ประธาน กมธ.ยกร่างฯ เผยมีคุยภายในขยายเวลาทำงาน ลงมติ 21 ก.ค. ต้องรอดูเชิญผู้แก้ไขมาถกทันหรือไม่ โต้ไม่ได้อยู่เบื้องหลังคำสั่ง คสช.ยุติสรรหา คปก.ยันไม่มีคุยเรื่องนี้ สวนสุภาพสตรีจอมปล่อยข่าวให้หยุด ไม่งั้นเจอกันที่ศาล ปูดมีอีกคนกุข่าว กมธ.ยกร่างฯ ให้อัยการมีตำแหน่ง รสก. ยันไม่จริง ขอประชาชนอ่านข่าวทางโซเชียลตามหลักกาลามสูตร สงสัยให้ถาม ด้าน “มีชัย” ทำฮือฮาแจกแก้วหน้า 36 กมธ.ยกร่างฯ
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย พัทยา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญแถลงว่า มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว กมธ.ยกร่างฯก็จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้เวลาที่จะครบ 60 วัน คือ วันที่ 23 ก.ค.ก็จะพิจารณาว่าการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯ จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้ทันเวลาหรือไม่ เบื้องต้นได้พูดคุยกันภายในว่าเราจะพิจารณาเรื่องการขยายเวลา และมีมติในวันที่ 21 ก.ค. หากจะลงมติในวันนี้อาจจะเป็นการก้าวล่วงรัฐธรรมนูญชั่วคราว จึงมีเวลาเกือบสัปดาห์ กมธ.ยกร่างฯ จึงมีมติว่าจะทำงานไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไรอยู่ข้างหลังทั้งสิ้น
นายบวรศักดิ์ยังกล่าวถึงคำสั่งของคณะรักษาความเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ให้ยุติการสรรหาคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) และให้กรรมการพ้นตำแหน่ง ความจริงพ้นตำแหน่งไปแล้วตามวาระ และอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อตามที่กรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายกำหนด ทำให้บุคคลจำนวนหนึ่งเข้าใจผิดว่า กมธ.ยกร่างฯ มีการประชุมปรึกษากันในเรื่องนี้ ขอเรียนว่าไม่มีการพูดคุยกันในทางที่จะให้ยุบหรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะว่าใน กมธ.ยกร่างฯ ก็มีกรรมการอยู่คนหนึ่งคือนายบรรเจิด สิงคะเนติ และมีผู้ไปสมัครอีก 2 คน นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ และ น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ตนก็เคยสมัครแต่ถอนตัว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุใดที่ กมธ.ยกร่างฯ จะไปคิดในทำนองที่ไม่ให้มีการสรรหาหรือยุบ แต่ถ้าจะดูการบัญญัติเรื่องการปฏิรูป กมธ.ยกร่างฯ เคยเขียนไว้ในมาตรา 282 (3) เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่เสนอให้สภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศพิจารณาหรือยกเลิกการปรับปรุงกฎหมาย หรือแล้วแต่กรณีการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระหรือขั้นตอนโดยไม่จำเป็น และร่างนี้ยังไม่ได้พิจารณากัน
“เพราะฉะนั้น การที่ไปลือ ไปกล่าวหา กมธ.ยกร่างฯ และผมว่าอยู่เบื้องหลังคำสั่งนี้จึงเป็นการไปทำการตรงกันข้ามกับความจริง ขอร้องคนที่ไปปล่อยข่าวอยู่ในเฟซบุ๊ก ไลน์ ให้ยุติการกระทำดังกล่าวลงเสีย โดยเฉพาะสุภาพสตรีคนหนึ่งที่เคยกล่าวหาผมมาโดยตลอด และผมไม่เคยตอบโต้เลย ถ้ายังกระทำการนั้นอยู่ก็ไปเจอกันที่ศาลอาญา ผมจะดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท” นายบวรศักดิ์กล่าว
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า มีอีกคนหนึ่งไปลงข่าวในเฟซบุ๊ก ในไลน์ ว่า กมธ.ยกร่างฯ ลงมติให้อัยการสามารถที่จะดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจได้ซึ่งไม่เป็นความจริง อัยการบัญญัติให้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็น กมธ.ยกร่างฯ ได้นำความเห็นของอัยการมาพิจารณา และปรับแก้ให้บทบัญญัติว่าด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการเป็นไปตามที่กฎหมายที่อัยการบัญญัติ เพียงแต่กำหนดว่าประธานกรรมการนั้น ไม่ใช่อัยการสูงสุดอีกต่อไป แต่เป็นบุคคลซึ่งข้าราชการอัยการเลือกจากผู้ซึ่งเป็น เคยเป็น หรือไม่เคยเป็นอัยการสูงสุดก็ได้ และกำหนดบทบัญญัติที่ว่าด้วยการการห้ามอัยการไปเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ที่ปรึกษาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคงเดิม ขอร้องผู้ให้ข่าวโดยไม่ถูกต้องว่าอย่าทำเลย ขอร้องให้ประชาชนอ่านข้อความที่ส่งทางโชเชียลมีเดียตามหลักกาลามสูตร ถ้าสงสัยอะไรจริงๆ ถามมาที่ กมธ.ยกร่างฯ จะได้รับคำตอบที่ถูกต้องแท้จริง
เมื่อถามว่าการเลื่อนประชุมในวันที่ 21 ก.ค.เกี่ยวกับการขยายเวลาจะกระทบกับกรอบที่วางไว้หรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า พยายามจะทำให้เร็วที่สุด เนื่องจากเราจะเชิญผู้ที่แก้ไขเพิ่มเติม 9 คำขอมาฟัง กมธ.ยกร่างฯ ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะอะไร ถ้าไม่มีการขยายเวลาก็จะดูว่าจะเชิญมาได้ทันวันที่ 22 ก.ค.หรือไม่ ถ้าทันก็ไม่ต้องขยาย จึงมีมติไม่ได้ในวันนี้ ถ้ามีมติในวันนี้ก็จะมีคนบอกว่าไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้ ก็ต้องรอวันที่ 21 ก.ค.เพราะจะครบ 60 วันคือ 23 ก.ค.แต่ถ้าวันที่ 21 ก.ค.ไม่สามารถเชิญผู้ขอแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 9 คำขอมาชี้แจงได้ ก็แสดงว่า กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาไม่เสร็จ จึงจะเป็นหลักฐานและเหตุผลที่ชัดเจนว่าขยายเวลา ส่วนจะขยายเวลากี่ก็ควรจะเป็นไปตามกำหนดในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งจะขยายทั้งทีก็ควรจะดูให้เรียบร้อย เพราะบทบัญญัติต่างในรัฐธรรมนูญมีเนื้อหาและรายละเอียดสัมพันธ์กันในการอ้างอิงให้ถูกต้อง ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่เสนอแล้วเกิดความผิดพลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวันนี้ นายมีชัย วีระไวทยะ กรรมาธิการฯ ได้แจกแก้วกาแฟให้แก่ กมธ.ยกร่างฯ เป็นที่ระลึกในการประชุมที่พัทยา ซึ่งมี 2 ใบ โดยใบแรกเป็นรูป กมธ.แต่ละคน ส่วนอีกใบจะเป็นรายชื่อกมธ.ยกร่างฯ ทั้ง 36 คน สร้างสีสันในการประชุมเป็นอย่างมาก