เงินเดือนตามปกติ ไม่ได้รับเงินใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังว่า "ไม่รู้ จะได้มาอย่างไรไม่รู้ งั้นก็คงรวยกันแล้ว ก็เขียนกันต่อไปซิ เดี๋ยวประเทศนี้มันก็เจ๊งลงไปเองนั่นแหละ คราวนี้ก็คงไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินกันทั้งประเทศ ก็ตามใจ ต่างประเทศพร้อมที่จะลงทุน และเดินหน้า ถามทุกอย่างว่า ประเทศไทยจะเอาอย่างไร ทั้งเรื่องขนส่ง การท่องเที่ยว และอื่นๆ มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น ที่พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีประโยชน์ สร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครชนะ ผมไม่รู้ แล้วเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า ถ้าผมทำแล้วมันไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้ เมืองนี้ หรือช่างมัน เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็ทำกันเอง มันก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้ ผมอยากจะบอกกับพวกเราทุกคนให้กลับไปคิดใหม่ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิด ขอให้คิดถึงคนจนเขาบ้าง ว่าเมื่อไหร่ฝนจะมา น้ำจะมา จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งผมกำลังคิดกับเขาอยู่ แต่พวกคุณก็เอาปัญหากระจุกกระจิกจากข้างบน มาตีกับไอ้ข้างล่าง จนแก้อะไรไม่ได้ ทำให้รวนไปทั้งหมด ล้มทั้งระบบ ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะปฏิรูป หรือปฏิวัติกี่ครั้ง มันก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง เป็นการบ้านที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ มารายงานว่า พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมทหารสื่อสาร ในฐานะเลขานุการคณะทำงานเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ 5 ด้าน ของ คสช. เตรียมเรียกสื่อไทย-เทศ ประมาณ 200 ชีวิต เข้าหารือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความร่วมมือ ถามคำถามอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอข่าวไม่บิดเบือน อย่าทำให้นายกรัฐมนตรีต้องอารมณ์เสีย
"ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับนักข่าว แต่ทุกวันนี้ก็เขียนโจมตีผมทุกวัน แต่ละเล่ม เขียนโจมตีทั้งนั้น ผมขี้เกียจจะพูด ผมทำเยอะ แต่ไม่มีใครเขียนในสิ่งที่ผมทำ หรือเขียนก็น้อยมาก แต่ให้ความสนใจกับความขัดแย้งมาก ความขัดแย้งก็มาก การเมืองก็แย่ ดินฟ้าอากาศก็แย่ เกษตรกรไม่มีรายได้ คนเรียกร้องจะขึ้นค่าแรง ผมถามว่า จะเขียนให้บ้านเมืองมันสงบได้หรือไม่ ทุกคนต่างก็รู้ว่า ทุกอย่างคือปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของโลก แต่สื่อไม่เคยลดราวาศอกในเรื่องเหล่านี้เลย พอผมพูด ก็หาว่าผมปิดบังความจริง ทุกคนรู้กันหมด ต้องช่วยกันคิด และให้เวลาเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน เพราะปัญหาต่างๆ เกิดมาหลายสิบปีแล้ว เพราะโครงสร้างไม่ได้ทำและแก้ไข วันนี้เรากำลังเริ่มแก้ที่โครงสร้างทั้งหมด ทั้งภาคการเกษตร น้ำ สาธารณูปโภค กฎหมาย ทุกอย่างแก้หมด แต่สื่อก็เขียนว่าผมไม่มีผลงานอะไรเลย การปฏิรูปไม่ได้ทำเลย ผมเสียใจอยู่เหมือนกันแหละ ดันเกิดมาอยู่ประเทศนี้ ก็ต้องเสียใจ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีการคิดของคนไทย ไม่ใช่ว่าตนจะไม่สงสาร ที่ทำทุกวันนี้ก็เพราะสงสารคนจน สงสารผู้ที่มีรายได้น้อย รู้ดีว่าลำบากแค่ไหน ถ้าไม่สงสารคนจน ตนไม่อยู่หรอก เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้จะทำไปเพื่อใคร ทุกประเทศที่ตนเดินทางไปร่วมประชุม ต่างก็มีความก้าวหน้า ไม่เห็นมีใครพูดในเรื่องของความขัดแย้ง ทุกประเทศอยากให้ยุติความขัดแย้ง มีแต่ประเทศเรา ที่พยายามจะขุดกันออกมา ทั้งเรื่องนู้น เรื่องนี้ แล้วบอกว่า เราไปปิดกั้น ถ้าปิดกั้นจริง มันไม่เป็นเช่นนี้หรอก
