รัฐบาลตั้งศูนย์บริการน้ำช่วยภัยแล้งใน 53 จังหวัด เปิดโครงการ “ปันน้ำดื่ม” เตรียมเปิดบัญชีเฉพาะกิจนำเงินที่รับบริจาคไปจัดซื้อ - เป็นทุนผลิตเป็นน้ำดื่มช่วยเหลือประชาชนประสบภัยแล้ง ชง “บิ๊กตู่” ตัดสินแผนประหยัดน้ำคนเมือง! เลียนแบบไต้หวัน ใครใช้น้ำประปาเยอะต้องจ่ายแพง เน้น “เมืองใหญ่” เชื่อประหยัดน้ำได้ผล “อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ” เสนอภาครัฐ งดเสิร์ฟน้ำเปล่า น้ำชา กาแฟ ในห้องประชุม ใครจะดื่มหามาเอง
วันนี้ (20 ก.ค.) มีรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมจัดตั้งศูนย์บริจาคน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐบาล ตามโครงการ “ปันน้ำดื่มเพื่อพี่น้องไทยประสบภัยแล้ง”
ร้อยเอก ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยพสกนิกรชาวไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในขณะนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ร่วมกับหลายหน่วยงาน จัดตั้งบริการน้ำอุปโภคและบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้ง 53 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์บริจาคน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ในชื่อ “โครงการปันน้ำดื่มเพื่อพี่น้องไทยประสบภัยแล้ง” ขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสนับสนุนงานตามนโยบายของรัฐบาล และเสริมการทำงาน ของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งงานกองทัพที่ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอยู่ในขณะนี้ โดยจะร่วมกับภาครัฐและเอกชน รับบริจาคน้ำดื่ม รวมทั้งรับเงินบริจาค ที่บริเวณตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเปิดบัญชีเฉพาะกิจเพื่อนำเงินที่รับบริจาคนี้ไปจัดซื้อ รวมทั้งนำไปเป็นทุนผลิตเป็นน้ำดื่มให้ประชาชนได้อุปโภคและบริโภค ต่อไป
ร้อยเอก ม.ล.ปนัดดา ยังได้มอบนโยบายให้แต่ละหน่วยงานไปจัดทำคู่มือมาตรการการประหยัดน้ำ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ข้อปฏิบัติจากภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีน้ำใช้เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภคในช่วงสถานการณ์ภัยแล้งนี้ โดยในวันพรุ่งนี้จะนำเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และจะเริ่มดำเนินการพร้อมจะแถลงการจัดตั้งศูนย์บริจาคน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของรัฐบาล อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) ด้วย
วันเดียวกัน มีการร่วมประชุมกันของกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาตรการบริหารน้ำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในครั้งหน้าในวันพฤหัสที่ 23 ก.ค. นี้
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะเลขา กนช. เปิดเผยภายหลัง ว่า นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุม เพื่อดูแลและวางมาตรการน้ำของประเทศตามแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำปี 59 - 67 จากที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รมว.พาณิชย์ และประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ จะส่งมอบแผนยุทธศาสตร์จัดการน้ำทั้งระบบ 6 ด้าน ให้ กนช. มาวางมาตรการลงสู่การปฏิบัติจริง เช่น มาตรการน้ำประหยัดน้ำ มาตราการเชิงบริหารจัดการ ติดตามโครงการในปี 57 - 58 ได้ทำอะไรไปบ้าง ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อส่งข้อมูลให้รัฐบาลตัดสินใจ
“จะยกระดับคณะอนุกรรมการติดตามสถานการณ์น้ำชุดเล็กของกรมชลประทาน ขึ้นเข้ามาใน กนช. ที่ต้องประชุมทุกวัน เชื่อมโยงข้อมูลกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ พร้อมตั้งชุดขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ชุดประชาสัมพันธ์ ที่จำเป็นต้องเกาะสถานการณ์ในทุกพื้นที่ เพราะนายกฯ สั่งงานมาทุกวันไม่เว้นเสาร์ - อาทิตย์ ให้ขุดบ่อขุดสระเพิ่มในจุดจำเป็นตามแหล่งน้ำธรรมขาติ เรียกว่าบ่อเล็กในบ่อใหญ่ โดยกรมชลฯ เสนอมาในเขตชลประทาน จำนวน 12 แห่ง ที่สามารถขุดเป็นจุดๆ ให้มีความลึกลงกว่าเดิมในแหล่งน้ำที่มีอยู่แล้ว” นายจตุพร กล่าว
ส่วนมาตรการประหยัดน้ำในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต้องเร่งทำทันทีเพื่อให้เท่าเทียมกันระหว่างคนเมืองและภาคเกษตร ที่ผ่านมา ห้ามส่งน้ำให้พื้นที่ปลูกข้าว ซึ่งชาวนาจะเกิดความรู้สึกน้อยใจได้ โดยให้การประปานครหลวง ไปสำรวจปริมาณการใช้น้ำซึ่งพบว่าใช้น้ำ 51% ในภาคครัวเรือน 49% ภาคธุรกิจ ภาคราชการ อุตสาหกรรม รวมใช้น้ำ 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จะมาหารือใน กนช. และวางมาตรประหยัดน้ำอย่างเข้มงวด
“สำหรับคนเมือง ซึ่งจะเริ่มภาคราชการก่อน เช่น ผมเคยอยู่กรมน้ำ ทำได้ผลมาแล้ว ประหยัดงบได้เดือนละหลายหมื่นบาท โดยไม่เสิร์ฟน้ำเปล่า น้ำชา กาแฟ ในห้องประชุม ห้องทำงานต่าง ๆ ใครจะทานมาหยิบเองมีตั้งไว้เท่านั้น ส่วนภาคครัวเรือนและธุรกิจ อาจนำเอาแบบไต้หวัน มาใช้มีกฎหมายคุมเข้ม เพราะเขาเกิดวิกฤติน้ำขาดแคลน ถ้าใครใช้น้ำเยอะต้องจ่ายค่าน้ำแพง” นายจตุพร กล่าว
