อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ หนุนกู้เงินสร้างรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร ทำรถวิ่งเร็วขึ้นสูงสุด 120 กม./ชั่วโมง ชาวบ้านซื้อบัตรโดยสารได้ แถมใช้งบถูกกว่าสร้างชินคันเซ็น หรือรถเร็วปานกลาง หวั่นสร้างภาระทางการเงินเพิ่ม
วันนี้ (15 ก.ค.) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้ดูเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดความกว้างของราง 1 เมตร สร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีก 1 ทาง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 ทาง พบว่ามีการตั้งงบประมาณไว้ 11 โครงการ ได้แก่ (1) รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ (2) รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร (3) รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ (4) รถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน (5) รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น (6) รถไฟทางคู่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย (7) รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี (8) รถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฏร์ธานี (9) รถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย (10) รถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และ (11) รถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ โดยทั้ง 11 โครงการ มีวงเงินทั้งสิ้น 260,850,998,100 บาท แบ่งเป็น เงินงบประมาณ 3,914,228,100 บาท และเงินนอกงบประมาณ เงินกู้ 256,936,770,000 บาท หรือคิดเป็น 98.5% ของวงเงินทั้งสิ้นของโครงการ พูดได้ว่าเราจำเป็นต้องใช้เงินกู้เกือบทั้งหมด
นายสามารถกล่าวว่า ถึงแม้ว่าเราไม่มีเงินงบประมาณที่จะใช้ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร ทำให้จำเป็นต้องกู้เงินมาก่อสร้างก็ตาม แต่ตนเห็นด้วยว่าเราควรกู้เงิน เพราะถ้าเรามีรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร ครอบคลุมหลายพื้นที่ จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวมได้เป็นอย่างดี เพราะ รถไฟทางคู่จะช่วยทำให้รถไฟวิ่งได้ด้วยความเร็วเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการขนส่ง รวมทั้งช่วยประหยัดเวลาการเดินทางและการขนส่งได้อีกด้วย ที่สำคัญรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร จะเก็บค่าบริการในอัตราที่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถใช้บริการได้
นายสามารถกล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับการที่รัฐบาลจะกู้เงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด ขนาดราง 1.435 เมตรโดยความร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน วงเงินประมาณ 4 แสนล้านบาท และการกู้เงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขนาดราง 1.435 เมตร โดยความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น วงเงินประมาณ 4 แสนบาท จะเห็นได้ว่ารถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร ใช้เงินลงทุนถูกกว่ามาก และประชาชนส่วนใหญ่สามารถใช้บริการได้ ในขณะที่รถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ที่จะเชื่อมต่อไปสู่เมืองคุนหมิงของจีน โดยวิ่งผ่านประเทศลาวนั้น ยังมีความไม่แน่นอนว่าจีนกับลาวจะได้ข้อยุติด้านความร่วมมือในการก่อสร้าง อาจจะทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อไปสู่คุนหมิงได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น จะทำให้ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ หากรัฐบาลไทยต้องกู้เงินมาก่อสร้าง จะเป็นการสร้างภาระทางการเงินอย่างหนักให้กับรัฐบาล เพราะโครงการนี้ต้องใช้ทั้งเงินลงทุนและเงินในการบริหารจัดการเดินรถสูงมาก ในขณะที่จะมีรายได้น้อย ทำให้รัฐบาลต้องแบกภาระการขาดทุนตลอดไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวตนเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