" ผมเองไม่ต้องมาอารมณ์เสียอย่างนี้ ถ้าจะปิดกั้น ก็ปิดไปเลย ปิดทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ซึ่งก็น่าจะเกรงใจผมบ้าง ไม่มีเลย อยากจะเขียนอะไร เขียน อยากจะด่าอะไร ก็ด่า หลายคนก็ไม่ได้เลือกผมเข้ามาทั้งสิ้น ไม่มีใครเลือกผมเข้ามาอยู่แล้ว ผมดันอยากเข้ามาเอง คงอยากเข้ามามีผลประโยชน์ หรือเปล่าไม่รู้นะ สื่อถึงได้เขียนกันนักหนา ว่ามีผลประโยชน์ตรงนั้น ตรงนี้ ผมเข้ามาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้คนไทยทุกคน ไม่ได้มาเพื่อใครทั้งสิ้น แต่วันนี้กลับถูกแบ่งพวกกันไปทั้งหมด จนหลายคนหมดกำลังใจในการทำงาน ข้าราชการเองก็แย่ เพราะผมก็ต้องกวดขัน ขณะเดียวกัน ก็ถูกโจมตี เขาก็ไม่รู้จะไปกันอย่างไรแล้ว ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ 90 กว่าเปอร์เซนต์ ก็เกิดความท้อแท้ ครม.ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ผลประโยชน์เขาก็ไม่ได้ แต่ก็ถูกด่าถูกว่าทุกวัน ไม่มีให้กำลังใจ อยากถามว่า ใครจะทำงานให้ แล้วจะมาเอาอะไรจากผม เบื่อ ไม่อยากที่จะบ่น"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่าง ตนคิดเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาสิโน หรือเรื่องอื่นๆ ถ้าสื่ออยากจะต่อว่า ก็ขอให้ไปต่อว่าพวกนักการเมืองที่ออกมาพูดบ้างสิ กล้ากันหรือไม่ ไปถามดูซิว่าพูดกันทำไม ปฏิรูปคืออะไร ไปถามกันบ้าง โดยเฉพาะบรรดาอดีตรัฐมนตรีต่างๆ ไปถามเขาสิว่า ต้องการให้ปฏิรูปอย่างไร ไม่ใช่มาไล่ถามตนทุกวันอย่างนี้ บอกทุกวัน ทำให้ทุกวัน แต่ไม่ฟัง หรือฟังก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จะถามให้มีเรื่องกันให้ได้ ตนไม่ได้โกรธผู้สื่อข่าว เพราะรู้ว่าทุกคนก็รับใบสั่งมา เขียนดีเขาก็ไม่ลงให้ เขียนไม่ดี ท่านอาจจะได้สตางค์ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่จ่ายเงินให้พวกท่าน ก็รู้อยู่ บรรณาธิการ รีไรท์เตอร์ ก็ต้องคอยทำหน้าที่ตรวจข่าวอยู่แล้ว ถ้าเขียนดี เขาก็ไม่ลง
ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า นักข่าวทุกคนได้เงินเดือนตามปกติ ไม่ได้รับเงินใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังว่า "ไม่รู้ จะได้มาอย่างไรไม่รู้ งั้นก็คงรวยกันแล้ว ก็เขียนกันต่อไปซิ เดี๋ยวประเทศนี้มันก็เจ๊งลงไปเองนั่นแหละ คราวนี้ก็คงไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินกันทั้งประเทศ ก็ตามใจ ต่างประเทศพร้อมที่จะลงทุน และเดินหน้า ถามทุกอย่างว่า ประเทศไทยจะเอาอย่างไร ทั้งเรื่องขนส่ง การท่องเที่ยว และอื่นๆ มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น ที่พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีประโยชน์ สร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครชนะ ผมไม่รู้ แล้วเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า ถ้าผมทำแล้วมันไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้ เมืองนี้ หรือช่างมัน เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็ทำกันเอง มันก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้ ผมอยากจะบอกกับพวกเราทุกคนให้กลับไปคิดใหม่ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิด ขอให้คิดถึงคนจนเขาบ้าง ว่าเมื่อไหร่ฝนจะมา น้ำจะมา จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งผมกำลังคิดกับเขาอยู่ แต่พวกคุณก็เอาปัญหากระจุกกระจิกจากข้างบน มาตีกับไอ้ข้างล่าง จนแก้อะไรไม่ได้ ทำให้รวนไปทั้งหมด ล้มทั้งระบบ ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะปฏิรูป หรือปฏิวัติกี่ครั้ง มันก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง เป็นการบ้านที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ มารายงานว่า พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมทหารสื่อสาร ในฐานะเลขานุการคณะทำงานเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ 5 ด้าน ของ คสช. เตรียมเรียกสื่อไทย-เทศ ประมาณ 200 ชีวิต เข้าหารือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความร่วมมือ ถามคำถามอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอข่าวไม่บิดเบือน อย่าทำให้นายกรัฐมนตรีต้องอารมณ์เสีย