แก๊งเพื่อไทยแห่ใช้เวที สนช. รุมทึ้ง ป.ป.ช. ซัดข้อกล่าวหาแก้ที่มา ส.ว. ประหารชีวิตทางการเมือง จับผิดคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย โวยไม่มีตำแหน่งไหนให้ถอด ฐานความผิดเป็นอดีตแล้ว “วิชาญ” ปัดเอกสารปลอม โมเมฝ่ายค้านไม่รับหลักการ - งดออกเสียงถือว่าร่วมสังฆกรรม เด็กเมืองชลถามกลัวจะลงเลือกตั้งหรือไง เตือนอย่าก้าวก่าย อ้างเอกสิทธิ ส.ส. คุ้มครองฟ้องร้องไม่ได้ สนช. เบรกเอือมประเด็นซ้ำ ตั้ง 7 กมธ. ซักถาม 6 ส.ค. นี้
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานในการประชุมนัดพิเศษ วาระเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 248 คน ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
โดยเป็นการแถลงเปิดสำนวนตามรายงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนของผู้ถูกกล่าวหา ตามข้อบังคับ ข้อ 154 วรรคหนึ่ง โดยมี นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนผู้แถลงเปิดคดี ขณะที่ตัวแทนอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 6 คน นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส.กทม., พล.ร.อ.สุรพล จันทร์แดง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส. อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย และพรรคอื่น ๆ เข้ามาร่วมรับฟังการแถลงเปิดสำนวนคดีในห้องประชุมด้วย
ทั้งนี้ นายวิชัย ได้แถลงเปิดสำนวนคดี ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ร่วมกันลงลายมือชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. นำโดย นายอุดมเดช รัตนเสถียร จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 58 และขัดต่อ พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 ซ้ำผู้ถูกกล่าวหายังร่วมลงรายมือชื่อในรัฐธรรมนูญและร่วมลงมติเห็นชอบในวาระต่าง ๆ ด้วย ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญที่ลงมตินั้นเป็นคนละฉบับกับที่ได้เสนอให้แก้ไขไป โดยเฉพาะได้มีการแก้ไขหลักการสำคัญในมาตรา 116 วรรคสอง ที่มีผลให้ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว. ที่สิ้นสุดวาระสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องรอเวลา 2 ปี ถือเป็นการลงมติร่างรัฐธรรมนูญคนละฉบับที่ได้เสนอ โดยร่างดังกล่าวไม่มีสมาชิกลงรายมือชื่อรับรอง ทำให้ญัตติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ
โดย ป.ป.ช. พิจารณาฐานความผิดออกเป็น 7 กลุ่ม แต่ที่ยื่นมายัง สนช. มีทั้งหมด 5 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 คือ ผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 239 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. รวมทั้งพิจารณาและลงมติในวาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 ถือว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กลุ่มที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหาคือนายอภิรักษ์ ศิรินาวิน ที่ลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พิจารณาและลงมติในวาระ 2 และ วาระ 3 ถูกชี้มูลความผิดขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กลุ่มที่ 3 ผู้ถูกกล่าวหารวม 10 คน ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญพิจารณาและลงมติในวาระที่ 3 ถือว่าจงใจใช้อำนาจขัดต่อบัญญัติรัฐธรรมนูญ กลุ่มที่ 4 ผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 คน คือ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ที่ร่วมลงมติในวาระ 1 แต่ ป.ป.ช. เสียงส่วนใหญ่มีมติเห็นว่าไม่ให้ส่งสำนวนมายัง สนช. และ กลุ่มที่ 5 ผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 3 คน ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว ประกอบด้วย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายสมพล เกยุราพันธุ์ และ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้จำหน่ายคดีออก ส่วนกลุ่มที่ 6 และ กลุ่มที่ 7 อยู่ในระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ในกลุ่มที่ 1 มีสมาชิก 2 คน ประกอบด้วย นายทองดี มนิสสาร และนายตุ่น จินตะเวช ได้ถึงแก่กรรม จึงไม่ต้องนำมาพิจารณาตามข้อบังคับ
ต่อมา ตัวแทนอดีต ส.ส. ต่างทยอยแถลงโต้แย้งคัดค้านข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ทุกข้อกล่าวหา เริ่มจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง เป็นการประหารชีวิตทางการเมือง ตั้งแต่การดำเนินกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. การลงมติและความไม่โปร่งใสบางเรื่องของ ป.ป.ช. ซึ่งตนเพิ่งเห็นคำร้องหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่า พวกตนฝ่าฝืนมาตรา 68 เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 56 เท่าที่ดูน่าจะเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมาตรา 61 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ระบุว่า ผู้ร้องต้องระบุชื่อ ที่อยู่อาชีพ เลขบัตรประชาชน และลงวันที่ร้องด้วยตนเอง แต่ว่าผู้ร้องในคำร้องไม่เป็นเช่นนั้น นอกจากนั้น ยังมีระเบียบของวุฒิสภา ที่สอดคล้องกับกฎหมาย ป.ป.ช. ว่าแบบคำร้องขอให้พิจารณาถอดถอนต้องเป็นแบบพิมพ์ แต่คำร้องของผู้ยื่นถอดถอนไม่ได้ทำตาม จึงถือว่าเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งเป็นโทษมหันต์ ผู้ร้องต้องมีหลักแหล่งไม่ใช่เอาคนหลักลอยมาแกล้งร้อง หรือเป็นอีแอบ
นอกจากนี้ ป.ป.ช. ได้ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 20 พ.ย. 56 กรณีมีผู้ร้องว่าพวกตนแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรา 68 พวกตนยืนยันว่า ไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแก้ไข หรือล้มล้างการปกครอง แต่เป็นการทำหน้าที่ในองค์กรนิติบัญญัติ ซึ่งให้อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 ส่วนการกล่าวหาและแจ้งข้อกล่าวพวกตน ตนเคยไปให้การที่ ป.ป.ช. ก็แปลกใจมากว่า เมื่อไปถึงมีนิติกร 2 คน สอบถามตนว่าร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอแก้ไขมีกี่ร่าง รู้หรือไม่ว่ามี 2 ร่าง และมีการแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งตนชี้แจงว่าร่างรัฐธรรมนูญมีร่างเดียว คือร่างที่ นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส. นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำเสนอ แต่บางถ้อยคำตกหล่นไปจึงนำร่างมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ ยืนยันว่า เป็นร่างเดิม และตลอดเวลาการพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา ก็ไม่เห็นมีใครท้วงติงว่ามี 2 ร่าง
ส่วนที่กล่าวหาว่าพวกตนลงมติแก้ไขประเด็นที่มา ส.ว. เป็นการกระทำที่ส่อว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ข้อหานี้ตนไม่เคยทราบมาก่อน ไม่เคยมีการแจ้งหรือตั้งประเด็นในการไต่สวน แล้วมาสรุปตอนท้ายแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมรวบหัวรวบหาง เพราะการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 ถือเป็นเอกสิทธิ์ผู้ใดจะนำไปฟ้องร้องไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้กำลังใจ ป.ป.ช. ที่ทำงานหนักมาตลอด และยังอยากให้องค์กร ป.ป.ช. อยู่คู่บ้านเมือง แต่ก็มีความเคลือบแคลงสงสัยว่ามีบุคคลที่แปลกปลอมเข้าไปอยู่ในคณะบ้างหรือไม่
“อยากให้ประธาน สนช. และสมาชิก สนช. ช่วยถาม ป.ป.ช. ว่าเรื่องที่เสนอถอดถอนเป็นกรณีเดียวกันกับ ส.ว. 38 คน ที่พิจารณาก่อนหน้านี้หรือไม่ เป็นข้อหาเดียวกันเกิดในห้องเดียวกันเวลาเดียวกัน ซึ่ง ป.ป.ช. คงไม่โกหกว่าไม่จริง ถ้าใช่ก็อยากฝากประธาน และสมาชิก สนช. ทุกคนเรื่องมาตรฐานที่ลงมติไว้ว่าควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน” พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าว
ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พวกตนไม่มีตำแหน่งไหนให้ถอดถอนแล้ว เพราะได้พ้นตำแหน่งไปแล้ว ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งเป็นฐานความผิดที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลขณะนี้เป็นอดีตแล้ว จึงเท่ากับว่า ฐานความผิดดังกล่าวที่จะนำไปสู่การถอดถอนได้ถูกยกเลิกแล้วเช่นเดียวกัน
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเรื่องเอกสารปลอมนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทุกเอกสารได้มีการตรวจสอบโดยนิติกรของรัฐสภา ก่อนที่จะบรรจุเข้าวาระการประชุม หลังจากที่ผู้กล่าวหา 114 คน ส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ที่ได้รับเรื่องไว้พิจารณาทันที ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า ป.ป.ช. มีคดีค้างอยู่เป็นพันคดี แต่ทำไมคดีของพวกตนถึงได้มีการเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วพลัน อย่างไรก็ตาม ตนยังเห็นว่า ทำไม ป.ป.ช. จึงไม่มองว่าผู้กล่าวหาทั้ง 114 คน มีความผิดด้วย เนื่องจากผู้กล่าวหาทั้งหมดนั้นก็อยู่ในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการเสนอแปรญัตติในมาตราต่าง ๆ รวมทั้งการลงมติแม้จะไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง แต่ก็ถือว่าอยู่ในกระบวนการพิจารณา ป.ป.ช. เอาอะไรมาคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ผิดหรือเป็นเทวดา ป.ป.ช. เลือกปฏิบัติหรือไม่
“ผมยืนยันว่า ในวาระแรกผู้กล่าวหาทั้ง 114 คน ร่วมสังฆกรรมด้วยแน่นอน ทั้งที่พวกตนปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. โดยชอบธรรม ถ้าคิดเช่นนี้ควรปฏิรูปรัฐสภาก่อนอันดับแรกที่ให้ทุกคนยอมรับข้อบังคบรัฐสภา ดังนั้น จึงขอความเห็นใจจาก สนช. ให้พิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ ยืนยันอีกว่า สิ่งที่พวกตนได้กระทำไปโดยเงื่อนไขที่สุจริต” นายวิชาญ กล่าว
ส่วน พล.ร.อ.สุรพล จันทน์แดง อดีต ส.ส. ชลบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติงานไร้สาระ เสียเวลาโดยใช่เหตุ ทั้งที่รัฐธรรมนูญ 2550 ก็ยกเลิกไปแล้ว ส.ส. ก็หมดความเป็นสมาชิกภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดถอนใคร ที่เหลือให้ถอดถอนตนตอนนี้ก็มีแต่ถอนหงอกกับถอนการเป็นข้าราชการบำนาญ ซึ่งตนได้ปฏิบัติตามหน้าที่แท้ๆในฐานะ ส.ส. แต่พวกท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกลับมาทำให้ยุ่งเหยิง หรือว่าการถอดถอนนี้ ท่านต้องทำให้ได้เพื่อให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหรือกลัวพวกตนจะไปลงสมัครรับเลือกตั้ง
“อย่าได้ก้าวก่ายเรื่องของชาวบ้าน ทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด ขอให้ถอนเรื่อง อย่าทำให้สภาแห่งนี้ต้องเปลืองเวลา เพราะเห็นว่ามีงานอีกมากที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติเมื่อตนเข้ามาเป็น ส.ส. ก็ต้องทำหน้าที่ จะมาขว้างโต๊ะ ป่วนสภาเล่น ลากเก้าอี้ประธาน นั่นใช่หน้าที่ ส.ส. หรือไม่ ถามจริงว่าตนผิดตรงไหน เอาอะไรมาผิด ป.ป.ช. บางคนคุณสมบัติไม่ครบแต่มานั่งทำงาน อยากให้ใครลองสาวเรื่องนี้ดูกับคนที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่มาทำงานรับเงินเดือน” พล.ร.อ.สุรพล กล่าว
ขณะที่ นายชวลิต วิยชสุทธิ์ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ในรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้เอกสิทธิ์ ส.ส. ในการออกเสียงลงคะแนน ไม่สามารถนำไปฟ้องร้องได้ การที่ ป.ป.ช. แบ่งกลุ่มการออกเสียงลงคะแนน เท่ากับละเมิดรัฐธรรมนูญ เสียเองหรือไม่ ในสำนวนบอกว่ามีการใช้เอกสิทธิ์ลงคะแนนในญัตติแรกแล้วเท่ากับยอมรับการมีเอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกรัฐสภาใช่หรือไม่ เมื่อยอมรับแล้วทำไมยังแบ่งกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาตามที่สำนวนส่งมา ส่วนที่ว่าเอกสิทธิ์ไม่คุ้มครองญัตติที่ไม่แก้ไขจากเดิม หรือญัตติปลอม ยืนยันว่า มีญัตติแก้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวเป็นฉบับจริง และผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนายอภิสิทธิ์ร่วมแปรญัตติวาระ2 แต่พอแพ้โหวตกลับนำหลักการที่ตนเองเห็นชอบในญัตติมาฟ้องร้องพวกตน
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากตัวแทนอดีต ส.ส. ได้ทยอยแถลงคัดค้านไป 10 คน นายยุทธนา ทัพเจริญ สมาชิก สนช. เสนอให้ยุติการแถลง เพราะเริ่มมีประเด็นซ้ำกัน ที่ประชุมเห็นด้วย นายสามารถ ขอประสานกับผู้ประสงค์จะแถลงที่เหลือ โดยหลังจากไปหารือ นายสามารถ กล่าวว่า ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มอบฉันทะให้ตัวแทนชี้แจงแทน และกลุ่มรักษาสิทธิชี้แจงเอง แต่หลังจากหารือแล้ว และทั้งวันอดีต ส.ส. ได้เป็นตัวแทนมาแล้วทั้งสิ้น 11คน และสมาชิกได้ฟังประเด็นต่าง ๆ แล้วเห็นว่าครอบคลุมทุกประเด็น จึงไม่ติดใจจะชี้แจงอีก หวังว่า สนช. ได้ฟังครบถ้วนแล้ว อีกทั้งเหตุผลก็เช่นเดียวกับอดีต 38 ส.ว. และกรณีของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และนายนิคม ไวยรัชพานิช ชี้แจงไปแล้ว ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาไม่ติดใจที่จะชี้แจงต่อ
จากนั้นที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการซักถามจำนวน 7 คน และกำหนดนัดประชุมเพื่อซักถามในวันที่ 6 ส.ค. เวลา 10.00 น. ส่วนสมาชิกที่จะยืนญัตติประเด็นซักถามจะต้องส่งภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค. และให้คู่กรณีส่งยื่นคำขอแถลงการณ์สำนวนปิดคดีด้วยวาจาภายในวันที่ 21 ก.ค. แต่หากประสงค์จะยื่นปิดคดีเป็นหนังสือให้ยื่นได้ภายในวันที่ 27 ก.ค.